‘อานันท์’ไม่ฟันธงร่างรธน.ผ่านประชามติ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/detail/20160209/222140.html

การเมือง : ข่าวทั่วไป
วันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ 2559
‘อานันท์’ไม่ฟันธงร่างรธน.ผ่านประชามติ

‘อานันท์’ไม่ฟันธงร่างรธน.ผ่านประชามติหรือไม่ เชื่อตัวรายละเอียดของเนื้่อหายังต้องปรับอีกมาก วิป3ฝ่ายชงกรธ.บัญญัติหมวดปฏิรูปในร่างรธน.

            9ก.พ.2559 ที่สมาคมนักเรียนเก่าอำนวยศิลป์ นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้เห็นร่างรัฐธรรมนูญ คร่าวๆแล้ว แต่ไม่ได้ลงลึกในรายละเอียด ดังนั้นยังให้ความเห็นในรายละเอียดร่างดังกล่าวไม่ได้ แต่เชื่อว่าร่างฉบับนี้คงต้องมีการปรับปรุงอย่างมาก ส่วนกระแสวิพากวิจารณ์ที่มีอยู่ในหลากหลายประเด็น ทั้งการใช้บัตรเดียวเบอร์เดียวในการเลือกตั้ง และที่มาของนายกรัฐมนตรี ที่เปิดช่องให้มีนายกรัฐมนตรีคนนอก ส่วนตัวเห็นว่า ทุกประเทศก็เปิดช่องให้มีนายกรัฐมนตรีคนนอก แต่ในประเทศไทยที่เปิดช่องให้มีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในสภาก็ถือว่ามีนายกรัฐมนตรีทางอ้อมแล้ว ส่วนที่ให้พรรคการเมืองเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีคนนอกมานั้น ยังถือว่าเร็วเกินไปที่จะพูดเรื่องนายกรัฐมนตรีคนนอกในขณะนี้ โดยขอให้มองที่หลักการของประชาธิปไตยมากกว่า

นายอานันท์ กล่าวว่าขณะนี้ยังไม่สามารถคาดการณ์หรือฟันธงได้ว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้จะผ่านการทำประชามติหรือไม่ เพราะขณะนี้เป็นเพียงร่างรัฐธรรมนูญเท่านั้น ซึ่งจะต้องรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย และเชื่อว่าจะต้องมีการปรับปรุงอีกมาก

เมื่อถามว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้จะทำให้เกิดความปรองดองได้หรือไม่ นายอานันท์ กล่าวว่าความปรองดองเกิดขึ้นจากจิตใจไม่ใช่จากรัฐธรรมนูญ เพราะปัญหาความขัดแย้งมีมาในประเทศไทย กว่า 80 ปี ดังนั้นอะไรที่เป็นการวางกรอบหรือการสร้างกฎเกณฑ์ที่ไม่เป็นไปตามธรรมชาติ สิ่งนั้นจะไม่ยั่งยืน จึงต้องปรับที่จิตสำนึกของคนเป็นเรื่องสำคัญด้วย

เมื่อถามว่าในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี อยากให้กำลังใจอะไร พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนนี้หรือไม่ นายอานันท์ กล่าวว่า ตนให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีทุกคน และมองว่าใครมาอยู่ตำแหน่งนี้ก็เหนื่อยทุกคนและต่างคนต่างมีวิธีคิดและอารมณ์ที่แตกต่างกัน ส่วนตัวรู้จักพลเอกประยุทธ์ เพียงเล็กน้อย แต่เห็นถึงความตั้งใจของนายกรัฐมนตรีในการทำงาน

เมื่อถามว่าจะฝากเรื่องใดถึงนายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ถึงการปรับแก้ร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายอานันท์ กล่าวว่ายังไม่ขอฝากในตอนนี้
ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวโครงการคนดีศรีอำนวยศิลป์

เมื่อเวลา 15.30น. สมาคมนักเรียนเก่าอำนวยศิลป์ร่วมกับมูลนิธินักเรียนเก่าอำนวยศิลป์ แถลงข่าวเปิดตัวโครงการคนดีศรีอำนวยศิลป์ โดยจะทำการ คัดเลือกนักเรียนเก่าอำนวยศิลป์ ที่ประสบความสำเร็จและสร้างคุณูปการต่อประเทศ เนื่องในวาระครบรอบการก่อตั้งโรงเรียนอำนวยศิลป์ 90 ปี เพื่อเชิดชูเกียรติสร้างคุณประโยชน์ให้กับประเทศ จำนวน 90 คน โดยแบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ กลุ่มข้าราชการ กลุ่มภาคเอกชน และกลุ่มผู้ประสบความสำเร็จและสร้าง คุณประโยชน์ พร้อมทั้งเปิดตัวกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิทั้ง 7 คน โดยมีนายอานันท์ เป็นประธานคณะกรรมการคัดเลือก

ทั้งนี้นายอานันท์ ในฐานะศิษย์เก่าโรงเรียนอำนวยศิลป์และประธานคณะกรรมการคัดเลือก กล่าวย้ำว่า การศึกษาเป็นเรื่องสำคัญในการพัฒนาประเทศ ซึ่งปัจจุบันบุคคลส่วนใหญ่เมื่อจบการคึกษาไปแล้วและประสบความสำเร็จในอาชีพ กลับไม่ให้ความสำคัญกับสถาบันการศึกษาที่เคยศึกษามา ซึ่งตนในฐานะศิษย์เก่าโรงเรียนอำนวยศิลป์ยอมรับว่ามีความผูกพันรักและเคารพคณาจารย์ทุกท่าน อีกทั้งต้องยอมรับว่าบุคลากรที่จบการศึกษาจากโรงเรียนอำนวยศิลป์แห่งนี้ ส่วนใหญ่ประสบความสำเร็จ จนถึงปัจจุบันครบรอบ 90 ปีแล้ว ดังนั้นจึงอยากให้อีก 90 ปีจากนี้ อำนวยศิลป์ เป็นสถาบันในการพัฒนาบุคลากรที่มีคุณภาพต่อไป พร้อมขอให้ทุกคนคำนึงถึงความสำคัญของการศึกษาด้วย

 

วิป3ฝ่ายชงกรธ.บัญญัติหมวดปฏิรูปในร่างรธน.

น.พ.เจตน์  ศิรธรานนท์ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิปสนช.) แถลงว่า จากกรประชุมวิป 3 ฝ่าย ระหว่าง สนช. สปท.  และครม. เมื่อวันที่ 3 ก.พ. ที่ผ่านมา มีความเห็นร่วมกันว่า เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูป ไม่ควรอยู่ในบทเฉพาะกาล เพราะการปฏิรูปเป็นประเด็นที่ต้องมีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี จึงเห็นว่า กรธ.ควรปรับแก้ให้การปฏิรูปแยกออกมาเป็นหมวดหนึ่งในรัฐธรรมนูญ และยังเสนอว่า หากประเด็นการปฏิรูปด้านใดที่ต้องการออกพ.ร.บ.จัดตั้งองค์กรใหม่เพื่อมาผลักดัน ซึ่งจำเป็นต้องใช้งบประมาณ เพราะถือเป็นกฎหมายการเงิน ก็จะต้องมีการเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาร่วมชี้แจงด้วย ส่วนการทำงานร่วมกันระหว่าง สนช. กับสปท. เพื่อผลักดันการปฏิรูปให้ดำเนินไปอย่างรวดเร็วนั้น ก็ได้ทำการนัดประชุมร่วมกันครั้งแรกระหว่างประธานกมธ.สนช. 16 คน กับประธานกมธ.สปท. 11 คน ในวันที่ 10 ก.พ. เวลา 10.30 น. ที่รัฐสภา ห้อง 307

น.พ.เจตน์   กล่าวว่า   ในส่วนของคณะกรรมาธิการพิจารณาศึกษา เสนอแนะและรวบรวมความเห็นเพื่อการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ ของสนช.นั้น ที่ประชุมพิจาณาเพื่อสรุปประเด็นของสมาชิกสนช.ที่ร่วมกันอภิปรายให้ความเห็นไปเมื่อวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยเบื้องต้น ที่ประชุมได้มีมติออกมาแล้ว 3 ประเด็น คือ 1.ระบบเลือกตั้งส.ส. กมธ.เสนอให้ใช้ระบบเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสม เป็นเขตใหญ่ เบอร์เดียว  2.ที่มาส.ว. กมธ.เสนอให้ ส.ว.มาจากการสรรหาทั้งหมด โดยให้เพิ่มกรรมการสรรหาให้มีจำนวนมากขึ้น และ 3.ที่มานายกรัฐมนตรี กมธ.ไม่เห็นด้วยกันแนวทางของ กรธ.ที่ให้เปิด 3 รายชื่อนายกฯ เนื่องจากเห็นควรให้การเสนอชื่อนายกฯเป็นของพรรคการเมืองเสียงข้างมากในสภาฯ โดยที่จะเป็นหรือไม่เป็น ส.ส.ก็ได้ อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมจะสรุปประเด็นที่เหลือก่อนส่งให้ที่ประชุม สนช.พิจารณาให้ความเห็นชอบอีกครั้งในวันที่ 12 ก.พ. นี้เพื่อส่งต่อให้ กรธ.ทันภายในวันที่ 15 ก.พ.ต่อไป

น.พ.เจตน์ กล่าวต่อว่า   ในวันที่ 18 ก.พ. สนช.จะมีการพิจารณากฎหมายที่สำคัญคือ ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณพ.ศ.2559 (งบกลางปี) กรอบวงเงิน 56,000 ล้านบาท เพื่อใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ ที่เกี่ยวข้องกับส่วนท้องถิ่น ตามที่ครม.มีมติเห็นชอบ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาของกมธ.เศรษฐกิจ การเงิน และการคลัง ก่อนจะส่งให้ที่ประชุมสนช.พิจารณาเห็นชอบ 3 วาระรวดต่อไป

 

‘มีชัย’ระบุสปท.ไม่เกี่ยวข้องออกกฎหมายลูก

นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงกรณีที่สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) อภิปรายว่าขั้นตอนการจัดทำกฎหมายลูกของกรธ.เขียนไว้ยืดยาวอาจส่งผลให้การเลือกตั้งเกิดขึ้นในช่วงเดือนเมษายน 2561 ว่า เรารู้ถึงความกังวลของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แล้ว ซึ่งระยะเวลาของการจัดทำกฎหมายลูกอีกประมาณ 8 เดือน กรธ.ก็อาจจะไปจัดสรรว่ากฎหมายใดที่จำเป็นก็จะดำเนินการจัดทำไปก่อน โดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีเวลาในการพิจารณากฎหมายลูกให้แล้วเสร็จประมาณ 2 เดือน ซึ่ง สปท.ไม่ได้ทำส่วนนี้จะไปคาดการณ์เองไม่ได้ ทั้งนี้การพิจารณากฎหมายลูกเราจะพิจารณาดูว่าฉบับใดมีความจำเป็นก็จะรีบดำเนินการ และเมื่อพิจารณาฉบับใดเสร็จก็จะทยอยส่งให้สนช.พิจารณา จะไม่ได้ส่งไปทีเดียวพร้อมกันหมดทั้ง 10 ฉบับ

ทั้งนี้นายมีชัย กล่าวถึงข้อเสนอของสมาชิกสปท.ที่ต้องการให้บทเฉพาะกาลเขียนกำหนดให้ส.ว.ชุดแรกมาจากการแต่งตั้งจากคสช.นั้น เข้าใจว่าเป็นการพูดเป็นรายคน คงต้องรอดูเขาก่อนว่าความเห็นทั้งหมดว่าอย่างไร เบื้องต้นเราก็คงต้องรับฟังไปก่อน อย่าเพิ่งไปคิด หรือตัดสินอะไร ควรจะรอดูมติที่ชัดเจนก่อน

เมื่อถามว่าแสดงว่ากรอบการจัดการเลือกตั้งก็จะอยู่ในช่วงเดือนสิงหาคม 60 ใช่หรือไม่ นายมีชัย กล่าวว่า คงจะอยู่แถวๆนั้นไม่น่าจะผิดพลาดไปมาก เพราะเมื่อท่านนายกฯพูดแล้วก็ต้องเคารพ

เมื่อถามอีกว่า กรธ.ต้องอธิบายหรือชี้แจงประเด็นส.ว.เพิ่มขึ้นหรือไม่ เนื่องจากหลายคนบอกว่ายังมีละเอียดไม่ชัดเจนอยู่ นายมีชัย กล่าวว่า ต้องดูเขาก่อนว่าสิ่งใดไม่ชัดเจน หากไม่ชัดเจนจริงเราเขียนได้เราก็เขียน หากเขียนไม่ได้ก็ต้องไปเขียนในกฎหมายลูก ในส่วนข้อเท็จจริงเราไม่เขียนละเอียด เพราะเพื่อจะได้ปรับเปลี่ยนได้กรณีที่มันเกิดเป็นปัญหาและจะได้พัฒนาไปตามวิถีทาง ถ้าหากเขียนทั้งหมดไว้ในร่างรัฐธรรมนูญก็จะทำให้เกิดเป็นปัญหาในภายหลังได้ หากว่าเราคิดไม่รอบคอบ ยกตัวอย่าง เราคิดว่าแก้ปัญหาเพื่อป้องกันการฮั้วกันได้ แต่เอาเข้าจริงป้องกันไม่ได้ เราก็จะได้ปรับปรุงแก้ไขได้ เบื้องต้นก็คงต้องรอฟังความคิดเห็นของแต่ละฝ่ายไปก่อน

Leave a comment