ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน
http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05080010958&srcday=2015-09-01&search=no
| วันที่ 01 กันยายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 27 ฉบับที่ 606 |
สัตว์เลี้ยงสวยงาม
สุจิต เมืองสุข
หมูป่าอินทรีย์ สัตว์เลี้ยงกลางสวน ที่ปากพนัง
อาจจะเคยได้ยินมาก่อนหน้านี้ ที่มีผู้สนใจนำสัตว์ที่ไม่ได้จัดอยู่ในกลุ่มของสัตว์เลี้ยงมาเลี้ยงภายในบ้าน เสมือนสัตว์เลี้ยงสวยงามทั่วไป ให้เล่น กิน นอน ไปพร้อมกับเจ้าของผู้เลี้ยง เช่น หมูจิ๋ว แมงมุม กิ้งก่า หรือสัตว์แปลกอื่นๆ ซึ่งแม้จะไม่ได้จัดอยู่ในหมวดสัตว์เลี้ยงก็ตาม แต่ก็สร้างความสุขใจให้กับผู้เลี้ยงเช่นเดียวกัน ดังเช่น สัตว์เลี้ยงที่จะกล่าวถึงในฉบับนี้ อาจไม่เหมาะนักถ้าจะเลี้ยงเล่นภายในบ้าน แต่สามารถปล่อยให้เดินเล่น วิ่งเล่น ในอาณาบริเวณที่ผู้เลี้ยงจัดไว้ให้
หมูป่า เป็นสัตว์ที่เมื่อกล่าวถึง จะนึกถึงเขี้ยวของมันที่โผล่แทงขึ้นจากด้านล่างของมุมปากทั้งสองข้าง และสร้างความน่ากลัวให้กับผู้พบเห็น เพราะด้วยลักษณะผิวที่หยาบกร้าน สีผิวที่ดำคล้ำ ขนของหมูป่าที่ไม่อ่อนนุ่ม สามารถสร้างจินตนาการของผู้ที่ไม่รู้จักอีกมุมของหมูป่าให้ต้องการหลีกไกลจากสัตว์ชนิดนี้
ในที่นี้ ขอกล่าวถึงหมูป่าในอีกมุม ที่คุณอาจไม่เคยรู้จักและพบเห็นภาพน่ารักๆ ของหมูป่า ที่เรียกได้ว่า เป็นสัตว์เลี้ยงกลางสวนอีกชนิดหนึ่ง
คุณประยูร เจริญขุน หรือ พี่บาว ชายหนุ่มวัย 30 เศษ ชาวปากพนังแต่กำเนิด เป็นเจ้าของสวนแก้วมังกรออแกนิกแห่งแรกของประเทศไทย เป็นที่รู้จักกว้างขวางว่า เป็นเกษตรกรรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จในการทำการเกษตรแบบผสมผสาน พอเพียง และไร้สารเคมี ซึ่งในครั้งนี้ขอเอ่ยถึงเฉพาะส่วนของหมูป่าอินทรีย์ที่คุณประยูรเพาะเลี้ยงไว้
กลางสวนผสมผสานที่คุณประยูรปั้นแต่งมากับมือ สายลมโบกสะบัด พัดความเย็นมาปะทะตลอดเวลา ทั้งที่แดดร้อนจ้า ภายในสวนที่พื้นที่ไม่มากนัก เป็นคอกหมูป่า 3 คอก มีบ่อเก็บมูลหมู สำหรับนำไปใช้ทำน้ำหมักชีวภาพ ทำปุ๋ยอินทรีย์ ซึ่งพื้นที่บ่อมีขนาดใหญ่ แต่ไม่ได้กลิ่นของมูลหมูป่าเลย
คุณประยูร เล่าว่า ก่อนหน้านี้ทำเกษตรเฉพาะการปลูกพืชเท่านั้น มีบ่อน้ำกลางสวนก็ปล่อยปลาธรรมชาติไว้ ไม่ได้เพาะเลี้ยงจริงจัง และไม่เคยคิดจะเลี้ยงสัตว์ กระทั่งมีแนวคิดในการลดต้นทุนเรื่องปุ๋ยอินทรีย์ เพราะที่ผ่านมาต้องแสวงหาปุ๋ยอินทรีย์จากแหล่งอื่น ซึ่งจำเป็นต้องควักเงินในกระเป๋าออกจ่าย เพื่อความสมบูรณ์ของพืชภายในสวน ด้วยเหตุนี้ จึงคิดเลี้ยงหมูป่า เพื่อนำมูลของหมูป่ามาเป็นปุ๋ยอินทรีย์
“ที่ต้องเลี้ยงหมูป่า เพราะหมูป่าไม่เหมือนหมูขาวที่ต้องทำวัคซีน ซึ่งการให้วัคซีนก็ถือเป็นการนำสารเข้าร่างกายของสัตว์อย่างหนึ่ง และเมื่อได้มูลมา มูลสัตว์ชนิดนั้นก็มีส่วนของเคมีจากวัคซีนที่ได้ จึงต้องเลือกหมูป่า เพราะเป็นสัตว์ที่มีภูมิต้านทานในร่างกายของตัวมันเองสูง และไม่ต้องทำวัคซีนใดๆ กับกรมปศุสัตว์ ที่เหลือก็เป็นเรื่องของการดูแลการให้อาหาร ที่ไม่ผ่านการแปรรูปหรือปลอดเคมี นอกจากนี้ มูลหมูยังมีธาตุฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมสูง ซึ่งเป็นธาตุอาหารที่ไม้ผลในไร่ต้องการ”
เมื่อความต้องการให้ปลอดสารลงตัว หมูป่า จึงเป็นปศุสัตว์ที่ตอบโจทย์ที่สุด
คุณประยูร ยอมรับว่า ไม่มีความรู้ในเรื่องของการทำปศุสัตว์แม้แต่น้อย แต่ข้อมูลที่ค้นคว้าศึกษาก่อนเลี้ยงหมูป่า ทำให้ทราบว่า หมูป่าเลี้ยงง่าย กินทุกอย่าง ตายยาก ซึ่งเมื่อนำมาเลี้ยงก็ไม่ผิดหวัง แม้กระทั่งกิ่งแก้วมังกร ไม้ผลที่คุณประยูรปลูกไว้ภายในไร่ หมูป่าก็กินอย่างง่ายดาย ถือเป็นเรื่องดี เพราะกิ่งแก้วมังกรมีสารโพแทสเซียมสูงมาก เมื่อหมูป่ากินเข้าไปและถ่ายออกมา มูลของหมูป่าก็อุดมไปด้วยสารโพแทสเซียม ที่ต้นแก้วมังกรต้องการ
จุดเริ่มต้นของการเลี้ยงหมูป่า คุณประยูร เล่าว่า เมื่อ 5 ปีที่แล้ว หลังสรุปโจทย์ความต้องการลดต้นทุน ด้วยการเลี้ยงหมูป่าเพื่อใช้มูลแทนปุ๋ยอินทรีย์ ก็เริ่มออกหาพ่อพันธุ์แม่พันธุ์หมูป่า โดยตระเวนไปซื้อที่จังหวัดกระบี่ และจังหวัดสุราษฎร์ธานี เลือกซื้อพันธุ์หน้ายาว ซึ่งมีจุดเด่นด้านโครงสร้างใหญ่ ทนโรค ที่ตรงตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ
การเลี้ยงหมูป่าของคุณประยูร ไม่ใช่เพียงได้พ่อพันธุ์แม่พันธุ์มาแล้วจะหยุดอยู่เพียงเท่านั้น คุณประยูร คำนึงค่าใช้จ่ายที่ต้องมีต้นทุนของการเลี้ยงหมูป่า จึงคิดขยายพันธุ์ โดยคัดสายพันธุ์ไว้ทุกครั้งที่ผสม เพื่อให้ได้หมูป่าหน้ายาว คุณภาพดี เนื้อเยอะ โครงสร้างใหญ่ ทนทานต่อโรค และเลี้ยงง่าย
ในช่วงแรกที่นำหมูป่ามาเลี้ยง คุณประยูร เลี้ยงปล่อยให้เหมือนสัตว์เลี้ยงทั่วไป แต่ด้วยลักษณะนิสัยของหมูป่า จะไปเรื่อยๆ ไม่หยุดอยู่กับที่ ออกนอกพื้นที่สวนของคุณประยูรไปกินพืชในพื้นที่ของเกษตรกรรายอื่น ก่อให้เกิดปัญหา ทำให้คุณประยูรเลือกปล่อยหมูป่าบางตัวที่เชื่อง ไม่ออกนอกอาณาเขตสวน ให้กินและอยู่อาศัยอย่างอิสระ ส่วนหมูป่าบางตัว จำเป็นต้องเลี้ยงไว้เฉพาะในคอก เพราะออกนอกอาณาเขตบ่อยครั้ง
“5 ปี ที่ผ่านมา ผมคัดหลายรุ่น คัดสายพันธุ์เพื่อนำมาทำพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ของตนเอง ซึ่งเมื่อเราเลี้ยงเยอะ มีการขยายพันธุ์ จึงมองไปถึงการเพาะเลี้ยงเพื่อจำหน่าย ซึ่งผมขายทุกแบบที่ลูกค้าต้องการ มีทั้งซื้อไปเลี้ยง ซื้อไปเป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ หรือซื้อไปทำเป็นอาหาร”
หมูป่า 3 คอก คุณประยูร แบ่งคอกไว้สำหรับพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ และหมูรุ่น 1 คอก อีก 2 คอกที่เหลือ เป็นคอกที่กั้นไว้อย่างหลวมๆ บนพื้นดิน สำหรับหมูป่าท้อง หมูป่าเล็ก และแม่หมู คอกสำหรับพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ ปล่อยรวมทั้งตัวผู้และตัวเมีย ประมาณ 50 ตัว โดยให้สัดส่วนเพศผู้น้อย เนื่องจากธรรมชาติของหมูป่าจะมีจ่าฝูง และแบ่งอาณาเขตการอยู่อาศัย ดังนั้น หากหมูป่าเพศผู้อยู่รวมกันเยอะจะทำให้เกิดการต่อสู้ บางครั้งอาจกัดกันถึงตายได้
การอาบน้ำและล้างคอก คุณประยูร ทำทุกวัน โดยการฉีดน้ำล้างคอก หมูป่าจะเดินมาเล่นน้ำที่ฉีดล้างคอก กระโดดโลดเต้น เพราะชอบเล่นน้ำ อีกทั้งยังเป็นการทำความสะอาดตัวหมูป่าไปด้วย นอกจากนี้ ยังจำเป็นต้องดูแลให้คอกสะอาด โดยการนำจุลินทรีย์ท้องถิ่นที่ทำขึ้นเองจากมูลหมูป่าในสวน นำไปหมักทำจุลินทรีย์ เพื่อนำกลับมาทำความสะอาดคอก
ธรรมชาติของหมูป่า ในอดีตไม่สามารถจับต้องได้ เพราะเป็นสัตว์ดุร้าย แต่ปัจจุบัน คุณประยูร บอกว่า หมูป่าที่เลี้ยงไว้เริ่มคุ้นเคยกับคน ทำให้พฤติกรรมบางอย่างเปลี่ยนไป หมูป่าจะจำเจ้าของได้ หากเห็นหน้าหรือได้กลิ่นทุกวัน จะไม่ทำร้ายแม้จะเข้าใกล้ อุ้มหรือกอด ทั้งยังปล่อยเล่นภายในสวนหรือบริเวณบ้านได้เหมือนกับสัตว์เลี้ยงทั่วไป
ข้อควรระวัง หากต้องการนำหมูป่าไปเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงภายในสวนหรือบริเวณบ้าน คุณประยูร แนะว่า ไม่ควรเข้าใกล้หรือจับตัวหมูป่าขณะหลับ เพราะสัญชาตญาณสัตว์ป่ายังมีอยู่ หากทำให้ตกใจขณะหลับ อาจกัดหรือวิ่งพุ่งชนได้ ดังนั้น เมื่อหมูป่าหลับอยู่ ควรทำให้ตื่นด้วยการส่งเสียงเสียก่อน แล้วจึงเข้าไปเล่นด้วย นอกจากนี้ หมูป่าจะลืมเจ้าของหากไม่เห็นหน้าหรือไม่ได้กลิ่นนานเกิน 3 วัน ดังนั้น เมื่อต้องอยู่ห่างหมูป่านานกว่า 3 วัน ควรเริ่มทำความคุ้นเคย โดยการให้ดมกลิ่นให้หมูป่าคุ้นเคยก่อน แล้วจึงดำเนินกิจกรรมตามปกติ
การให้อาหาร หมูป่าเป็นสัตว์กินง่าย กินได้ทุกอย่าง แต่หมูป่าที่คุณประยูรต้องการให้เป็นคือ หมูป่าอินทรีย์ จึงต้องหาอาหารที่ปลอดสารเคมีหรือผ่านการแปรรูป คุณประยูร เลือกใช้ผักบุ้งตามร่องสวนปาล์ม เพราะเป็นผักบุ้งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและปลอดสาร นำผักบุ้งมาหั่นละเอียดผสมรำ เป็นอาหารที่ให้ประจำทุกวัน วันละมื้อในเวลาเย็น ปริมาณรำที่ใช้ 15 กิโลกรัม ต่อวัน ส่วน ผักบุ้ง ปริมาณเต็มรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง นอกจากนี้ ยังให้อาหารเสริมเป็นขี้เค้ก สำหรับให้เป็นอาหารเสริมในตอนเช้าให้กับหมูป่า ด้วยกลิ่นของขี้เค้กหมูป่าจะชอบมาก แต่จะเรียกความสนใจได้เพียง 1-2 วันแรก ที่ให้เป็นอาหารเสริม หลังจากนั้น ต้องนำขี้เค้กไปผสมรวมกับรำ เพื่อเพิ่มกลิ่นให้หมูป่าสนใจกิน
ขี้เค้กปาล์ม เป็นอาหารเสริมที่ดี เพราะมีโปรตีนสูง 7-14 เปอร์เซ็นต์ และมีไขมันไม่ต่ำกว่า 11 เปอร์เซ็นต์ และมีราคาถูก ตันละ 30 บาท ให้เป็นอาหารหมูป่า วันละ 1 ตัน เท่านั้น ดังนั้น ต้นทุนเรื่องของอาหารที่ดูเหมือนจะเป็นส่วนที่มากที่สุดของการเลี้ยงหมูป่า วันละไม่เกิน 120 บาท เท่านั้น
การผสมพันธุ์ การคลอด การเลี้ยงลูกหมู ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติของหมูป่า เมื่อลูกหมูป่าอายุได้ 2 เดือน ก็สามารถจำหน่ายได้ ซึ่งผู้ที่สนใจนำไปเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง มักจะซื้อหมูป่าวัยนี้ ด้วยราคา ตัวละ 1,500 บาท ส่วนหมูป่าไซซ์ใหญ่ขึ้นมา คุณประยูร จะขายตามน้ำหนัก โดยคิดราคากิโลกรัมละ 100 บาท สำหรับหมูตัว และหมูชำแหละ ในราคากิโลกรัมละ 150 บาท
ปัจจุบัน สวนท่านขุนเจริญ มีหมูป่าอินทรีย์กว่า 100 ตัว มีจำหน่ายทุกไซซ์ ทุกวัย พร้อมส่งให้ถึงที่ ขึ้นอยู่กับการตกลงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ท่านใดสนใจวิธีการเลี้ยงหมูป่าแบบอินทรีย์และเลี้ยงปล่อยตามธรรมชาติเช่นเดียวกัคุณประยูร เจริญขุน ติดต่อสอบถามหรือขอเข้าชมได้ ที่สวนขุนเจริญ คุณประยูร เจริญขุน 129 หมู่ที่ 9 ตำบลท่าพญา อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช โทรศัพท์ (087) 384-5839