หมอเกษตร ทองกวาว

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05078010958&srcday=2015-09-01&search=no

วันที่ 01 กันยายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 27 ฉบับที่ 606

หมอเกษตร ทองกวาว

ไทยยังครองความเป็นเจ้า

ในการส่งออกข้าวของโลก

เรียน คุณหมอเกษตร ทองกวาว ที่นับถือ

ปัญหาเรื่องข้าว ยืดเยื้อมาเป็นเวลานานพอสมควร ทำให้ประชาชนอย่างผมเกิดความสับสน มึนงง ไม่รู้ว่าจะเดินหน้าหรือถอยหลังอย่างไร ยิ่งเกิดปัญหาภัยแล้ง ยิ่งทำให้ผมหวั่นวิตกว่าจะบริโภคข้าวในราคาแพง หรืออาจจะหาซื้อได้ยากก็สุดแท้แต่ ผมจึงอยากทราบเรื่องเกี่ยวกับข้าวของไทย และของประเทศที่เกี่ยวข้องนั้นเป็นอย่างไร เพื่อจะได้เตรียมกายเตรียมใจไว้ให้พร้อม ผมจะติดตามอ่านคอลัมน์ของคุณหมอเกษตร ต่อไป ขอบคุณครับ

ด้วยความนับถืออย่างสูง

วิเศษ วงศ์สารวิทย์

เลขที่ 212/8 หมู่ที่ 11 ตำบลทับคล้อ อำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร 66150

ตอบ คุณวิเศษ วงศ์สารวิทย์

ตามข้อมูลทางสถิติ รายงานโดยกระทรวงเกษตร ของสหรัฐอเมริกา ได้ประเมินสถานการณ์ไว้ว่า ณ เดือนเมษายน 2558 นี้ ปริมาณการผลิตข้าวของทั้งโลก อยู่ที่ 474 ล้านตันข้าวสาร หรือ 707 ล้านตันข้าวเปลือก ลดลงจากปีที่ผ่านมาเพียงเล็กน้อย โดยมีประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ของโลก มี จีน อินเดีย อินโดนีเซีย บังกลาเทศ เวียดนาม และไทย ผลิตได้ 144, 102, 36, 34, 28 และ 19 ล้านตันข้าวสาร ตามลำดับ

มีเรื่องน่าภาคภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศมาเล่าให้ฟัง เมื่อสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร รายงานว่า ปี พ.ศ. 2557 ต่อเนื่องปี 2558 ณ เดือนเมษายน ที่ผ่านมาหมาดๆ ไทยเราส่งออกข้าวได้เป็น อันดับ 1 ของโลก เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน สามารถชิงแชมป์ที่เคยเสียให้กับอินเดีย และเวียดนาม กลับคืนมา ปริมาณที่ส่งออก รวม 11 ล้านตันข้าวสาร ส่วน อินเดีย และเวียดนาม ส่งออกได้เพียง 9 และ 6.7 ล้านตัน เท่านั้น ต้องขอขอบคุณเกษตรกรผู้ยากไร้ นักวิชาการเกษตร ผู้ปิดทองหลังพระ และ ภาคเอกชนที่เข้มแข็ง ได้แสดงผลงานให้ได้ประจักษ์ แม้ว่าสถานการณ์การเมืองยังลุ่มๆ ดอนๆ อยู่ก็ตาม ผมจึงขอคารวะท่านทั้งหลายไว้ ณ โอกาสนี้

สำหรับประเทศผู้นำเข้ารายใหญ่ มี จีน อิหร่าน ฟิลิปปินส์ สหภาพยุโรป และซาอุดีอาระเบีย ในปริมาณ 4.5, 1.7, 1.7, 1.5 และ 1.4 ล้านตันข้าวสาร ตามลำดับ เป็นที่น่าสังเกตว่า ประเทศยักษ์ใหญ่อย่างจีน นำเข้าข้าวมากถึง 4.5 ล้านตัน ทั้งนี้ ในรายงานไม่ได้ระบุว่าเป็นการซื้อด้วยเหตุผลทางการเมือง หรือผลิตไม่พอบริโภค จึงไม่ทราบได้ ส่วนอินโดนีเซีย ในอดีตเคยนำเข้าข้าวจากไทยปีละไม่น้อย ปัจจุบัน กลับผลิตได้พอเพียงบริโภคภายในประเทศแล้ว

การคาดการณ์การผลิตข้าวนาปี ในปี พ.ศ. 2558 ต่อเนื่องปี พ.ศ. 2559 พื้นที่การทำนาของไทยจะลดลง เนื่องจากผลกระทบของภาวะภัยแล้ง ประกอบกับราคาข้าวมีแนวโน้มอ่อนตัวลง ทำให้เกษตรกรหันไปปลูกพืชชนิดอื่นทดแทน นอกจากนี้แล้วผลกระทบดังกล่าวยังอาจส่งผลให้ผลผลิตต่อไร่ลดต่ำลงไปด้วย

กลับมาดูราคาขายได้ของเกษตรกรกันบ้าง ในช่วงเดียวกัน ข้าวเปลือกหอมมะลิใหม่นาปี ราคาเฉลี่ย ตันละ 13,993 บาท และข้าวเปลือกเจ้า ความชื้น 15 เปอร์เซ็นต์ ราคาตันละ 7,603 บาท ส่วนราคาที่ตลาดกรุงเทพฯ ข้าวสารหอมมะลิใหม่ ชั้น 2 ราคาตันละ 27,373 บาท และข้าวสาร 5 เปอร์เซ็นต์ใหม่ ราคาตันละ 11,617 บาท โดยลดลงจากเดือนมีนาคมเล็กน้อย

เนื่องจากปีนี้เกิดภาวะฝนแล้ง น้ำท่วม เกือบทั่วทุกมุมโลก ทำความเสียหายให้กับภาคการเกษตรกันอย่างถ้วนหน้า จึงเป็นโอกาสทองของไทยที่การส่งออกข้าวน่าจะสดใสมากขึ้น ขอวิงวอนผู้เกี่ยวข้องทั้งหลาย โปรดร่วมมือกันผลักดันการส่งออกข้าวให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ อันจะเกิดประโยชน์กับเกษตรกร นักธุรกิจ และประเทศชาติโดยรวม

อยากให้กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรฯ แจ้งด้วยว่า ข้าวที่ค้างอยู่ในสต๊อก ที่เกิดจากโครงการรับจำนำข้าว เมื่อหักกลบลบหนี้กันแล้ว เกิดความเสียหายเท่าไรกันแน่ คนไทยจะได้รับทราบไปพร้อมๆ กัน เราขอขอบคุณเป็นอย่างสูง

เทคนิคการบังคับให้องุ่นออกดอก ติดผล ต้องตัดแต่งกิ่งให้โกร๋น

เรียน คุณหมอเกษตร ทองกวาว ที่นับถือ

ผมซื้อกิ่งองุ่นมาปลูกไว้ในกระถางที่บ้านหลายต้น มีปลูกลงดิน 2-3 ต้น ผมบำรุงต้นอย่างดี ทั้งการใส่ปุ๋ยและให้น้ำ ผมทำอย่างสม่ำเสมอ ต้นเติบโตสวยงามดี เถาเลื้อยไปตามค้างดูเป็นปกติ แต่ผลที่ได้ปรากฏว่า ไม่ยอมออกดอก ออกผลให้ได้ชม หรือชิมแม้แต่ผลเดียว ครั้นจะควั่นที่โคนต้นก็เกรงว่าจะตายเสียก่อน ผมจึงเขียน จ.ม. มาเรียนถามหมอเกษตรว่า ผมควรจะทำอย่างไร ขอคำแนะนำด้วยครับ

ด้วยความเคารพ

สมชัย โภคทรัพย์ไพบูลย์

เลขที่ 42/8 ซอยสุขฤทัย ถนนพหลโยธิน หมู่ที่ 12 ตำบลโคกสำโรง อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี 15120

องุ่น มีถิ่นกำเนิดอยู่ในเขตหนาว เมื่อย่างเข้าฤดูหนาวเป็นระยะพักตัว จะทิ้งใบหมดทั้งต้น การนำมาปลูกในเขตร้อน วัยหนุ่มสาวขององุ่น จะต้องตัดแต่งให้โกร๋น หรือที่ฝรั่งใช้คำว่า ฮาร์ท พรุนนิ่ง ทั้งนี้ ก่อนตัดแต่งกิ่งให้โกร๋น จะต้องงดให้น้ำเป็นเวลา 1 สัปดาห์ เตือนให้ต้นองุ่นเตรียมตัวเข้าสู่ระยะพักตัว พันธุ์คาร์ดินัล ตัดเมื่ออายุ 9-10 เดือน แต่ละกิ่งสาขาเหลือความยาวไว้ด้วยวิธีนับตา คล้ายๆ ปล้องอ้อย 3-4 ตา ส่วน พันธุ์ไวท์มะละกา ตัดเมื่ออายุ 10-12 เดือน เหลือความยาวกิ่งไว้ ด้วยวิธีเดียวกัน คือเหลือตาไว้ 5-6 ตา แล้วนำกิ่งที่ตัดออกไปเผาทำลายให้หมด ป้องกันการสะสมโรคและแมลงศัตรู อย่าลืมทารอยแผลด้วยปูนขาว หรือปูนแดง ป้องกันการคายน้ำ และการเข้าทำลายของโรค หมั่นรดน้ำพอชุ่ม อย่าให้แฉะ อีกประมาณ 2 สัปดาห์ องุ่นจะแตกกิ่งใหม่และใบอ่อน การแตกใบอ่อน มี 2 แบบ คือ แตกออกมาเฉพาะใบอย่างเดียว กับแตกใบออกมาพร้อมกับช่อดอกอ่อน ที่บริเวณโคนก้านใบกับกิ่ง ต่อมาอีก 15 วัน ดอกเริ่มบาน ใช้เวลาเพียง 2 วัน ดอกบาน 100 เปอร์เซ็นต์ จากโคนช่อไปยังส่วนปลาย กิ่งที่ชี้ขึ้นหรือปักลง จับผูกกับค้างให้อยู่ในแนวราบจนสวยงาม ช่อไม่สมบูรณ์ต้องตัดทิ้งไป แต่ให้ช่อห้อยลง ระยะที่ติดผลขนาดเท่าหัวไม้ขีด ให้บังคับด้วยฮอร์โมน จิบเบอเรลลิน ตามอัตราแนะนำข้างฉลาก เพื่อยืดช่อให้ยาวขึ้น ผลไม่อัดกันแน่นเกินไป ประหยัดแรงงานกว่าตัดแต่งด้วยมือ ดูสวยงาม ขายได้ราคา วิธีใช้ฮอร์โมน ให้ใส่สารละลายลงในถ้วยแก้ว หรือถ้วยพลาสติก บรรจงถือด้วยฮอร์โมนไว้ใต้ช่อ แล้วยกระดับขึ้นอย่างช้าๆ จนช่อองุ่นจุ่มลงในฮอร์โมนทั้งช่อชั่วอึดใจ แล้วย้ายไปทำกับช่ออื่นจนครบ และทำซ้ำอีกครั้งหลังจากนี้อีก 1 สัปดาห์ ทำได้ดังนี้ คุณจะได้ผลองุ่นที่สมบูรณ์ตามความประสงค์อย่างแน่นอนครับ

การขยายพันธุ์สตรอเบอรี่ เขาทำกันอย่างไร

เรียน คุณหมอเกษตร ทองกวาว ที่นับถือ

ผมซื้อที่ดินไว้ที่ภาคเหนือ สนใจอยากปลูกสตรอเบอรี่ แต่บางช่วงหาซื้อต้นพันธุ์ได้ยาก และมีราคาแพง ผมจึงเรียนถามคุณหมอเกษตรว่า วิธีขยายพันธุ์สตรอเบอรี่นั้นทำอย่างไร ผมหวังว่าจะได้รับคำแนะนำจากคุณหมอเกษตรเป็นอย่างดี แล้วผมจะติดตามอ่านคำตอบในนิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน

ขอแสดงความนับถือ

ณรงค์ศักดิ์ อิสระวงศ์ภักดี

เลขที่ 352/3 หมู่ที่ 4 ถนนประชาอุทิศ แขวงราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ 10140

ตอบ คุณณรงค์ศักดิ์ อิสระวงศ์ภักดี

วิธีขยายพันธุ์สตรอเบอรี่ นิยมใช้การแยกไหล ซึ่ง ไหลเป็นอวัยวะที่ใช้สำหรับขยายพันธุ์ เช่นเดียวกับไหลของบัว ต้นหรือกอที่สมบูรณ์เต็มที่ จะแตกไหลออกเป็นสาย แพร่กระจายรอบทิศ โดยเฉพาะบริเวณที่ดินมีความชื้น และมีความอุดมสมบูรณ์สูง เมื่อไหลแตกออกและไปสัมผัส มันจะแตกเป็นต้นอ่อนได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉลี่ย ต้นแม่ 1 กอ มีความสามารถให้ไหลได้ 15-20 สาย แต่ละสายให้ต้นอ่อน 10 ต้น การขยายพันธุ์ เริ่มตั้งแต่นำต้นแม่ที่สมบูรณ์ ไม่นำมาจากแหล่งที่มีโรคและแมลงเคยระบาด เลือกพื้นที่ลาดเอียงเล็กน้อย ต้องอยู่ในบริเวณอากาศหนาวเย็น หรือบนที่สูงจากระดับน้ำทะเล ตั้งแต่ 1,000 เมตร ขึ้นไป มีน้ำพอเพียงตลอดฤดูการผลิตไหล ช่วงขยายพันธุ์ควรเริ่มในเดือนพฤษภาคม ปลูกแบบยกร่องแคบๆ สูงจากระดับพื้นดิน 15-20 เซนติเมตร แต่ละแปลงห่างกัน 1 เมตร และระหว่างต้น ห่าง 70-80 เซนติเมตร ปลูกลงแปลงแล้วหมั่นดูแลให้น้ำและปุ๋ย เลี้ยงให้แตกกอออกมา 4-5 ต้น ระยะแรก หากแตกไหลออกมาให้ตัดทิ้งจนกว่าจะถึงเดือนกรกฎาคม จึงปล่อยให้ต้นแม่ผลิตไหลออกมาอย่างอิสระ เมื่อไหลแก่เต็มที่ใช้เวลาไม่นานจะเกิดตุ่ม ต่อมาพัฒนาเป็นรากและต้นอ่อนที่สมบูรณ์ ตามสายของไหลที่เลื้อยไปตามพื้นดินเป็นช่วงๆ คล้ายกับข้ออ้อย แต่ละช่วงห่างกัน 10-15 เซนติเมตร ให้นำถุงเพาะชำ ขนาด 3×5 นิ้ว บรรจุด้วยวัสดุปลูกที่สะอาด และร่วนซุย ระบายน้ำได้ดี วางไว้ใต้ตำแหน่งของต้นอ่อนที่เกิดจากไหลที่มีอยู่หลายต้นใน 1 สาย แต่ควรเลือกต้นที่ 2-5 จะได้ต้นแข็งแรงที่สุด ใช้ลวดหรือไม้ไผ่ดัดให้เป็นง่าม กดยึด บังคับให้ต้นอ่อนสัมผัสกับวัสดุปลูกให้แน่น ในไม่ช้ารากของต้นอ่อนจะแทงลงไปหากินในวัสดุปลูก และเติบโตเป็นต้นสมบูรณ์ ย่างเข้าเดือนสิงหาคม ต่อเนื่องถึงเดือนกันยายน ให้ตัดสายไหลที่โยงกันให้ขาดออก จะได้ต้นอ่อนในถุงเพาะชำเป็นต้นเดี่ยวๆ นำมาเลี้ยงต่อในเรือนเพาะชำจนแข็งแรงดี ใช้เป็นต้นกล้าปลูกลงแปลงในเดือนตุลาคม ได้ทันฤดูกาลปลูกพอดี

Leave a comment