ตรวจตลาดเออีซี ปูนใหญ่ลุยแขมร์

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/575403

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 11 ก.พ. 2559 05:01

 

ประเดิมเดือนแรกของศักราชใหม่ ต้อนรับการเปิดตลาด เออีซี ปี 2016 ก่อนอัพเดตสถานการณ์ทำความรู้จักกับเพื่อนบ้านรั้วชิดติดกัน อย่างกัมพูชาว่า มีอะไรน่าสนใจมาเล่าขาน ขอกล่าวคำทักทายสไตล์ชาวแขมร์ “อรุณ-ซัว-ซะ-เดย” (สวัสดียามเช้า)

ประเด็นแรก หลายคนอาจไม่ทราบมาก่อนว่า เพื่อนบ้านอย่างชาวกัมพูชา ไม่ชอบให้ใครเรียกขานพวกเขาว่า “ชาวเขมร” แม้ว่าคนไทยส่วนใหญ่จะคุ้นชินกับคำนี้ แต่โปรดทราบ ถือเป็นคำเรียกในเชิงไม่ให้เกียรติกัน เปรียบเหมือนใช้เรียกผู้ที่ยังอยู่ในป่าดง หรือดินแดนดิบเถื่อน

จะให้ดีคนกัมพูชาชอบให้เรียกพวกเขาว่า “แขมร์” (ขะ-แม-ร์) หรือไม่ก็เรียกชาวกัมพูชาไปเลย ฟังดูรื่นหูกว่า

ในแง่ของภาษาพูด ศัพท์หลายคำในภาษาไทยกับภาษาแขมร์มีความหมายเหมือนหรือซ้ำกันอยู่ถึง 30% หลายครั้งการสื่อสารจึงพอเข้าใจกันได้ เหมือนคนไทยกับคนลาวคุยกันโดยไม่ต้องแปล นอกจาก ภาษาพูดที่ตรงกันหลายคำ นิสัยใจคอของคนไทยกับคนแขมร์ ก็ยังมีความคล้ายคลึง

ว่ากันว่า หนึ่งในวิธีสังเกตดูว่าใครเป็น “ชาวแขมร์” ของแท้หรือเทียม ให้ดูที่อาหารการกิน ถ้าชอบกินปลาร้า ถึงขั้นขาดปลาร้าแล้วกินข้าวกินปลาไม่ลง แม่นแล้ว…นั่นแหละ ชาวแขมร์ขนานแท้ เพราะไม่ว่าจะย้ายถิ่นฐานไปตั้งรกรากอยู่ ณ ที่ใด พวกเขาจะมีปลาร้าตามติดไปด้วยเสมอ

ปัจจุบันนอกจากเพื่อนบ้านของไทยรายนี้ กลายเป็นจุดหมายของการลงทุนที่สำคัญ เพราะมีตลาดผู้บริโภคที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ดินแดนแห่งนี้ยังมีอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพีอยู่ในอันดับต้นของกลุ่มประเทศอาเซียน โดยล่าสุดมีจีดีพีสูงถึงประมาณ 6.8% ต่อปี

ส่งผลให้ในเมืองหลวงอย่างพนมเปญ นอกจากมีค่าครองชีพค่อนข้างสูง ค่าเช่าอาคารชุดหรือคอนโดมิเนียมระดับกลาง ยังมีค่าเช่าสูงถึงห้องละประมาณ 600-700 เหรียญสหรัฐฯต่อเดือน ยิ่งถ้าเป็นคอนโดมิเนียมระดับหรู จะมีค่าเช่าสูงถึงเดือนละ 1,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 36,000 บาทขึ้นไป

นอกจากนี้ ทั้งที่ กรุงพนมเปญ และเมืองใหญ่อย่าง เสียมเรียบ กำลังมีการพัฒนาและก่อสร้างอาคารสูงไปทั่ว มองโดยรอบจะเห็นปั้นจั่นเครน ทอดแขนยาวเหยียดสูงเสียดฟ้าเป็นหย่อมๆ สะท้อนให้เห็นถึง โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และที่อยู่อาศัย เบ่งบานไปทั่ว

เศรษฐกิจขาขึ้นของกัมพูชา ทำให้ธุรกิจรายใหญ่สัญชาติไทย อย่างค่าย ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ “เอสซีจี” ซึ่งมองขาดและเห็นโอกาสมานานแล้ว ตัดสินใจโกอินเตอร์เข้าไปปักหลักทำธุรกิจในกัมพูชามาตั้งแต่ปี 2535 หรือเมื่อ 24 ปีที่แล้ว โดยระยะแรกได้ดำเนินธุรกิจในรูปของ “เอสซีจี เทรดดิ้ง”

ต่อมาเมื่อปี 2538 ได้เริ่มก่อตั้งเป็นโรงงานผลิตคอนกรีตผสมเสร็จขึ้นเป็นแห่งแรกในกัมพูชา ตามด้วยปี 2539 ตัดสินใจตั้งโรงงานผลิตปูนซีเมนต์แห่งแรกในกัมพูชาขึ้นที่ จังหวัดกัมปอต (Kampot) โดยใช้ชื่อว่า บริษัทเค ซีเมนต์ (K Cement) ซึ่งปัจจุบันถือเป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่สุด และมีส่วนแบ่งการตลาดสูงที่สุดในกัมพูชา ด้วยส่วนแบ่งการตลาดเกินกว่า 50%

บริษัทดังกล่าวผลิตปูนชนิด Portland และ Plastering ส่งขายให้ตั้งแต่โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียง อาคารพาณิชย์ หมู่บ้านจัดสรร โครงการสร้างสะพาน เขื่อน และงานก่อสร้างอีกหลายรูปแบบในกัมพูชา โดยมียอดขายรวมสูงถึงปีละประมาณ 1 ล้านตัน

อารีย์ ชวลิตชีวินกุล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบริหารกลาง ซึ่งรับผิดชอบดูแลตลาดปูนซีเมนต์ในอาเซียน บอกว่า ปีที่แล้วกัมพูชามีความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ทั่วประเทศ อยู่ที่ประมาณ 4 ล้านตันต่อปี

นอกจากนี้ กัมพูชายังมีอัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจภาครัฐอยู่ในอันดับต้นของอาเซียน ทั้ง 2 ปัจจัย ช่วยกระตุ้นให้ปริมาณการใช้ปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างในกัมพูชาเติบโตในอัตราสูงตามไปด้วย

เพื่อให้สอดคล้องกับบรรยากาศดังกล่าว ก่อนหน้านี้ ทาง “เค ซีเมนต์” จึงได้ขยายไลน์การผลิตเพิ่มขึ้น ทำให้ปัจจุบันมีกำลังการผลิตปูนซีเมนต์รวมเพื่อตอบสนองความต้องการใช้ปูนภายในกัมพูชาได้สูงถึงปีละประมาณ 2 ล้านตัน

“เราเป็นผู้นำตลาด ทั้งปูนซีเมนต์ เกรดพรีเมียม ปูนซีเมนต์ทั่วไป และหลังคากระเบื้องคอนกรีต สินค้าซึ่งผลิตที่นี่มีมาตรฐานเดียวกันกับที่เมืองไทยทุกอย่าง”

ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าจะเป็นโครงการซึ่งอยู่ในพื้นที่พัฒนาแห่งใหม่ของกัมพูชาที่ Koh Pic หรือที่คนไทยชอบเรียกกันติดปากว่า “เกาะเพชร” โครงการ Chroy Changva และโครงการที่ Kam Ko ซึ่งแต่ละโครงการล้วนมีชื่อเสียง และใช้เม็ดเงินลงทุนมหาศาล มูลค่าหลักร้อยหรือพันล้านบาท ล้วนวางใจเลือกใช้ปูนสัญชาติไทยทั้งสิ้น

อารีย์มองว่า ปัจจุบันแม้จะมีบริษัทปูนสัญชาติจีนเข้าไปลงทุนตั้งโรงงานผลิตปูนขายในกัมพูชา แต่ก็ยังไม่น่าจะอยู่ในฐานะที่เรียกว่า เป็นคู่แข่งระดับเดียวกัน เพราะผู้ผลิตปูนฯสัญชาติจีน เน้นขายสินค้าราคาถูก แต่ในแง่คุณภาพสินค้าถือว่าเป็นคนละตลาดกับสินค้าของบริษัทเค ซีเมนต์

“ผู้ผลิตรายใหญ่จากจีนเพิ่งเริ่มเข้ามาผลิตปูนเมื่อปีที่แล้ว มีกำลังการผลิตราวๆ 1 ล้านตันต่อปี แม้เราจะเป็นผู้นำตลาด แต่ก็ไม่เคยประมาท และยังคงยืนหยัดนโยบาย csr ดูแลรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมรอบๆชุมชนที่ธุรกิจของเราไปตั้งฐานการผลิต ภายใต้แนวคิดเมื่อไปทำธุรกิจที่ไหน เราต้องเป็นส่วนหนึ่งของที่นั่นเสมอ”

ซึ่งประเด็นนี้ พรพิมล มฤคทัต รองผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายจัดการดูแลกิจการความรับผิดชอบต่อสังคม สำนักการสื่อสาร บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ยืนยันสอดรับกับอารีย์ว่า

“เรามิได้จ้องแต่จะแสวงกำไร หรือกอบโกยผลประโยชน์จากประเทศที่เข้าไปลงทุน แต่ยังเน้นที่ความมีส่วนร่วมในการดูแลสิ่งแวดล้อม และความเป็นอยู่ของชุมชนรอบๆโรงงาน ควบคู่ไปกับการทำธุรกิจด้วย”

เธอยกตัวอย่างในกัมพูชา นอกจากเอสซีจีใช้กิจกรรมกีฬา นำหน้าเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยได้นำคณะผู้ฝึกสอนจากทีมฟุตบอลเอสซีจีเมืองทอง ยูไนเต็ด และนักกีฬาของทีม เข้าไปแนะนำความรู้ให้แก่เด็กและเยาวชนของกัมพูชาที่สนใจในกีฬาฟุตบอล

ยังได้จัดการแข่งขันฟุตบอล ระหว่างทีม SCG Muangthong United กับทีม K-Cement Cambodian All Stars ของกัมพูชาขึ้น เพื่อมอบรายได้ทั้งหมดเป็นการกุศล

“อย่างครั้งนี้ เรานำเงินรายได้จากการขายบัตรค่าเข้าชมการแข่งขันทั้งหมด ซึ่งมีผู้ชมให้ความสนใจอย่างล้นหลาม เข้าชมแมตช์นี้ถึง 45,000 ที่นั่ง มอบให้แก่โรงพยาบาลเด็ก 2 แห่งในกัมพูชา รวมเป็นเงิน 50,000 เหรียญสหรัฐฯ รวมทั้งยังมอบทุนการศึกษาให้แก่เด็กเรียนดี แต่ยากจน อีกหลายทุน”

“การที่ธุรกิจของเรามุ่งจะเติบโตในตลาดอาเซียน การทำธุรกิจข้ามประเทศยุคนี้ ไม่เพียงต้องสร้างแบรนด์สินค้าของเราให้เป็นที่รู้จักและชื่นชอบในรูปแบบที่สร้างสรรค์ ยังต้องสร้างแรงบันดาลใจ และทำให้แบรนด์ของเราได้ใกล้ชิดกับผู้บริโภคมากขึ้นด้วย”

ถึงบรรทัดนี้ ขอกล่าวคำอำลา “จุมเรียบเลีย” ฉบับหน้าจะมาว่ากันต่อถึงลู่ทางการลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของกัมพูชา ซึ่งกำลังทวีความร้อนแรง แซงหน้าทุกประเทศในอาเซียน.

Leave a comment