ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/detail/20150915/213455.html
‘ดาว์พงษ์’ชี้การศึกษาสร้างเด็กรู้เท่าทันไอที รู้จักคิดวิเคราะห์ และรู้จักใช้เหตุผล
เมื่อวันที่ 15 กันยายน2558 พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ในการประชุมคณะกรรมการสภาการศึกษา ที่ประชุมได้รายงานความคืบหน้าของการดำเนินการเรื่องต่างๆในการปฎิรูปการศึกษา โดยเฉพาะเรื่องการดำเนินการจัดทำแผนการศึกษาชาติ พ.ศ. 2560-2574 เป็นแผนระยะยาว 15 ปี ซึ่งตนให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก และกรรมการในที่ประชุมต่างแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่หลากหลายดังนั้น จึงมอบหมายให้คณะอนุกรรมการจัดทำแผนการศึกษาชาติ รวบรวมข้อสังเกตต่างๆไปเป็นแนวทาวเพื่อใช้จัดทำแผนการศึกษาฉบับนี้ โดยแผนดังกล่าวต้องสามารถจับต้องได้มากขึ้น เห็นทิศทางของการศึกษาไทยได้อย่างชัดเจน รวมถึงนำแผนการศึกษาชาติฉบับปัจจุบันที่เคยมีการดำเนินการไว้แล้วมาศึกษาเพิ่มเติมว่ามีช่องโหว่ตรงจุดไหนบ้าง เพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับแผนการศึกษาชาติฉบับใหม่ ที่จะต้องเร่งจัดทำให้แล้วเสร็จภายในปี 2559
“ผมได้เสนอด้วยว่าในแผนการศึกษาชาติฉบับใหม่นั้น จะต้องวางระบบของการผลิตเด็กเพื่อเป็นประชากรไทยในอนาคตให้ รู้จักคิดวิเคราะห์เป็น รู้จักใช้เหตุและผล ไม่ใช่สอนให้เด็กนั่งท่องจำเพียงอย่างเดียว ซึ่งการผลิตเด็กออกสู่ภาคสังคมจะต้องเป็นเด็กไทยที่มีสมองมีสติมีความรอบรู้ เท่าทันโลกแห่งการเปลี่ยนแปลงด้วย ไม่ใช่ผลิตเด็กที่จบออกมาแล้วใช้แต่ความรู้สึกสร้างความสับสนให้แก่สังคม และที่สำคัญแผนดังกล่าวจะต้องเน้นการสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่เด็กและเยาวชนในเรื่องของการใช้เทคโนโลยีด้วย เนื่องจากโลกไอทีทุกวันนี้มีความน่ากลัวมากขึ้นบางทีมีการโพสต์ข้อความ หรือข้อมูลใดก็หลงเชื่อได้ง่ายโดยที่ยังไม่ได้ตรวจสอบ แต่หากเราสอนให้เด็กรู้จักคิดวิเคราะห์ มีเหตุมีผลไม่หลงกลเพราะเด็กรู้เท่าทันของการใช้เทคโนโลยี แต่หากเด็กไม่รู้จักคิดก็จะส่งผลให้พวกเขาหลุดโลกจากการใช้สื่อที่ไม่เหมาะสมได้” รมว.ศึกษาธิการ กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม ได้ย้ำให้คณะอนุกรรมการฯรายงานความคืบหน้าการยกร่างแผนการศึกษาชาติเป็นระยะด้วย
พล.อ.ดาว์พงษ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้หารือถึงการจัดทำแผนยุทธศาสตร์สำหรับเด็กที่มีความสามารถพิเศษ หรือเด็กเก่ง ซึ่งมอบหมายให้ สกศ.ไปศึกษารายละเอียดในการจัดทำยุทธศาสตร์เรื่องนี้ว่าจะมีแนวทางดูแลเด็กเหล่านี้ได้อย่างไรบ้าง เพราะเด็กเก่งมีหลากลายสาขาทั้งด้านวิชาการและด้านกีฬาและมีจำนวนมาก โดยได้ตั้งคำถามจะใช้วิธีการใดที่จะค้นหาเด็กที่มีความสามารถพิเศษเจอทั้งหมด ซึ่งปัจจุบัน ศธ.ยังไม่มีตัวเลขที่แท้จริงและที่ผ่านมาเราไม่มีระบบดูแลพวกเขาให้ครอบคลุม แต่ในอนาคตเด็กเก่งเหล่านี้จะเป็นกำลังหลักสำคัญให้กับประเทศชาติ
