พลังหญิงชุมชนคนรักถิ่น เพื่อบ้านมั่นคงคนริมคลอง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/detail/20150913/213246.html

การศึกษา-สาธารณสุข-สิ่งแวดล้อม : ข่าวทั่วไป
วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน 2558
พลังหญิงชุมชนคนรักถิ่น เพื่อบ้านมั่นคงคนริมคลอง

หลากมิติเวทีทัศน์ : พลังหญิงชุมชนคนรักถิ่น เพื่อบ้านมั่นคงคนริมคลอง : โดย…สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน)

                      ผู้หญิงในสังคมไทยปัจจุบัน มีบทบาทไม่น้อยหน้าผู้ชาย โดยเฉพาะงานด้านการพัฒนาชุมชน ไม่ว่าจะเป็นงานด้านสวัสดิการ กลุ่มออมทรัพย์ กลุ่มอาชีพต่างๆ ล้วนมีผู้หญิงเป็นแกนนำในการขับเคลื่อนงานทั้งนั้น เช่นเดียวกับที่ชุมชนคนรักถิ่น แม้ว่าจะเป็นงานเรื่องที่อยู่อาศัย ซึ่งถือว่าเป็นงานที่ “หิน” ต้องใช้ความสามารถทั้ง “บู๊” และ “บุ๋น” แต่พลังของผู้หญิงที่นี่ก็ช่วยกันผลักดันการแก้ไขปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองให้รุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว
                      ชุมชนคนรักถิ่น ตั้งอยู่ริมคลองเปรมประชากร เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ ปัจจุบันมีบ้านเรือนทั้งหมดจำนวน 140 ครัวเรือน ประชากรทั้งหมดประมาณ 700 คน สภาพชุมชนมีลักษณะแออัด ขนานไปกับแนวคลองเปรมประชากร ปลูกสร้างด้วยไม้และคอนกรีตสภาพทรุดโทรม ที่ดินที่ชาวบ้านอยู่อาศัยเป็นที่ดินที่กรมธนารักษ์เป็นผู้ดูแล ชาวบ้านรุ่นแรกๆ ที่เข้ามาอยู่อาศัยที่นี่เริ่มตั้งแต่ปี 2490 มีประมาณ 20 ครัวเรือน ส่วนใหญ่มาจากอยุธยาและปทุมธานี มีอาชีพทำนาและทำอิฐมอญ ภายหลังความเจริญเข้ามา อาชีพดังกล่าวจึงค่อยๆ สูญไป
                      ประเสริฐ ทิวะกะลิน อายุ 70 ปี เล่าว่า ครอบครัวของตนมาจากสระบุรี เข้ามาอยู่อาศัยที่นี่ประมาณปี 2510 เมื่อก่อนในลำคลองน้ำยังใสสะอาด เอาน้ำมาแกว่งสารส้มใช้ต้มกินได้ กุ้ง ปลายังมีเยอะ โดยเฉพาะกุ้งก้ามกรามมีให้จับกิน ผักกระเฉดก็มี ต่อมาเริ่มมีโรงงานกระดาษและโรงงานผลิตนมเข้ามาตั้งอยู่เหนือคลองเปรมฯ น้ำจึงเริ่มเน่าเสีย
                      งามเดือน เมืองประสิทธิ์ อายุ 41 ปี อาชีพค้าขาย บอกว่า เกิดที่นี่ เมื่อก่อนชาวบ้านส่วนใหญ่มีอาชีพพายเรือขายก๋วยเตี๋ยว ขายผลไม้อยู่ในคลอง ประมาณปี 2528-2529 ชุมชนเริ่มมีบ้านเรือนหนาแน่นมากขึ้น เริ่มมีบ้านเช่า มีพนักงานบริษัทเอกชน ข้าราชการที่ทำงานอยู่ในย่านหลักสี่และบางเขนเข้ามาอยู่อาศัย ปัจจุบันชาวบ้านส่วนใหญ่มีอาชีพรับจ้างทั่วไป เป็นแม่บ้าน บ้างก็ทำอาชีพร้อยลูกปัด ทำกระเป๋าขาย
                      งามเดือน ในฐานะที่เป็นกรรมการชุมชนคนรักถิ่น (ผู้ช่วยฝ่ายตรวจสอบ) กล่าวว่า ชาวบ้านที่นี่รู้ข่าวว่ากรมชลฯ จะมีโครงการพัฒนาลำคลองมาตั้งแต่ปี 2555 หลังจากเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 เพราะทางเขตหลักสี่เข้ามาบอกข่าว บางทีก็มีข่าวออกมาว่าทางราชการจะไล่รื้อชุมชนริมคลองเพื่อทำถนนหรือทำรถไฟฟ้า พอปีนี้ (2558) ตอนที่นายกรัฐมนตรีมีประกาศว่าจะจัดระเบียบชุมชนที่รุกล้ำคูคลองชาวบ้านส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ตกใจแต่อย่างใด เพราะชุมชนได้เตรียมเรื่องบ้านมั่นคงมาตั้งแต่ปี 2547 แล้ว
                      “พอช.เข้ามาให้ความรู้เรื่องบ้านมั่นคงตั้งแต่ปี 2546 พอถึงปี 2547 พวกเราจึงตั้งกลุ่มออมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยขึ้นมา ออมกันเดือนละ 100 บาท และมีการไปดูงานเรื่องบ้านมั่นคงตามชุมชนต่างๆ เช่น ที่ริมคลองบางบัวบ้าง ทำให้เรามั่นใจว่าชุมชนคนรักถิ่นสามารถทำโครงการบ้านมั่นคงเพื่อแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยได้” งามเดือนกล่าว
                      กลุ่มออมทรัพย์ชุมชนคนรักถิ่น จัดตั้งขึ้นในปี 2547 มีสมาชิกเริ่มแรก 114 ราย กำหนดออมครัวเรือนละ 100 บาทต่อเดือน ปัจจุบันมีเงินออมรวมกันประมาณ 1.1 ล้านบาท มีสมาชิกจำนวน 102 ราย มีกรรมการ 9 คน ซึ่งจุดเด่นของงานพัฒนาชุมชนที่นี่ก็คือ คณะทำงานเกือบทั้งหมดจะเป็นผู้หญิง เช่น กลุ่มออมทรัพย์ฯ มีคณะกรรมการ 9 คน มีประธานกลุ่มเป็นผู้หญิง มีผู้ชายเป็นกรรมการเพียง 1 คน เช่นเดียวกับกรรมการชุมชนมี 9 คน มีประธานและกรรมการเป็นผู้หญิง 7 คน กรรมการผู้ชาย 2 คน รวมทั้งคณะทำงานบ้านมั่นคงซึ่งมีทั้งหมด 12 คน แต่มีผู้ชายเป็นคณะทำงาน(ทีมช่าง) เพียง 2 คน นอกนั้นเป็นพลังหญิงล้วนๆ
                      ดุสิตธร ทิวะกะลิน ประธานชุมชนและประธานกลุ่มออมทรัพย์ฯ กล่าวว่า หลังจากมีกลุ่มออมทรัพย์บ้านมั่นคงตั้งแต่ปี 2547 แล้ว แต่ทางชุมชนก็ยังไม่ได้ทำเรื่องที่อยู่อาศัย เพียงแต่เตรียมการเอาไว้ ชุมชนเริ่มมาตื่นตัวในปี 2555 เพราะคิดว่าหลังน้ำท่วมใหญ่ ทางราชการคงจะมีนโยบายไล่รื้อชุมชนริมคลอง เพราะอ้างว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้น้ำท่วมกรุงเทพฯ ชุมชนจึงเริ่มประชาสัมพันธ์ข่าวให้ชาวบ้านทราบ มีการจัดประชุม แนะนำเรื่องกลุ่มออมทรัพย์บ้านมั่นคงให้คนที่ยังไม่เข้าร่วมได้เป็นสมาชิก
                      พอถึงปี 2558 เมื่อรัฐบาลมีนโยบายจัดระเบียบชุมชนริมคูคลอง ชุมชนคนรักถิ่นจึงเริ่มทำเรื่องที่อยู่อาศัยอย่างจริงจัง มีการสำรวจข้อมูลชุมชน จำนวนประชากร จำนวนบ้าน อาชีพ รายได้ครัวเรือน หนี้สิน ฯลฯ
                      จากการสำรวจข้อมูลพบว่า ชุมชนมีบ้านเรือนทั้งหมด 140 หลัง เราจึงได้จัดทำผังชุมชนใหม่ โดยมีสถาปนิกชุมชนจาก พอช. และทีมเครือข่ายขบวนองค์กรชุมชนเมืองเขตหลักสี่มาช่วย และประชุมชาวบ้านร่วมกันเพื่อกำหนดสิทธิ์ในที่อยู่อาศัย เช่น 1.คนที่จะได้สิทธิ์จะต้องเป็นสมาชิกกลุ่มออมทรัพย์ฯ 2.จะต้องเป็นคนที่อาศัยอยู่ในชุมชนจริง หรือหากเป็นคนที่เช่าบ้านอยู่จะต้องอยู่ในชุมชนมานานไม่ต่ำกว่า 5 ปี และ 3.ถ้ามีสมาชิกในครัวเรือนมากกว่า 8 คนขึ้นไปจะได้รับสิทธิ์เพิ่ม 1 สิทธิ์ ส่วนคนที่เป็นเจ้าของบ้านเช่า หากมี 3 หลัง ก็จะได้สิทธิ์เพียง 1 สิทธิ์” ดุสิตธร ยกตัวอย่าง
                      ส่วนกระบวนการออกแบบบ้านนั้น ชาวบ้านต่างมีส่วนร่วมในการออกแบบบ้านร่วมกับทีมช่างของชุมชน โดยมีทีมช่างจากเครือข่ายขบวนองค์กรชุมชนเมืองเขตหลักสี่ และสถาปนิกจาก พอช.มาช่วย ได้แบบบ้านทั้งหมด 4 แบบ มีทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านตึกแถว สมาชิกสามารถเลือกแบบบ้านได้ตามความเหมาะสมของอาชีพ จำนวนสมาชิก และรายได้ของครอบครัว
                      นอกจากนี้จะจัดให้มีพื้นที่ส่วนกลาง เช่น ศาลาอเนกประสงค์ ศูนย์สุขภาพชุมชน สวนสาธารณะ บ่อบำบัดน้ำเสีย ที่จอดรถรวม ฯลฯ รวมพื้นที่ทั้งหมด 9 ไร่ 2 งาน 44 ตารางวา ซึ่งทางชุมชนจะทำสัญญาเช่ากับกรมธนารักษ์ระยะเวลา 30 ปี อัตราเดือนละ 18 บาทต่อตารางวา
                      ด้านการก่อสร้างนั้น ดุสิตธร กล่าวว่า ทางชุมชนได้เตรียมแผนงานเอาไว้แล้ว โดยใช้รูปแบบการรื้อย้ายแล้วสร้างใหม่ และแบ่งคณะทำงานออกเป็น 4 ฝ่าย คือ 1.ทีมช่าง 2.ทีมข้อมูล 3.ทีมสังคม และ 4.ทีมบริหารจัดการ ซึ่งในระหว่างที่ทำการก่อสร้างก็จะแบ่งการทำงานออกไปอีก เช่น มีทีมสาธารณูปโภค ทีมจัดซื้อ ทีมตรวจรับวัสดุ ทีมตรวจงานก่อสร้าง ฯลฯ
                      นอกจากนี้ก็ยังมีการตรวจสอบเนื้องาน/ตรวจรับงวดงาน โดยให้เจ้าของบ้าน ตัวแทนกลุ่มย่อย ทีมช่างชุมชน และทีมช่างเครือข่ายฯ เข้ามาร่วมตรวจสอบ เพื่อให้การก่อสร้างบ้านของชาวชุมชนคนรักถิ่นมีความโปร่งใสใช้เงินทุกบาท ทุกสตางค์ให้ถูกต้องและคุ้มค่ามากที่สุด
                      ด้านสินเชื่อจะขอใช้สินเชื่อจากสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) รวมทั้งหมดประมาณ 29 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 ต่อปี ผ่อนชำระคืนภายใน 15 ปี และพอช.จะสนับสนุนงบก่อสร้างสาธารณูปโภคจำนวน 2,750,000 บาท
                      ความคืบหน้าในการดำเนินโครงการบ้านมั่นคงนั้น ดุสิตธร กล่าวว่า จะดำเนินการเฟสแรกก่อน จำนวน 7 หลัง เป็นบ้านที่ปลูกล้ำลงไปในคลอง 4 หลัง และบนฝั่ง 3 หลัง เริ่มรื้อบ้านทั้ง 7 หลัง เมื่อเดือนกรกฎาคม 2558 ที่ผ่านมา และในช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้ จะเริ่มถมดิน ปรับหน้าดิน ตอกเสาเข็มเพื่อกันดินสไลด์ลงคลอง หลังจากนั้นจึงจะเริ่มก่อสร้างบ้านได้ และคาดว่าภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ บ้านเฟสแรก 7 หลังจะก่อสร้างแล้วเสร็จ หลังจากนั้นจึงจะทยอยสร้างเฟสต่อไป
                      “ชุมชนริมคลองที่อยู่ติดกันหลายชุมชนก็ยังไม่เชื่อว่าเราจะทำได้ แม้แต่คนในชุมชนเดียวกันก็ยังไม่เชื่อ บางคนก็ต่อต้าน บางคนบอกว่ารื้อไปแล้วมันจะสร้างได้หรือเปล่า แต่เราเชื่อว่าเราทำได้ เพราะเราไปดู ไปเห็นชุมชนอื่นที่เขาทำสำเร็จมาแล้ว และหากการก่อสร้างบ้านเฟสแรก 7 หลังเสร็จ ก็เชื่อว่าคนอื่นๆ ที่ยังไม่เข้าร่วมจะมาเข้าร่วมมากขึ้น” ประธานชุมชนคนรักถิ่นกล่าวอย่างมั่นใจ
                      อารมย์ วันวาน อายุ 54 ปี อาชีพค้าขาย บอกว่า แม้ตัวเองไม่ได้มีบทบาทเป็นคณะกรรมการ แต่ก็เข้าร่วมกิจกรรมกับชุมชนมาตลอด เช่น เป็นสมาชิกกลุ่มออมทรัพย์มาตั้งแต่เริ่มต้น เพราะอยากจะมีบ้านเป็นของตัวเอง ครอบครัวของตนเข้ามาอยู่ที่นี่ตั้งแต่ปี 2528 แต่ไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง เช่าบ้านอยู่เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ค่าเช่าบ้านตอนนี้ตกเดือนละ 1,500 บาท ไม่รวมค่าน้ำ ค่าไฟ หากผ่อนส่งเดือนหนึ่งไม่เกิน 2,000 บาท ก็พอจะส่งไหว
                      “ดีใจที่จะมีบ้านใหม่เป็นของตัวเอง ไม่ต้องเช่าคนอื่นอยู่ ลูกหลานก็จะได้มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งมั่นคง ไม่ต้องกลัวจะถูกไล่รื้อ” น้าอารมย์บอกความรู้สึก
                      นี่คือบทบาทของผู้หญิงชุมชนคนรักถิ่น ที่เป็นแกนนำในการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยเพื่อบ้านที่มั่นคงของคนริมคลอง
——————–
(หลากมิติเวทีทัศน์ : พลังหญิงชุมชนคนรักถิ่น เพื่อบ้านมั่นคงคนริมคลอง : โดย…สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน))

Leave a comment