มอญเมืองสิเรียม ปากน้ำย่างกุ้ง เจดีย์เยเลพญา และโบสถ์คาทอลิก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05126010958&srcday=2015-09-01&search=no

วันที่ 01 กันยายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 27 ฉบับที่ 606

ภูมิปัญญาท้องถิ่น

บุญยงค์ เกศเทศ

มอญเมืองสิเรียม ปากน้ำย่างกุ้ง เจดีย์เยเลพญา และโบสถ์คาทอลิก

เมืองสิเรียม (Syiam) หรือ ตันลยิน (Thanlyin) ตั้งอยู่ปากแม่น้ำย่างกุ้ง อยู่ห่างจากกรุงย่างกุ้งเพียง 15 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที

ในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 16 ชาวโปรตุเกสเดินเรือมาถึงบริเวณนี้พร้อมกับเผยแผ่ศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก ต่อมา ฟิลิป เด บริโต ยี นิโคเต ทหารรับจ้างชาวโปรตุเกสรายหนึ่งได้ใช้กำลังพวกทหารรับจ้างที่เป็นบริวารเข้ายึดสิเรียม เนื่องจากเห็นว่าเป็นชัยภูมิที่เหมาะในการทำเป็นเมืองท่าค้าขาย จากนั้นก็ตั้งตัวเป็นเจ้าเมือง บีบบังคับให้เรือสินค้าทั้งหลายต้องผ่านมาที่นี่

สิเรียม จึงกลายเป็นศูนย์กลางการค้าทางทะเลแทนเมืองหงสาวดี ยาวนานถึง 13 ปี นิโคเตครองเมืองสิเรียม พร้อมทั้งสร้างบารมี มัวเมากอบโกย ย่ำยีพุทธศาสนา ปล้นชิงวัดวาอาราม ทั้งหลอมทองจากพระพุทธรูปมาหล่อปืนใหญ่ ชาวเมืองสิเรียมโดยทั่วไป รวมไปถึงพระสงฆ์องค์เจ้าต่างรวมใจกันสาปแช่ง ซึ่งก็ทำอะไรไม่ได้มากกว่านั้น เนื่องจากไม่มีอาวุธยุทโธปกรณ์จะต่อต้านได้ นิโคเตยังกำเริบเสิบสานขู่เข็ญบังคับให้ชาวมอญเข้ารีตในศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกหลายหมื่นคน

จนกระทั่ง ในปี พ.ศ. 2256 พระเจ้าอะน่าวแผ่หลุ่น กษัตริย์พม่าแห่งเมืองตองอู ยกทัพเข้าตีเมืองสิเรียมแตก จับนิโคเตฆ่าเสียบประจาน หลังจากนั้น สิเรียม ก็ตกอยู่ในอำนาจของอีกหลายกลุ่ม ทั้งพม่า มอญ สยาม เป็นต้น ปัจจุบัน สิเรียม เป็นแหล่งปลูกข้าว ด้วยเป็นพื้นที่ราบลุ่มปากแม่น้ำ อีกทั้งยังเป็นเมืองอุตสาหกรรมที่สำคัญของเมียนมาอีกด้วย

บริเวณปากแม่น้ำย่างกุ้งมีเกาะขนาดเล็ก โดยมีเจดีย์เยเลพญา (Ye Le Paya) ประดิษฐานอยู่บนเกาะขนาดเล็กนี้ด้วย มีคำบอกเล่ากันมาเป็นตำนานว่า เมื่อราวพันปีก่อนได้มีพระพุทธรูปงดงามลอยมาติดเกาะ ผู้คนเห็นเป็นที่อัศจรรย์ จึงร่วมกันอัญเชิญขึ้นประดิษฐาน พร้อมทั้งขนานนามพระพุทธรูปองค์นี้ว่า “ง้าซัดพญา”

ด้วยเห็นว่าเป็นพระพุทธรูปที่แกะจากหินอ่อน ประดับเครื่องทรง ลักษณะพระพักตร์ขาวเด่น มีรอยยิ้มเปี่ยมด้วยพระเมตตา อีกทั้งยังสามารถถอดแยกออกได้ถึง 5 ชิ้น คือ พระพาหา 2 ชิ้น พระเพลา 2 ชิ้น และพระเศียรอีก 1 ชิ้น

ต่อมาในราวคริสต์ศตวรรษที่ 3 พระเจ้าซียาสะนา ทรงสร้างเจดีย์เยเลพญาขึ้น เพื่อประดิษฐานพระพุทธรูป โดยทรงตั้งจิตอธิษฐานไว้ 3 ประการ

ประการแรก ถึงแม้เกาะจะมีขนาดเล็กก็ตาม แต่ถ้ามีผู้คนขึ้นเกาะมากราบไหว้บูชาด้วยความศรัทธามากมาย ก็ขอให้เป็นพื้นที่เพียงพอรองรับผู้คนได้ทั้งหมด

ประการที่สอง ขอให้ผืนดินลอยตัวอยู่ได้ แม้ฝนจะตกหนักน้ำจะหลากมามากเท่าใดก็ตาม น้ำก็จะไม่ท่วมเกาะ และ

ประการที่สาม เมื่อผู้คนได้อธิษฐานสิ่งใดๆ ก็ตาม ก็ขอให้สมปรารถนาทุกสิ่ง

พุทธศาสนิกชนที่มากราบไหว้บูชาพระพุทธรูปและเจดีย์ต่างก็สามารถตั้งจิตอธิษฐานได้ทั้ง 3 ข้อ หรืออาจมากกว่านั้นได้ตามจิตศรัทธาด้วย ภายในบริเวณผืนเกาะมีพระพุทธรูปหลากหลายรูปทรง และเดชานุภาพอิทธิปาฏิหาริย์ที่แตกต่างกัน ดังเช่น พระสิวลี พระอุปคุต พระพุทธรูปปางต่างๆ รวมไปถึงนัตอีกหลายรูปทรง ล้วนมีอายุนับพันปีทั้งสิ้น บริเวณฝาผนังยังมีภาพเขียนอีกจำนวนมาก แสดงให้เห็นถึงคตินิยม ค่านิยม การดำเนินชีวิต อันเป็นวิถีและวัฒนธรรมของผู้คนจากอดีตผ่านมาถึงปัจจุบัน พร้อมทั้งทำนายอนาคตของสังคมมนุษย์ไว้อย่างมีเลศนัยอีกด้วย

บรรดาพุทธศาสนิกชนจากหลากหลายถิ่นทั้งใกล้และไกลต่างนั่งเรือข้ามฟากมาจากผืนดินริมฝั่ง เพื่อมาอธิษฐานกราบไหว้บูชาขอพรกันอย่างต่อเนื่อง สิ่งของเครื่องบูชาพระพุทธรูปและผีนัตในพม่านั้นคล้ายคลึงกันแทบทุกวัด ทุกมหาเจดีย์ ประกอบด้วย มะพร้าว กล้วย ผลไม้ต่างๆ ดอกไม้ และใบไม้ชนิดหนึ่ง เรียกกันว่า “ใบแห่งชัยชนะ” นอกจากนี้ ข้างประตูทางเข้ายังมียักษ์สีเขียว 2 ตน ขนาบอยู่ซ้ายขวา เชื่อถือกันว่าเป็นยักษ์ศักดิ์สิทธิ์ หากใช้มือลูบหลังยักษ์แล้ว นำมาลูบร่างกายบริเวณที่ปวดเมื่อย เจ็บ ขัดยอก อาการดังกล่าวจะทุเลาเบาบางและหายไปในที่สุด

บนผืนแผ่นดิน ณ ริมฝั่งเมืองสิเรียม ยังมีเจดีย์ใหญ่รูปทรงเหมือนกับเจดีย์ชเวดากองอีกองค์หนึ่ง เรียกกันว่า ไจ๊ก์เค้าพญา (Kyaik Kauk Paya) มีตำนานเล่าขานกันสืบมาว่า เจดีย์องค์นี้สร้างขึ้นเมื่อกว่าสองพันปีมาแล้ว ในยุคสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชแห่งอินเดีย แต่ภายหลังได้บูรณปฏิสังขรณ์เพิ่มเติมขึ้นใหม่ จึงเห็นรูปทรงในปัจจุบัน ซึ่งจำลองมาจากเจดีย์ชเวดากอง ด้วยจุดประสงค์เพื่อให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณนี้สามารถบวงสรวงสักการะได้ตลอดเวลา โดยไม่ต้องเดินทางไปกราบไหว้บูชามหาเจดีย์ชเวดากองถึงกรุงย่างกุ้ง

Leave a comment