‘เต้น’ชูคว่ำรัฐธรรมนูญขจัดรัฐประหาร

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/detail/20160206/221933.html

การเมือง : ข่าวทั่วไป
วันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2559
'เต้น'ชูคว่ำรัฐธรรมนูญขจัดรัฐประหาร

‘ณัฐวุฒิ’ อัด รัฐบาลใช้ทุกกลไกหวังผ่านประชามติต่อยอดอำนาจ คสช.ซ้ำเติมประชาชนให้บอบช้ำ ชี้ รัฐประหารหมดไปต้องคว่ำรัฐธรรมนูญ

                      6 ก.พ. 59  นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. กล่าวว่า เห็นได้ชัดว่ารัฐบาลใช้ทุกกลไก ทั้งสื่อของรัฐ หน่วยราชการทั้งพลเรือนและฝ่ายความมั่นคง กระทั่งนักศึกษารักษาดินแดนที่ต้องไปยืนโฆษณาหน้าหน่วยในวันลงคะแนนเพื่อให้ร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติ ขณะที่สัญญาณการปิดกั้นฝ่ายที่เห็นต่างเข้มข้นขึ้นตลอดเวลา เมื่อเป็นเช่นนี้กระบวนการดังกล่าวจึงขัดกับหลักการพื้นฐานของการทำประชามติที่ต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมและตัดสินใจโดยอิสระ ยิ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อ้างอำนาจที่จะสงวนแนวทางหากประชามติไม่ผ่านโดยไม่ให้ความชัดเจนกับประชาชน ยิ่งทำให้การลงประชามตินี้ไม่น่าไว้วางใจ
                      นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า ฝ่ายผู้มีอำนาจรู้ดีว่าเดิมพันครั้งนี้สูงกว่าที่พูดไว้กับประชาชนว่าเป็นฉบับปราบโกงซึ่งไม่มีใครต่อต้าน แต่แท้จริงคือการบรรจุทุกเรื่องที่ต้องการไว้ครบถ้วน เช่น การนิรโทษกรรมสิ่งที่ คสช.และองคาพยพทำ การเปิดช่องนายกฯ คนนอก ให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญ (ศร.) ประหารรัฐบาลเลือกตั้ง ส.ว.สรรหาแบบคุมเกมได้ และเครือข่ายองค์กรอิสระอื่นที่เชื่อมโยงกันเป็นด่านมรณะของตัวแทนประชาชน จึงชี้ชัดได้ว่า หากร่างรัฐธรรมนูญนี้บังคับใช้ ผู้ได้รับประโยชน์สูงสุดคือเครือข่ายอำนาจของ คสช. ส่วนที่เสียหายมากที่สุดคือระบอบประชาธิปไตย ที่จะอยู่ในสภาพเจ้าชายนิทรา ซึ่งจะซ้ำเติมชะตากรรมของประชาชนให้บอบช้ำยิ่งขึ้น เพราะรากแก้วของปัญหาที่ผ่านมาคือความไม่เป็นประชาธิปไตย ดังนั้น การทำประชามติครั้งนี้จึงถือเป็นการลงคะแนนเสียงของประชาชนที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ประเทศไทย รัฐบาลบอกว่ารัฐธรรมนูญนี้จะทำให้ไม่มีรัฐประหารเกิดขึ้นอีก แต่ตนยืนยันว่า ถ้าจะให้รัฐประหารหมดไปต้องคว่ำรัฐธรรมนูญนี้ เพื่อประกาศต่อสังคมโลกและเครือข่ายอนุรักษ์นิยมในประเทศไทยว่า ประชาธิปไตยแท้จริงเท่านั้นคือการแก้ปัญหาของประเทศ
                      “ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลงกรอบการเรียนรู้เดิมของสังคม ที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมขีดเส้นให้ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของวาทกรรม และความดีความชั่วที่ตัดสินกันเพียงอารมณ์ความรู้สึก เป็นการยึดกุมหลักการที่เป็นสากล และใช้เหตุผลในการหาข้อสรุปร่วมกันภายใต้กติกาที่เป็นธรรม ในอาเซียนวันนี้มี 2 ประเทศซึ่งประกาศว่ากำลังเดินหน้าสู่ประชาธิปไตย คือ เมียนมาร์ ซึ่งแม้หลายฝ่ายยังมีข้อห่วงใย แต่ก็มีรูปธรรมการถอนตัวจากอำนาจของรัฐบาลทหารชัดเจนขึ้นเป็นลำดับ กับไทยซึ่งรัฐบาลทหารกำลังร่างกติกาที่เห็นชัดว่า อำนาจสูงสุดไม่ได้อยู่ในมือประชาชน น่าตกใจว่าวันนี้อนาคตประชาธิปไตยของไทยดูน่าเป็นห่วงกว่าเพื่อนบ้านหรือไม่”

Leave a comment