ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/detail/20160215/222448.html
‘ประชามติ’โดย ‘สวัสดิภาพ’ : ขยายปมร้อน โดย อนพัทย์ ดีช่วย (@anapat_nna)
ร่างรัฐธรรมนูญได้เข้าสู่เส้นทางเดินหน้าทำประชามติอย่างเต็มรูปแบบ โดยที่ประชุมร่วมของ “วิษณุ เครืองาม” รองนายกรัฐมนตรี กับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สำนักงบประมาณ กระทรวงมหาดไทย คณะกรรมการกฤษฎีกา และตัวแทนกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ได้มีการเคาะวันที่ออกมาเรียบร้อยแล้วคือช่วง 31 กรกฎาคม และยังได้บทสรุปของการแก้รัฐธรรมนูญให้ชัดเจนในเรื่องของการนับคะแนนประชามติเป็นที่เรียบร้อย รวมถึงงบประมาณหลักเกณฑ์ต่างๆ ก็วางให้เข้ารูปเข้ารอยไว้แล้ว
จากนี้ก็เป็นการปรับปรุงร่างกฎหมายสูงสุดของประเทศ ตามข้อเสนอแนะให้เป็นที่เรียบร้อย ก่อนเดินหน้าลุยตามโรดแม็พที่วางไว้
ทางฝั่งรัฐบาล และคสช.เอง ก็มีการส่งข้อเสนอแนะผ่านรองนายกฯวิษณุ ไปแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และนำรายงาน “นายกฯ” ก่อนบินลัดฟ้าไปประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน-สหรัฐ ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์
ภาพในฉากแรกของการทำประชามตินั้น ดูเข้าที่และชัดเจนแล้ว แต่อีกจังหวะสัญญาณที่ต้องมองต่อไปคือ เมื่อผลคะแนนประชามติออกมาแล้วจะเป็นอย่างไรต่อ หากประชาชนกาคะแนนออกมาว่าส่ายหน้าปฏิเสธ มากกว่า
ช่วงที่ผ่านมามีการพูดถึงความเป็นไปได้ของการนำร่างรัฐธรรมนูญฉบับ “มีชัย” มาปรับแก้เนื้อหา แต่ก็ไม่มีความชัดเจน ซึ่ง “อ.วิษณุ” ได้บอกปัดเรื่องนี้ โดยบอกว่าเป็นเพียงตัวอย่างที่ยกขึ้นมาเท่านั้น
“เหตุใดไม่แก้รัฐธรรมนูญชั่วคราวในเรื่องนี้ไปเลย ผมเลยบอกมันจะแก้ได้อย่างไร เพราะมันมีอยู่ 2-3 ประเด็น 1.ยังไม่รู้ว่าเราจะเอาฉบับไหนขึ้นมาแทน 2.จะทำให้เกิดอคติขึ้นในการลงประชามติ เหมือนมีสินค้า 2 ชิ้นมาเทียบกัน ซึ่งมันไม่ดีไม่ควรจะมาล่อใจกันแบบนั้น 3.ถ้าสรุปว่าสินค้าตัวนี้ไม่ผ่านแล้วจะเอาสินค้าตัวไหนมาวางประกบก็เป็นปัญหาทะเลาะกันจนทำให้เกิดอคติ ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะทำอย่างไร หรือถ้าตัดสินใจได้แล้วเปิดมาตอนนี้ก็จะกลายเป็นความขัดแย้งใหม่ในสังคม แม้ผลประชามติมันก็เป็นตัวแปรหนึ่งที่จะนำมาประกอบ แต่อาจไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ สักจะ 5-10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นอย่างไร แล้วมันผิดตรงไหน ถ้าสมมุติเกิดความแตกต่างนิดเดียวระหว่างรับหรือไม่รับร่างฯ คำว่านิดเดียวหรือมากผมไม่รู้จะวัดอย่างไร อย่างน้อยแต่มีคนจำนวนมากเห็นข้อดี แต่ก็มีคนเห็นข้อเสีย ตอนนั้นไม่ยากที่เราจะรู้ว่าข้อเสียคืออะไรก็แก้ตรงนั้นให้กลายเป็นข้อดีก็หมดเรื่อง แต่ไม่ได้แปลว่าต้องแบบนั้น” อ.วิษณุ แจงเหตุผลถึงการที่ยังไม่แก้รัฐธรรมนูญชั่วคราวให้ชัดเจน ในกรณีที่ประชามติไม่ผ่านไปเลย และเรื่องนี้ที่ยังค้างคาอยู่
ท้ายที่สุดแล้วก็ต้องให้ “บิ๊กตู่” เป็นผู้ตัดสินใจ ชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียว่าจะทำความชัดเจนเรื่องนี้ในช่วงเวลาใด
ขณะที่ “อ.มีชัย” ประธาน กรธ.เองก็ย้ำว่า กรณีที่ประชามติไม่ผ่านเป็นเรื่องของอนาคต และเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องคิด
เมื่อถนนทอดยาวมาถึงตรงนี้แล้ว “พล.อ.ประยุทธ์” เองก็ต้องตกผลึกให้ดีว่าจะมีความกระจ่างในเรื่องนี้เมื่อใด หากเป็นก่อนทำประชามติก็จะได้มองเห็นภาพชัดว่าเมื่อไม่เป็นแบบนี้แล้วจะหยิบร่างใดขึ้นมา ซึ่งต้องแลกกับการอาจทำให้เกิดข้อเปรียบเทียบอย่างที่ รองฯวิษณุ อ้างเหตุผลไว้
แต่ถ้าเป็นหลังการทำประชามติ ก็จะได้เห็นผลที่ออกมาแล้วนำมาสังเคราะห์ด้วยการให้เหตุผลว่า นำเสียงของประชาชนมาเป็นตัวชี้วัด ซึ่งก็ไม่อาจพ้นกับเครื่องหมายคำถามถึงอนาคตที่คลุมเครือ และตกเป็นเป้าให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์
เชื่อว่าปมนี้จะถูกคลายก็อาจจะตอนที่แก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวในเรื่องของผลประชามติ ซึ่งอาจจะแก้ในกรณีการถูกคว่ำไปด้วยกัน หรืออาจจะรอหยั่งกระแสเมื่อ “กฎหมายฉบับปราบโกง” ฉบับนี้ถูกปรุงแต่งจนแล้วเสร็จและเสิร์ฟไปสู่ประชาชน
เมื่อ “พล.อ.ประยุทธ์” ย้ำแล้วว่าจะเส้นทางไปสู่การเลือกตั้ง ที่หมายหลักชัยคือปี 2560 แต่อย่าลืมรายละเอียดระหว่างทางที่จะไปถึงโดย “สวัสดิภาพ” ย่อมสำคัญเช่นกัน!
