ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/detail/20160210/222152.html
เส้นทาง‘รัฐธรรมนูญ’ : ขยายปมร้อน สำนักข่าวเนชั่น โดย อรรถยุทธ บุตรศรีภูมิ
ถนนทางการเมืองจากนี้เรียกได้เลยว่า จะไม่ราบรื่นเหมือนที่ผ่านๆ มา เพราะหากนับจริงๆ แล้ว นี่คือจุดหักเลี้ยวของรอยต่อแห่งอำนาจของ คสช. เนื่องจากเรียกได้ว่า นี่คือโค้งสุดท้ายของร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่สอง หากทุกอย่างเป็นไปตามที่คาดหมาย เมื่อพ้นจุดหักเลี้ยวนี้แล้วเราก็จะก้าวเข้าสู่โหมดเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง
เหตุใดเราจึงไม่เรียกว่า นี่คือโค้งสุดท้ายของ คสช. เพราะหากตามโรดแม็พก็น่าจะเป็นเช่นนั้น แต่นั่นก็เพราะทุกอย่างยังคงไม่แน่นอน โดยเราสามารถย้อนกลับไปดูตัวอย่างได้เมื่อครั้งการร่างรัฐธรรมนูญฉบับกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธาน ครั้งนั้นหลายคนก็พยายามจะเรียกเป็นโค้งสุดท้าย แต่เมื่อร่างรัฐธรรมนูญถูกคว่ำโดยสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ทุกอย่างก็เหมือนกลับหักเลี้ยวเข้าสู่จุดเริ่มต้น กระบวนการทุกอย่างถูกนับหนึ่งใหม่
ในครั้งนี้เราจึงไม่อาจเรียกได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าเป็นโค้งสุดท้าย ก่อนจะเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง เพราะยังไม่มีใครบอกได้ว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับ “มีชัย ฤชุพันธุ์” จะผ่านประชามติหรือไม่
ยิ่งดูจากเสียงตอบรับ เรายิ่งเห็นถึงความไม่แน่นอนของร่างฯ ฉบับนี้ เพราะเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในทางลบมีมากกว่าเสียงเยินยอยิ่งนัก และเป็นเสียงวิจารณ์ชนิดที่เรียกได้ว่า ไม่ได้เป็นการวิจารณ์เพื่อแก้ไขแบบประนีประนอม แต่เป็นการวิจารณ์ชนิดแตกหัก ในทำนองว่า หากยังเป็นอย่างนี้ ทางเลือกมีทางเดียวคือ โหวตไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ
และมิใช่เพียงฝั่งตรงข้ามกับอำนาจรัฐที่หวังจะใช้การประชามติเป็นการแสดงออกถึงการต่อต้านผู้ถืออำนาจในปัจจุบันและเรียกร้องการร่างรัฐธรรมนูญในอีกรูปแบบเท่านั้น หากแต่เสียงวิจารณ์ที่ดังกระหึ่มนั้น ส่วนหนึ่งมาจากคนที่เรียกว่า “คนกันเอง” ไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการหรือนักเคลื่อนไหว
คำถามว่า เกิดอะไร คำตอบง่ายๆ คือ เนื้อหาที่ออกมานั้น ไม่ตรงใจ ไม่ว่าฝ่ายไหนก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องสิทธิเสรีภาพ เนื้อหาเกี่ยวกับหลักประกันด้านแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ที่ควรจะเป็นจุดขายของรัฐธรรมนูญ เพื่อมาทดแทนจุดอ่อนเรื่องความไม่ชอบธรรมของการร่างและการจัดโครงสร้างอำนาจทางการเมืองที่แย้งอยู่กับหลักประชาธิปไตยสากล
ที่ผ่านมาจุดเรื่องสิทธิเสรีภาพ เป็นจุดที่ทำให้ “คนกันเอง” มักจะกล้อมๆ แกล้มๆ หลับตาให้รัฐธรรมนูญผ่านไป โดยอ้างว่าเพื่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน..!!!
แต่ร่างฯ ฉบับนี้ทำให้หลายคนมองว่า จริงๆ แล้วคนร่างไม่ได้ใส่ใจอะไรเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ แม้จะมีเสียงชี้แจงว่าเป็นเรื่องหลักการการเขียนที่ต่างกัน โดยพวกเขาเขียนเพื่อให้รัฐธรรมนูญกระชับ และเขียนเฉพาะเรื่องที่ห้ามทำ แต่ไม่เขียนเรื่องที่ไม่ห้าม
แต่ก็ถูกแย้งว่า การเขียนให้กระทำก็เป็นหลักการหนึ่งของรัฐธรรมนูญเช่นกัน เพื่อเป็นกรอบให้เห็นว่ารัฐต้องทำอะไรหรือรับรองสิทธิประชาชนอย่างไร การไม่เขียนไว้จะเป็นการเปิดช่องให้ตีความว่าไม่ต้องกระทำตาม
อย่างไรก็ตาม น่าสนว่า หากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านแล้วจะเป็นอย่างไรต่อไป หากเราย้อนไปดูรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2557 จะพบว่าเป็นรัฐธรรมนูญ “ปลายเปิด” ไม่มีการเขียนผูกมัด เพราะไม่ได้บอกถึงอนาคตหลังรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน
นาทีนี้มีสองสมมุติฐานคือ 1.เริ่มกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ โดยตั้งกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ และดำเนินกระบวนการคล้ายๆ เดิม ซึ่งหมายถึงโรดแม็พที่อาจต้องเลื่อนออกไปชนิดไม่มีกำหนด
สมมุติฐานที่ 2 คือ รัฐบาลโดย “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ตัดสินใจเขียนรัฐธรรมนูญขึ้นมาเอง และไม่จำเป็นต้องผ่านการประชามติแต่อย่างใด ซึ่งแนวทางนี้มีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูง เพราะจะไม่เสียเวลาและต้องยืดโรดแม็พออกไปอีก ยิ่งหากไปดูคำสัมภาษณ์ของนายกฯ ในช่วงที่ผ่านๆ มา ก็ยิ่งสนับสนุนในเส้นทางนี้
หากเลือกใช้แนวทางนี้ ก็จะมีประโยชน์สองทางสำหรับผู้ถืออำนาจ 1.เป็นการกดดันให้ประชามติผ่านไปกลายๆ เพราะประชาชนจะหวั่นว่า หากไม่เลือกฉบับที่มองเห็นก็ไม่รู้ว่าจะได้อะไรมา และ 2.ถึงที่สุดหากไม่ผ่านประชามติ พวกเขาก็จะเขียนรัฐธรรมนูญอย่างที่ต้องการได้อย่างเต็มที่ ถือว่าได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง
ถามว่าจะชัดเจนเมื่อไหร่ ตอบง่ายๆ เลยว่า น่าจะเร็วๆ นี้ เพราะในเฉพาะหน้าพวกเขาต้องแก้รัฐธรรมนูญชั่วคราว เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่าเสียงผ่านจะใช้ประชามติเท่าไหร่ และโอกาสนี้เองที่มีความเป็นไปได้สูงว่าจะแก้ไขเรื่องนี้ไปในคราวเดียวกัน
จากนี้การเมืองจะชัดเจนและแหลมคมยิ่งขึ้น…!!!
