ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/detail/20151011/214955.html
อธิบดีกรมการศาสนา แจงพร้อมโอนกิจการฮัจญ์ไปกรมการปกครอง เพื่อประโยชน์ของประชาชนในการเข้าถึงข้อมูล เพราะมท.มีเจ้าหน้าที่ทุกพื้นที่
11ต.ค.2558 นายกฤษศญพงษ์ ศิริ อธิบดีกรมการศาสนา (ศน.) กระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) กล่าวถึงกรณีที่นายอนุมัติ อาหมัด สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)เปิดเผยว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนนตรีมอบหมายให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ดำเนินการแก้ไขกฎหมายการส่งเสริมกิจการฮัจญ์เพื่อแก้ปัญหาการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ของพี่น้องมุสลิมไทยที่สะสมมาหลายปี โดยให้ย้ายกิจการฮัจญ์ที่อยู่ในการดูแลของศน.ไปอยู่ในการดูแลของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย (มท.)เนื่องจากกิจการฮัจญ์ที่ศน.ดูแลมีปัญหา ตลอด 20 ปีผู้แสวงบุญต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงมากกว่า 150,000-200,000 บาทต่อคน ซึ่งอาจมีเจ้าหน้าที่ภายใน ศน.รู้เห็นเป็นใจและอาจจะมีการทุจริตคอร์รัปชั่นภายในนั้น ว่า ขณะนี้มีการเสนอแก้ร่างพ.ร.บ.ส่งเสริมกิจการฮัจญ์โอนย้ายกิจการฮัจญ์จากกรมการศาสนาไปอยู่ในการกำกับดูแลของกรมการปกครองจริง แต่ไม่ได้เกิดจากการทุจริตคอร์รัปชั่นส์แต่อย่างใด เหตุผลหลักต้องมีการโอนย้ายคือ เนื่องจากวธ.พิจารณาเห็นว่าด้วยเหตุผลความจำเป็นที่ประชาชนควรจะรู้ข่าวสารเท่าทันการเปลี่ยนแปลงกิจการฮัจย์และเพื่อให้การบริการเข้าถึงประชาชนได้มากที่สุด
ดังนั้น จึงให้มีการปฏิรูปการบริหารกิจการฮัจญ์โดยปรับเปลี่ยนดังนี้ 1.โครงสร้างการบริหารงานกิจการฮัจญ์โดยให้กรมการปกครองเป็นหน่วยงานบริหารแทนกรมการศาสนาเนื่องจากมีองค์กรและบุคลากรในกำกับอยู่ทุกพื้นที่ 2.ให้เพิ่มเติมกรรมการซึ่งมาจากหน่วยงานหรือองค์กรที่มีบทบาทและภารกิจเกี่ยวกับกิจการฮัจญ์ได้แก่ผู้แทนจุฬาราชมนตรีศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้บริษัทการบินไทยจำกัด(มหาชน)และบริษัทท่าอากาศยานไทยจำกัด(มหาชน)เป็นองค์ประกอบคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทย
อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวต่อว่า การโอนย้ายครั้งนี้ถือว่าเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ที่ต้องการให้การทำงานเข้าถึงประชาชนและให้ความรู้เรื่องฮัจญ์อย่างใกล้ชิดซึ่งการดำเนินกิจการฮัจย์ปี 2558 นี้ถือเป็นปีที่มีการทำงานลงพื้นที่อย่างใกล้ชิดได้รับความร่วมมือจากนายอำเภอกำนันผู้ใหญ่บ้านรวมทั้งมีอิหม่ามคอเต็บและบิหลั่นประจำมัสยิดทำให้การกำกับดูแลและส่งเสริมให้การดำเนินกิจการฮัจย์เป็นไปอย่างถูกต้องสมบูรณ์ตามหลักศาสนาประชาชนได้รับความสะดวกปลอดภัยมีหลักประกันในการเดินทางและป้องกันการหาประโยชน์อันมิชอบจนได้รับการชื่นชมจากนายอาศิสพิทักษ์คุมพลจุฬาราชมนตรีและผู้แสวงบุญเป็นอย่างมากเรื่องสามารถตรวจสอบได้จากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องและทำงานร่วมกันมาอย่างภาคภูมิใจ
“ส่วนที่ระบุกรณีมีเจ้าหน้าที่กรมการศาสนามีส่วนเกี่ยวข้องทุจริตนั้นจากการตรวจสอบที่ผ่านมาไม่พบการทุจริต หากทางนายอนุมัติ จะส่งหลักฐานมาให้ทางกรมการศาสนาก็จะเป็นประโยชน์และเป็นการสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนอีกทางทางกรมการศาสนาขอบพระคุณอย่างยิ่งและจะเร่งตรวจสอบทันทีและกรณีผู้แสวงบุญต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงเกินไปใช้มากกว่า150,000-200,000บาทต่อคนเรื่องนี้ขอชี้แจงว่าไม่ได้ขึ้นอยู่กับกรมการศาสนาเป็นสิทธิ์ของผู้แสวงบุญจะเป็นผู้เลือกใช้บริการของบริษัทใดราคาใด”อธิบดีกรมการศาสนา กล่าว
