เมื่อมีปัญหา

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05128010958&srcday=2015-09-01&search=no

วันที่ 01 กันยายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 27 ฉบับที่ 606

ธรรมะจากวัด

ดร. พระมหาจรรยา สุทฺธิญาโณ เจ้าอาวาสวัดลอยฟ้า http://www.Skytemple.org

เมื่อมีปัญหา

เชื่อว่า ทุกคนที่เกิดมาเป็นมนุษย์ล้วนเคยเจอปัญหากันมาแล้ว และจะต้องพบปัญหากันอีกไปจนกว่าจะจากโลกนี้ไป แต่หากนำเอาปัญหาที่เคยผ่านมาแล้วมาทบทวนก็จะพบว่า ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้และมีทางออกเสมอ ส่วนแก้ปัญหาแล้วปัญหานั้นจะหมดไปเสร็จสิ้นเด็ดขาด หรือยังหลงเหลืออยู่ นั่นก็คือการแก้ปัญหาที่มีผลออกมาแล้ว

ในฐานะที่เป็นมนุษย์เบาหวานคนหนึ่ง ที่เคียงคู่อยู่กับเบาหวานมาอย่างยาวนาน ดูทีท่าเหมือนความรักของเราจะหวานชื่นขึ้นเรื่อยๆ จาก 100 กว่าจุด ถึง 200 หรือ 300 สูงสุดเคยสูงถึง 700 จุด นับว่ารักกันแทบตายหรือใจจะขาดเลยทีเดียว จึงอยู่ในฐานะแก้ปัญหาเบาหวานอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

สิ่งที่เป็นหัวใจของการแก้ปัญหาเบาหวานคือสติ ต้องคอยเตือนตนเองเสมอว่า ของหวานจากน้ำตาล หรือแป้งจากคาร์โบไฮเดรต ต้องห่างไกล แม้ของหวานจากผลไม้ก็ต้องห่างไกล แม้จะต้องฉันบ้างเพื่อฉลองศรัทธา ต้องตระหนักเสมอว่า เราคือผู้ป่วยเบาหวาน สติจึงสำคัญที่สุด

นอกจากระวังความหวานจากแหล่งต่างๆ แล้ว การออกกำลังควบคู่กันไปก็สำคัญมาก หากไม่ยุ่งงานชนิดติดพันจริงๆ ต้องเดินออกกำลังให้ได้อย่างน้อย 10,000 ก้าว หรือ 5 ไมล์ ขึ้นไป

นี่ก็เป็นวิธีหนึ่งของคำขวัญที่ว่า ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้

อาตมาเคยฟัง อาจารย์สมทรง บุญญฤทธิ์ อดีตอาจารย์สอนวิชาภาษาไทย และวิชาพระพุทธศาสนา โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย ได้อธิบายเศียรของพระพุทธรูปไว้อย่างน่าฟังว่า เวลาเรากราบพระพุทธรูป มองพระพักตร์ของพระองค์ที่อิ่มเอิบ เบิกบาน และมองไปถึงพระเศียร จะเห็นว่า ยอดของพระเศียรนั้นจะมีพระเมาลีแหลม รอบๆ พระเศียรจะเป็นพระเกศหรือพระเกศากลมๆ ซึ่งอาจารย์อธิบายความหมายว่า พระเกศากลมๆ นั้น เป็นสัญลักษณ์สื่อถึง ปัญหา ส่วนพระเมาลี หรือพระโมลีที่แหลมขึ้นไปนั้น หมายถึง พระปัญญาคุณของพระพุทธเจ้า

เวลาที่เราตั้งใจกราบพระพุทธรูปด้วยจิตใจที่สงบ เสมือนจะได้ยินพระสุรเสียงของพระพุทธเจ้าตรัสกับเราผู้กำลังก้มกราบว่า เมื่อใดที่มีปัญหา จงใช้ปัญญาแก้เถิด หรือถ้าทำความรู้สึกซึ้งๆ จะได้ยินพระสุรเสียงที่เปี่ยมด้วยพระเมตตาอันอบอุ่นว่า เมื่อมีปัญหา ใช้ปัญญาแก้นะลูกนะ

คำอธิบายตรงนี้สำคัญมากทีเดียว สิ่งที่จะแก้ปัญหาดีที่สุดคือปัญญา เพราะใช้ปัญญาแก้ปัญหาแล้วไม่มีผลข้างเคียงแต่ประการใด แต่วิธีการอื่นๆ นำมาแก้ปัญหาแล้วยังมีผลข้างเคียงตามมา

ถ้าติดตามข่าวการแก้ปัญหาชีวิตทางสื่อสารและโซเชียลมีเดียตอนนี้ เมื่อมีปัญหาหนัก คนนิยมฆ่าตัวตายกันมากขึ้น แต่เมื่อแก้ปัญหาแล้วปรากฏว่ามีปัญหาตามมาเสมอ เช่น ชาวนาเป็นหนี้ฆ่าตัวตายหนีหนี้ กลายเป็นว่า พ่อบ้านฆ่าตัวตายไปแล้วแต่ลูกเมียต้องหาเงินปลดหนี้ต่อไป

ช่วงหลังๆ คนฆ่าตัวตายรอบคอบมากขึ้น เวลาจะฆ่าตัวตายมักจะกินยาพิษให้ตายกันแบบยกครอบครัว ไม่ต้องมีใครเหลือให้เผชิญทุกข์ต่อ แต่เพื่อนบ้านที่อยู่ข้างหลังต้องจัดการงานศพ และเรื่องราวต่างๆ กันอีก เป็นอันว่าแม้ตายไปแล้วแต่ใช่ว่าปัญหาจะหมดไปตามผู้ตาย แต่ยังมีปัญหาค้างคาอยู่ให้คนอื่นต้องแก้ต่อไปเสมอๆ

นักโทษรายหนึ่งติดคุกมา 10 กว่าปี เพิ่งจะออกจากคุกมาเมื่อเดือนพฤษภาคมนี่เอง ออกจากคุกแล้วไม่รู้ว่าจะทำมาหากินอะไร ไม่ใช้ปัญญาไตร่ตรอง มุ่งหน้าค้ายาบ้า 100,000 กว่าเม็ด คาดว่าทำงานครั้งเดียวรวย มีกินมีใช้ไปตลอดชีวิต แต่ไปไม่รอด ถูกตำรวจจับได้คงต้องเข้าไปทำมาหากินในคุกไม่ต่ำกว่า 30 หรือ 50 ปี อีกเป็นแน่แท้

นี่คือการแก้ปัญหาตามสัญชาตญาณแห่งการอยู่รอดเท่าที่คิดได้ โดยยังไม่ใช้ปัญญา

อีกรายหนึ่ง เด็กอายุ 13 ปี พ่อทิ้งให้อยู่กับแม่ กับพี่น้องอีก 7 คน ในแหล่งเสื่อมโทรมของกรุงเทพฯ ไปโรงเรียนถูกเพื่อนดูถูกหยามหมิ่นว่าเป็นลูกคนจน ไม่มีพ่อ รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ กลับมาบ้านปรึกษากับแม่ แม่จึงสอนว่า ลูกเอ๋ย! ถึงเรายากจนก็ไม่ต้องท้อถอย เมื่อเราจนเราต้องทำงานสุจริตหาเงินให้หายจน

แม่ไม่สอนลูกเปล่าๆ แต่ทำขนมให้ลูกมานั่งขายตามฟุตปาธ ขายเรื่อยไป แปลงคำหมิ่นเหยียดหยามให้เป็นพลังฮึดสู้ ไม่นานเด็กคนนั้นและแม่ก็มีเงินกินขนม กินข้าว ซื้ออุปกรณ์การเรียนที่จำเป็น

ฝ่ายแม่ก็ไม่ยอมแพ้ชีวิต ทำงานหนัก ทำงานมาก ชวนลูกๆ ลุยงาน ไม่ท้อแท้ นับว่าเป็นยอดคุณแม่จริงๆ เป็นแม่พิมพ์ตัวจริง เสียงจริง ที่พิมพ์ลูกดีมีคุณธรรมออกมาสู่สังคม

จนอยู่มาวันหนึ่ง มีคนไปซื้อขนมเด็กคนนี้แล้วนำมาลงเฟซบุ๊ก ใครๆ ก็สงสารพากันมาซื้อขนมอุดหนุนกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง บางคนซื้อขนม 10 ห่อ ทิปเงินให้ 3,000 รางวัลความดีและขยัน ตอนนี้มีเงินหลายหมื่นบาทเก็บฝากธนาคารไว้ หวังว่าคงจะเป็นทุนของครอบครัวที่มีแม่ดี นำลูกทำมาหากินให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป

นี่คือตัวอย่างของการใช้ปัญญาแก้ปัญหา ที่ไม่มีผลข้างเคียงอันจะสร้างปัญหาต่อไป ตรงกันข้าม มีแต่จะเจริญก้าวหน้ายิ่งๆ ขึ้นไป

เมื่อเผชิญปัญหาทุกครั้ง อย่าลุกลี้ลุกลนแก้ปัญหาด้วยอารมณ์ชั่ววูบ แต่จะแก้ปัญหาด้วยปัญญา พิจารณาอย่างถ้วนถี่ แล้วปัญหานั้นจะหมดไปอย่างไม่เหลือเชื้อให้แก้อีก แต่ปัญหาจะกลายเป็นปุ๋ยแห่งความเจริญก้าวหน้าเข้ามาแทนที่ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังเผชิญปัญหา จงพบทางสว่างที่ออกจากปัญหาอันแสนยากลำบากด้วยความปลอดภัยเถิด

Leave a comment