มองร่างรธน.แบบ‘ภูมิธรรม’วันนี้ขอดับเครื่องชน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/detail/20160215/222464.html

การเมือง : ข่าวทั่วไป
วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559
มองร่างรธน.แบบ‘ภูมิธรรม’วันนี้ขอดับเครื่องชน

มองร่างรธน.แบบ‘ภูมิธรรม เวชยชัย’วันนี้ขอดับเครื่องชน : อังสุมา ศรีดอกคำ สำนักข่าวเนชั่น สมัชชา หุ่นสาระ

            คำตัดสินล่าสุดของศาลฎีกายกฟ้องคดีพรรคไทยรักไทยจ้างพรรคเล็กลงสมัครรับเลือกตั้งนั้น เป็นสิ่งหนึ่งที่คล้ายว่าจะส่งแรงกระเทือนวงการการเมืองไทย เพราะการตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปีสำหรับกรรมการบริหารพรรคและยุบพรรคไทยรักไทยที่เป็นพรรคที่ได้ ส.ส.เป็นอันดับหนึ่งของประเทศในการเลือกตั้งปี 2549 และสร้างประวัติศาสตร์ตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้เป็นครั้งแรกไปแล้วนั้น

แน่นอนว่าผลของมันนั้นไม่สามารถล้างประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นแล้วได้ แต่บทเรียนนี้น่าจะเป็นบรรทัดฐานใหม่ที่ควรศึกษาและไม่ให้มันซ้ำรอย ขณะเดียวกันเสียงของสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ที่เป็นเสมือนนักโทษประหารโดยปราศจากความผิดนั้น สังคมควรรับฟังความรู้สึกนั้นบ้าง

กองบรรณาธิการเครือเนชั่นได้สัมภาษณ์ “ภูมิธรรม เวชยชัย” รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย อดีตรองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย เกี่ยวกับมุมมองทางการเมือง ร่างรัฐธรรมนูญและกฎหมายลูก รวมทั้งสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตสำหรับพรรคเพื่อไทย

“พรรคไทยรักไทยโดนยุบพรรค โดยตุลาการรัฐธรรมนูญเมื่อ 30 พฤษภาคม 2550 ซึ่ง คมช.ออกประกาศระบุลงโทษย้อนหลังคือยุบพรรคและตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค 111 คนได้ และรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 309 บัญญัติว่า บรรดาการใดๆ ที่ได้รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) ปี 2549 ว่าเป็นการชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกับกรณีดังกล่าวไม่ว่าก่อนหรือหลังวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ ให้ถือว่าการนั้นและการกระทำนั้นชอบด้วยรัฐธรรมนูญนี้ มีการนิรโทษกรรม คมช.และสิ่งต่างๆ ที่ดำเนินการไว้แล้ว รวมทั้งคำตัดสินของตุลาการรัฐธรรมนูญที่ระบุให้ทุกสิ่งผูกพันทุกองค์กร ซึ่งการตัดสินคดีจ้างพรรคเล็กนั้น มีการใช้ดุลพินิจและความเชื่อตัดสินว่า รองหัวหน้าพรรค (พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา) น่าจะจ้างพรรคเล็กลงสมัครและกรรมการบริหารพรรคทั้งหมดต้องรับผิดชอบร่วมกัน ประชาชนสิบกว่าล้านเสียงที่เลือกพรรคไทยรักไทยในตอนนั้นก็เสมือนโดนตัดสิทธิไปด้วย เพราะพรรคที่เลือกมาไม่มีแล้ว”

คดีนี้เข้าสู่ศาลยุติธรรมและผลการตัดสินก็ออกมาแล้ว มีการสอบสวนสิ่งต่างๆ แล้วไม่ปรากฏว่า พล.อ.ธรรมรักษ์มีส่วนผิด แต่พรรคไทยรักไทยโดนยุบแล้วและพวกเรา 111 คน โดนตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปีแบบฟรีๆ มันเหมือนการโดนประหารชีวิตแบบไม่มีความผิด ตรงนี้คือปัญหาว่า อำนาจที่คณะรัฐประหารมีและกระทำไป โดยที่ตัวเองนิรโทษกรรมไว้ล่วงหน้า แต่ฝ่ายอื่นที่อยู่ตรงข้ามและอาจทำสิ่งใดที่ผิดกติกาของคณะรัฐประหาร อาจเป็นฝ่ายผิด และไม่สามารถเรียกร้องความยุติธรรมได้

“สิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกผมนั้น ไม่สามารถแก้ไขได้ คำขอโทษสักคำก็ไม่มี การเยียวยาพวกผมก็ไม่มี แต่พวกผมขอฟ้องประชาชนไว้ตรงนี้และขอค้านร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ที่ให้อำนาจองค์กรอิสระที่มากไป เพราะอนาคตอันใกล้หากมีอะไรที่เป็นปัญหา องค์กรเหล่านี้จะมีอำนาจตัดสินเรื่องราวต่างๆแทนประชาชนทันที และอาจสร้างความผิดพลาดให้บ้านเมือง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกผมถือเป็นอุทาหรณ์และไม่ควรเกิดขึ้นอีก เพราะประเทศประชาธิปไตยในโลกวันนี้มองว่าเรื่องนี้คือเรื่องใหญ่มาก”

วันนี้มีคำถามมากมายไปยังนักวิชาการและนักกฎหมายที่ร่วมร่างรัฐธรรมนูญว่า ระบบการเมืองที่ออกแบบกันในวันนี้ที่มอบอำนาจให้คนบางคนและบางองค์กรที่มีสิทธิตัดสินชีวิตคนอื่น ถามว่าอนาคตบ้านเมือง 20 ปีข้างหน้าที่พูดกันนั้น หากมีความผิดพลาดแบบในอดีต ใครจะรับผิดชอบ เพราะเรื่องนี้มีผลกับทิศทางบ้านเมืองทุกด้าน ฉะนั้นระบบต่างๆ ต้องมีความสมดุล อย่าซ้ำรอยเดิม รวมทั้งมีการแสดงความรับผิดชอบกับสิ่งที่กระทำไป

“ผมฝากไว้ว่า บางองค์กรอย่ามีอำนาจเหนือฝ่ายอื่นๆ อย่าเชื่อมั่นคนดีมากกว่าระบบ ที่พูดแบบนี้ผมไม่ได้หมายความว่า ผมไม่ชอบคนดีนะ แต่ประเทศต้องมีระบบ วางหลักที่ดีและสังคมเชื่อมั่นก่อน หากได้คนดีเข้ามาอยู่ในระบบ มันก็ดีขึ้น แต่วันนี้หลายฝ่ายมีคำถามกับระบบที่ กรธ.ชุดนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ออกแบบ รวมทั้งความเชื่อมั่นในคนดีของสังคมไทยในวันนี้ด้วย”

ทั้งนี้หากเราตัดสินและปกครองบ้านเมืองโดยไม่ใช้ระบบ แต่ใช้วิธีอื่นแทน คือการ “มโน” นั้น มันจะเกิดความผิดพลาดกับบ้านเมืองที่ไร้ทางเยียวยา วันนี้มีการออกแบบระบบประเทศท่ามกลางเสียงวิจารณ์มากมาย หากคิดว่าตัวเองเป็นคนดีและทำสิ่งดีๆ ทำไมต้องนิรโทษกรรมตัวเองล่วงหน้า เพราะสิ่งที่เกิดกับผมเมื่อปี 2549-50 ในตอนนั้นผมคือคนการเมืองแต่ยังโดนขนาดนั้น ถามง่ายๆ หากเรื่องแบบนี้เกิดกับคนธรรมดาจะโดนขนาดไหน

“คนที่ไม่เคยโดนตัดสิทธิและลงโทษแบบพวกผมไม่รู้หรอก หลายประเทศในโลกไม่มีเรื่องแบบนี้ การตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี มันเหมือนการตัดสิทธิขั้นพื้นฐานของชีวิตเลยนะ ผมพูดแบบนี้ไม่ได้อาฆาต แต่พูดไว้เป็นบทเรียนเพื่ออนาคต อย่าให้ประเทศผิดเพี้ยนไปมากกว่านี้ เพราะคนดีและการมโนนั้น มันพิสูจน์แล้ว”

-ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้โดนวิจารณ์มากมาย

สังคมประจักษ์เเล้วว่ามันมีปัญหา เสียงวิจารณ์ที่ออกมาตอนนี้มีมากและดังกว่าชุดนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ หรือรัฐธรรมนูญฉบับ คมช.เสียอีก แม้แต่บางส่วนในแม่น้ำ 5 สายของ คสช.ยังวิจารณ์เลย เพราะ 1.ขัดแย้งกันเองจากความเชื่อในปรัชญาการยกร่างรัฐธรรมนูญ เช่น พรรคจะเสนอชื่อนายกฯ 3 คน ที่อาจเป็นนายกฯ คนนอก

ถามว่าความคิดนี้ของนายมีชัยนั้น คงประทับใจจากเมื่อปี 2526 (เป็นช่วงที่ประเทศไทยยังมีนายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่ได้รับการสนับสนุนทั้งจากกองทัพกับรัฐสภา, ประธานรัฐสภามาจากประธานวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้งของนายกรัฐมนตรี (ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง), มีรัฐสภาอันมีที่มาจากการเลือกตั้งคือสภาผู้แทนราษฎร และมีที่มาจากการแต่งตั้งของนายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง คือวุฒิสภา) สูตรนี้จะเสนอผู้มีอำนาจและคุมกองทัพเข้ามาเป็นหมายเลข 1 ของฝ่ายบริหารโดยไม่ผ่านระบบ หากพูดว่า มันคือประชาธิปไตยแบบไทยๆ หรือประชาธิปไตยเรือหางยาวหรือจะเรียกประชาธิปไตยรถตุ๊กตุ๊กก็ตาม สังคมประชาธิปไตยทั่วโลกวันนี้ไม่ยอมรับ เพราะไม่เป็นไปตามหลักสากล หากต้องการตำแหน่งนายกฯ ควรกล้าหาญและประกาศกับประชาชนที่จะอาสามาทำงานนี้แบบชัดเจนกันเลย

2.ควรเปิดเวทีให้สังคมวิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญ โดยให้สื่อและสถาบันการศึกษาจัดเวทีกลางขึ้นมาและเปิดโอกาสเต็มที่ เช่น การประชามติสกอตแลนด์ควรแยกตัวออกจากสหราชอาณาจักรหรือไม่ มีการสำรวจความเห็น ตั้งเวทีวิจารณ์ข้อดี-ข้อเสีย แล้วปล่อยให้ประชาชนคิดและตัดสินใจเลือกทางเดิน ผลออกมาอย่างไรทุกฝ่ายต้องยอมรับ เป็นต้น ไม่ใช่เวทีที่จัดการแบบทุกวันนี้ที่พูดกันฝ่ายเดียวแล้วก็กลับเลย ประชาชนไม่ได้สอบถามเลย

โฆษกรัฐบาลและโฆษก คสช.ก็แสดงความเห็นฝ่ายเดียว หากบางคนเสนอความเห็นที่คัดค้านก็โดนเชิญไปปรับทัศนคติ ผมถามว่า หากมั่นใจว่าทำดีเพื่อประเทศ ควรเปิดเวทีให้ทุกฝ่ายได้วิจารณ์รัฐธรรมนูญ เพราะสิ่งต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น สังคมและสื่อจะตรวจสอบมันเอง อย่ามองว่าความเห็นต่างคือความแตกแยก ผมชอบสิ่งที่คุณอำพล ลำพูน (นักร้องวงไมโคร) โพสต์ในสังคมออนไลน์ว่า “ความเห็นต่างไม่ใช่ความแตกแยก” ตรงนี้คือสิ่งที่ถูกต้องนะ

นักวิชาการและนักเทคนิคกฎหมายบางคนที่ร่วมงานกับรัฐบาล คสช.และฝ่ายนิติบัญญัติวันนี้ หากจะพูดอะไรเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญนั้น ควรมีความละอายบ้าง เพราะตัวผมเองยังละอายกับบางเรื่องที่พวกท่านพูดออกมาเลย หากยังจะบีบไม่ให้สังคมคิดและแสดงความเห็นที่แตกต่าง และยังมองว่ามันคือความแตกแยกนั้น เราไปนำรูปแบบเกาหลีเหนือมาใช้เลยดีไหม ลองไปสอบถามประชาชนเลย หากสังคมส่วนใหญ่เอาด้วย ก็เอาตามนั้น แต่ผมคนหนึ่งที่ไม่เอาด้วย เพราะประเทศนี้ผมเคยไปมาแล้ว อยากให้ทุกคนลองไปดู กลับมาจะรู้สึกว่าเราควรห่วงแหนสิทธิและประชาธิปไตยเพียงใด

-พรรคเพื่อไทยมีจุดยืนและอนาคตพรรคอย่างไร ท่ามกลางร่างรัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูปและปราบโกงฉบับนี้

อนาคตของพรรคนั้น มันอยู่กับกติกาที่กำลังออกแบบกันอยู่ วันนี้ยังไม่รู้เลยว่ารัฐธรรมนูญและกฎหมายลูกจะออกมาหน้าตาอย่างไร วันนี้คล้ายว่าจะใช้หลักเสียงข้างน้อยปกครองเสียงข้างมากแล้ว รวมทั้งการปรับระบบเพื่อรองรับอำนาจนอกระบบที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ผมย้ำนะว่า เสียดายความรู้ของนักเทคนิคกฎหมายและเนติบริกรบางคนที่รับใช้อำนาจนอกระบบ จนคิดว่ามันคือเรื่องปกติและละเลยการให้บริการประชาชน

คนที่มีความรู้นำยาพิษมาสู่สังคมไทย มันเหมาะหรือไม่ มันเป็นประชาธิปไตยที่เลอะเทอะ รัฐธรรมนูญฉบับนี้บิดเบือนประชาธิปไตยที่เลวร้ายมากและไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ผมย้ำว่า กติกาครั้งนี้มันไม่ปกติ เพราะออกแบบใหม่หมดท่ามกลางเสียงวิจารณ์

ผมยึดสำนวนที่ว่า “ไม่เห็นน้ำตัดกระบอก ไม่เห็นกระรอกโก่งหน้าไม้” คือพรรคยังไม่ออกความเห็นที่มากกว่านี้จนกว่าเรื่องนี้จะยุติ แต่ย้ำว่า จุดยืนพรรคคือยืนหยัดในระบอบประชาธิปไตยและต่อสู้ให้ประเทศกลับมาเป็นประชาธิปไตยมากที่สุด อนาคตของบ้านเมืองต้องให้ประชาชนตัดสิน วันนี้โลกเป็นของคนรุ่นใหม่แล้ว ผู้นำที่อายุมากควรฟังคนรุ่นใหม่ที่พวกเขาติดตามสถานการณ์โลกด้วยโลกออนไลน์ เวทีต่างประเทศก็พูดเรื่องนี้กันแล้วว่าวันนี้คือวันของคนรุ่นใหม่ เพราะโลกเดินไปเร็ว ภัยต่างๆ มีรอบด้าน สังคมโลกตื่นตัวหมดแล้ว อาจจะเหลือสังคมไทยกระมังที่ยังไม่ตื่นตัว

-หากบางฝ่ายยืนยันไม่แก้และจะใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ พรรคเพื่อไทยจะคว่ำบาตรการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่

ยังไม่ใช่เวลาที่จะคิด พรรคกำลังบอกว่า กรธ.ควรกระทำสิ่งที่สังคมรับได้ สิ่งที่พรรคเสนอไปนั้น ไม่ได้ทำไปเพราะพรรคเสียประโยชน์จากรัฐธรรมนูญ แต่พรรคได้บอกสิ่งที่สังคมเสียประโยชน์ และชี้ทางให้ กรธ.เห็นว่าสิ่งใดคือนรก สิ่งใดคือสวรรค์ เพราะหากกติกาและโครงสร้างบ้านเมืองไม่ชัดเจน นานาชาติจะไม่เชื่อมั่น การลงทุนไม่เกิด ประชาชนเดือดร้อน บ้านเมืองไม่มีอนาคต ผมไม่ได้ก่อความวุ่นวายนะ แต่พูดเพื่ออยากเห็นบ้านเมืองเดินไปในทิศทางที่ดี

ประเทศไทยตั้งอยู่ในจุดได้เปรียบทางยุทธศาสตร์โลกนะ บางคนในรัฐบาลนี้บอกว่าต้องทำให้ไทยเป็นประตูอาเซียน แต่มันคงไร้ประโยชน์หากกติกาบ้านเมืองเป็นแบบนี้ เพราะใครจะกล้าลงทุน วันนี้ยังมีเวลาแก้ไขนะ เพื่อเปลี่ยนแปลงในแนวทางที่ดีขึ้น ทุกฝ่ายยอมรับ รัฐธรรมนูญที่ดีต้องแก้ไขได้ตามสภาวะสังคมที่เปลี่ยนไป อย่าปิดกั้นตัวเอง เพราะไทยต้องเดินตามสังคมโลกให้ได้

-ใครควรเป็นผู้นำพรรคในช่วงจากนี้ไป เพราะนายทักษิณ ชินวัตร, นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น่าจะหมดสิทธิ

ผู้นำพรรคนั้น ต้องมองว่าสถานการณ์ข้างหน้าจะเป็นเช่นใด พรรคนี้มีบุคลากรที่เหมาะสมเยอะ โดยต้องถามความเห็นของคนในพรรคและความต้องการของสังคม และต้องดูสถานการณ์ในตอนนั้น รวมทั้งกติกาบ้านเมืองด้วย การทำงานของพรรคนั้น พรรคมองว่าสังคมต้องให้การยอมรับด้วย การทำงานของพรรคและผู้นำพรรคจึงจะได้ผล พรรคเพื่อไทยไม่ได้นำเดี่ยว แต่ทำงานเป็นองค์คณะ และวันนี้เร็วไปที่พูดถึงเรื่องนี้

-มีการมองกันว่าพรรคเพื่อไทยอาจมีพรรคนอมินีรองรับไว้ล่วงหน้าเพราะมีบทเรียนมาแล้ว

เรื่องนี้อาจมีบางคนคิดไปแบบนั้น แต่ถามว่ากติกาวันนี้ชัดแล้วหรือ เพราะพรรคขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก ก็ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองจะได้รับผลอย่างไรบ้างกับกติกาใหม่ ต้องถามนายมีชัยว่าจะออกแบบกติกาอย่างไร

Leave a comment