ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน
http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05071010958&srcday=2015-09-01&search=no
| วันที่ 01 กันยายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 27 ฉบับที่ 606 |
เก็บมาเล่า
สิริพร ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา
มรภ. สวนดุสิต เปิดศูนย์การเรียนรู้ฯ ข้าวอินทรีย์ เปิดกว้างให้ทุกคนเรียนรู้
ปัจจุบัน การเกษตรของไทยก้าวหน้าไปมาก ทั้งเครื่องมือการทำการเกษตร หรือแม้ยาฆ่าแมลง สารเร่งการเจริญเติบโต หรือแม้แต่กระทั่งสารเพิ่มผลผลิต จนทำให้ลืมไปว่าการที่ใช้สารเคมีมากจนเกินไปทำให้เป็นอันตรายกับผู้บริโภค ดังนั้น มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ซึ่งเห็นความสำคัญในการสร้างคุณภาพชีวิตของทั้งผู้ที่ผลิตเปรียบเสมือนเป็นต้นทาง และผู้บริโภคเปรียบเสมือนปลายทาง จากที่ต้องได้รับผลกระทบจากการใช้สารเคมีต่างๆ จึงได้จัดตั้งศูนย์การเรียนรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยี การปลูกข้าวอินทรีย์แบบประณีตและกรีนเทคโนโลยีจังหวัดปราจีนบุรีขึ้น
ศูนย์การเรียนรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยี การปลูกข้าวอินทรีย์แบบประณีตและกรีนเทคโนโลยีจังหวัดปราจีนบุรี เป็นโครงการที่เกิดขึ้นภายใต้ความร่วมมือของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต กรมการสัตว์ทหารบก กองทัพบก และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุครบ 5 รอบ 2 เมษายน 2558
อาจารย์กิตติศักดิ์ วสันติวงศ์ ในฐานะผู้ดูแลโครงการ และผู้จัดการบริษัท โรงสีข้าวสวนดุสิต จำกัด กล่าวว่า ศูนย์แห่งนี้จัดทำให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ของประชาชน เกี่ยวกับเกษตรอินทรีย์ โดยเฉพาะข้าวซึ่งเป็นหนึ่งในอาหารหลักของคนทั้งโลก หากสามารถผลิตข้าวได้คุณภาพและปลอดสารพิษ จะทำให้ประโยชน์ต่างๆ นั้นกลับคืนมา โดยเฉพาะคุณภาพชีวิต สุขภาพร่างกายและผลผลิตที่ได้คุณภาพ และเป็นมาตรฐานการส่งออกที่ปลอดภัย
โครงการนี้เป็นกิจกรรมขยายผล โครงการส่งเสริมการปลูกข้าวอินทรีย์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิตที่มอบหมายให้ บริษัท โรงสีข้าวสวนดุสิต จำกัด ส่งเสริมให้ชาวนา ตำบลวัดพริก อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก ปลูกข้าวอินทรีย์ จนได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิตข้าวอินทรีย์ของสหภาพยุโรป (EU) จากสำนักงานมาตรฐานเกษตรอินทรีย์แห่งประเทศไทย (มกท.) มาตั้งแต่ปี 2551 และในปี 2557
อาจารย์กิตติศักดิ์ กล่าวต่อว่า นอกจากทางโครงการจะสนับสนุนให้เกษตรกรได้ปลูกข้าวอินทรีย์แล้ว ทางโครงการได้จัดทำโครงการความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ร่วมกับกองทัพบก โดยกรมการสัตว์ทหารบก จัดโครงการปลูกข้าวอินทรีย์แบบประณีต ที่ประสบความสำเร็จทั้งปริมาณผลผลิตและการขอการรับรองมาตรฐานการผลิตข้าวอินทรีย์จาก Institute for Marketecology (IMO) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ตามมาตรฐานของสหภาพยุโรป (EU) สหรัฐอเมริกา (USDA) และสวิตเซอร์แลนด์ (Bio Swiss) มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต
โดยได้เชิญภาคีเครือข่ายร่วมกันจัดทำ ศูนย์การเรียนรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยี การปลูกข้าวอินทรีย์แบบประณีตและกรีนเทคโนโลยี ได้แก่ กองทัพบกโดยกรมการสัตว์ทหารบก มอบพื้นที่ว่างเปล่าในโรงเรียนทหารการสัตว์ กรมการสัตว์ทหารบก จังหวัดนครนายก เป็นที่ตั้งโครงการ บริษัท โรงสีข้าวสวนดุสิต จำกัด จัดหาทุนในการก่อสร้างศูนย์การเรียนรู้ฯ งบประมาณในส่วนของบุคลากรและบริหารโครงการ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สนับสนุนงบประมาณในส่วนของการฝึกอบรม การอบรม และการศึกษาดูงาน มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ศูนย์การเรียนรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยี การปลูกข้าวอินทรีย์แบบประณีตและกรีนเทคโนโลยี เป็นสถานที่ให้การฝึกอบรม การอบรมและศึกษาดูงาน
โดยได้วางแผนการดำเนินกิจกรรมของศูนย์การเรียนรู้ฯ ไว้ว่า ใน 1 ฤดูกาลปลูกข้าว จะจัดให้มีการฝึกอบรม 1 กลุ่ม รับผู้เข้ารับการฝึกอบรมไม่เกิน 20 คน การอบรมจำนวน 6 กลุ่ม รับผู้เข้ารับการอบรมไม่เกิน 30 คน รวม 180 คน และการศึกษาดูงานรับผู้เข้ารับการศึกษาดูงานไม่เกิน 16 กลุ่ม กลุ่มละ 40 คน รวม 640 คน โดยผู้เข้าร่วมไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น โดยรับการสนับสนุนงบประมาณจาก สสส.
มาถึงวันนี้ ศูนย์การเรียนรู้ฯ ได้มีผู้ที่สนใจสมัครเข้ารับการอบรมจำนวน 4 กลุ่ม ได้แก่ ชาวนาที่สนใจจากจังหวัดพิษณุโลก จำนวน 20 คน ทหารเตรียมปลดประจำการ 3 รุ่น รุ่นละ 30 คน นักเรียน นักศึกษา และประชาชนเข้ามาศึกษาดูงาน จำนวน 268 คน ในกิจกรรมการอบรม ได้จัดให้มีการให้ความรู้ในเรื่องหลักการเกษตรอินทรีย์ และการปลูกข้าวอินทรีย์แบบประณีต มีการลงมือเตรียมการเพาะกล้าการดำนาด้วยกล้าอายุน้อยและน้อยต้น ชมผลการปลูกข้าวอินทรีย์แบบประณีต และในการศึกษาดูงานจัดให้มีการดูงานการเตรียมกล้าข้าว การปลูกข้าวอินทรีย์แบบประณีต การหุงและรับประทานข้าวชนิดต่างๆ และทำอาหารคาวหวานจากข้าว
ซึ่งกิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้น ภาคีเครือข่ายได้นำกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่องการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ว่างเปล่าของทหาร เมื่อครั้งเสด็จฯ เพื่อทอดพระเนตร โครงการชลประทานคลองท่าด่าน เมื่อปี 2522 ที่ถูกพัฒนามาเป็น เขื่อนขุนด่านปราการชล ที่ให้ประโยชน์แก่พสกนิกรในจังหวัดนครนายกและใกล้เคียง ความว่า
“ควรจัดทำให้เกิดประโยชน์ต่อทหารและประชาชนในด้านการฝึกอบรมวิชาชีพเกษตรเบ็ดเสร็จ เพื่อนำความรู้ไปพัฒนาถิ่นฐานของตน อันจะนำไปสู่ความมั่นคงของชาติสืบไป”
สำหรับผู้สนใจ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโครงการได้ที่ โทร. (037) 570-448, (037) 403-975-6