การผังเมืองกับเขตเศรษฐกิจพิเศษ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/detail/20151004/214494.html

การศึกษา-สาธารณสุข-สิ่งแวดล้อม : ข่าวทั่วไป
วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม 2558
การผังเมืองกับเขตเศรษฐกิจพิเศษ

หลากมิติเวทีทัศน์ : การผังเมืองกับเขตเศรษฐกิจพิเศษ : โดย…ศยามล ไกยูรวงศ์

                      การผังเมืองเป็นกระบวนการสำคัญของการวางแผนพัฒนาเชิงพื้นที่ของประเทศ ซึ่งเป็นการพัฒนาด้านกายภาพของการวางผังเมือง การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และสาธารณูปการ เพื่อให้ประชาชนอยู่อาศัยในสภาพแวดล้อมที่ดี และเป็นการวางแผนการใช้ประโยชน์จากที่ดินอย่างเหมาะสม เพื่ออนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน ประโยชน์ของการพัฒนาผังเมืองยังสามารถวางแผนเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการปรับตัวให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ อันเป็นการลดหรือบรรเทาความเดือดร้อนหรือเสียหายอันอาจเกิดขึ้นจากพิบัติภัยธรรมชาติ
                      ประเทศไทยได้วางแผนการพัฒนาเมืองและชนบททั้งในเขตปริมณฑลรอบกรุงเทพมหานครและในภูมิภาคต่างๆ โดยมีพระราชบัญญัติการผังเมืองและผังชนบท พ.ศ.2495 ซึ่งเป็นกฎหมายผังเมืองฉบับแรกที่บังคับใช้ ต่อมามีการปรับปรุงแก้ไขและตราเป็นพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ.2518 (แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 2 พ.ศ.2525 ฉบับที่ 3 พ.ศ.2535) อย่างไรก็ตามการผังเมืองในประเทศไทยกลับไม่ประสบผลสำเร็จตามเจตนารมณ์ของการวางผังเมืองดังที่กล่าวข้างต้น
                      อันเนื่องมาจากรัฐบาลไม่ให้ความสำคัญในการนำผังเมืองมาเป็นการวางแผนพัฒนาเชิงพื้นที่ให้ได้ประโยชน์สูงสุดของการพัฒนาประเทศ การวางผังเมืองขาดการบูรณาการและความเชื่อมโยงของผังเมืองทุกผังในภาพรวมทั้งระดับภาคและระดับประเทศ กระบวนการจัดทำผังเมืองมีขั้นตอนที่ยาวนานในการกำหนดเขตผังเมืองโดยกลไกของคณะกรรมการผังเมืองระดับจังหวัดและระดับชาติ ซึ่งเป็นความรู้ที่ผูกขาดโดยนักวิชาการ บริษัทที่ปรึกษา และเจ้าหน้าที่รัฐ ทำให้ประชาชนไม่มีส่วนร่วม
                      และปัญหาสำคัญอีกประการหนึ่งคือ ประชาชนซึ่งได้รับผลกระทบไม่ทราบขั้นตอนของกระบวนการจัดทำผังเมือง จึงไม่สามารถอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วัน นับแต่วันได้รับคำสั่งหรือหนังสือแจ้งความซึ่งทำให้ผู้นั้นไม่อาจฟ้องคดีต่อศาลปกครอง
                      รัฐบาลไทยมีนโยบายการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อให้สอดคล้องกับการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน รวมไปถึงข้อตกลงความร่วมมือระดับภูมิภาคอื่นๆ เช่น ความร่วมมือในกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง(GMS) ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง(ACMECS) และแผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่ายอินโดนีเซีย -มาเลเซีย-ไทย(IMT-GT) โดยความริเริ่มมาจากการผลักดันของธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank: ADB) ภายใต้กลยุทธ์การส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากโครงการระเบียงเศรษฐกิจ (Economic Corridors) เพื่อการเปลี่ยนระเบียงขนส่ง(Transport Corridors) ให้เป็นระเบียงเศรษฐกิจซึ่งทางเอดีบีได้ให้ความช่วยเหลือในการให้ข้อเสนอแนะเชิงเทคนิคและกลยุทธ์ในการสร้างและดำเนินการเขตเศรษฐกิจพิเศษในอนุภูมิภาค สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จึงได้มีการริเริ่มแผนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจโดยเฉพาะบริเวณชายแดนในปี 2556 ในรูปแบบของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี (สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา, 2557)
                      รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้กำหนดนโยบายจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษระยะแรกของไทยใน 5 พื้นที่ชายแดนเพื่อให้สามารถก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนได้อย่างสมบูรณ์ในปี 2558 ได้แก่ 1) แม่สอด จ.ตาก 2) อรัญประเทศ จ.สระแก้ว 3) ตราด 4) มุกดาหาร 5) สะเดา จ.สงขลา (ด่านศุลกากรสะเดาและปาดังเบซาร์)
                      ระยะที่สอง ได้แก่ เชียงราย หนองคาย นครพนม กาญจนบุรี และนราธิวาส โดยตอบสนองต่อเป้าหมายการพัฒนาทั้งในด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ ที่ประชุมของคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ(กนพ.) ได้เห็นชอบหลักเกณฑ์และวิธีการสนับสนุนการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ 4 เรื่อง ได้แก่ 1) สิทธิประโยชน์สำหรับการลงทุน 2) การให้บริการจุดเดียวแบบเบ็ดเสร็จ 3) มาตรการสนับสนุนการใช้แรงงานต่างด้าว 4)การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและด่านศุลกากรในพื้นที่เพื่อให้สามารถรองรับกิจกรรมในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษและเชื่อมโยงในภูมิภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ 5) สิทธิการเช่าที่ดินของคนต่างชาติ ตามพระราชบัญญัติเช่าที่ดินเพื่อพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม พ.ศ.2542 โดยคนต่างด้าวได้สิทธิการเช่าที่ดินเพื่อพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรมได้เกินกว่า 30 ปี แต่ไม่เกิน 50 ปี และขยายเวลาต่อได้อีกไม่เกิน 50 ปี กรณีได้รับการส่งเสริมตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ.2520 ให้นักลงทุนสามารถถือกรรมสิทธิ์ที่ดินเพื่อประกอบกิจการตามที่ได้รับการส่งเสริม ตามจำนวนเนื้อที่ดินที่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนกำหนด และหากเลิกหรือโอนกิจการผู้ได้รับการส่งเสริมต้องจำหน่ายที่ดินภายใน 1 ปี นับแต่วันเลิกหรือโอนกิจการ (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, 20 มกราคม 2558)
                      นอกจากนี้ คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 17/2558 ใช้อำนาจตามมาตรา 44 มีคำสั่งให้เพิกถอนที่ดินจากป่าสงวนแห่งชาติ เขตป่าไม้ถาวร เขตปฏิรูป และที่ดินสาธารณะ ให้เป็นที่ราชพัสดุเพื่อนำมาใช้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ
                      การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ได้กำหนดกรอบเวลาการดำเนินงาน ปี 2559 จะเร่งรัดก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรม โดยกำหนด ระยะที่ 1 ศึกษาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ของการจัดตั้งนิคมฯ จัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ออกแบบรายละเอียดงานก่อสร้างนิคมฯ ปี 2560 และเริ่มก่อสร้างนิคมฯ และปี 2561 เปิดดำเนินงาน ส่วนระยะที่ 2 จะเริ่มศึกษาความเหมาะสม ศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม ออกแบบก่อสร้าง ในปี 2561 จากนั้นจะเริ่มก่อสร้างในปี 2562 และจะเปิดดำเนินการในระยะ 2 ปี 2563 (<http://www.citizenthaipbs.net/node/5488&gt;)
                      จากนโยบายดังกล่าว จึงทำให้การผังเมืองตามกฎหมายกลายเป็นข้อยกเว้นเฉกเช่นปัญหาเดิม ทั้งที่การกำหนดเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษมีผลกระทบต่อสิทธิในทรัพย์สินของประชาชนและทรัพยากรธรรมชาติและสภาพแวดล้อมในพื้นที่ และเป็นการกำหนดทิศทางการพัฒนาพื้นที่ โดยประชาชนในพื้นที่ยังขาดการมีส่วนร่วม กระบวนการจัดทำดังกล่าวจึงไม่นำไปสู่การกำหนดทิศทางการพัฒนาเชิงพื้นที่ในระยะยาว เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้ประชาชนได้ปกป้องสิทธิของตนเอง และเตรียมความพร้อมในการดำรงชีวิต
                      การผังเมืองมีความสำคัญต่อการประเมินสิ่งแวดล้อมในระดับยุทธศาสตร์ ซึ่งเป็นการจัดทำผังเมืองในระดับนโยบาย อันเป็นหลักการสำคัญของการพัฒนาอย่างยั่งยืน หลักการมีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้อง หลักการส่งเสริมการพัฒนาทางเศรษฐกิจ หลักการรองรับความหลากหลายทางวัฒนธรรมและหลักการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการปรับตัว
                      การผังเมืองก็คือการวางแผนการใช้ที่ดินระดับชาติ จังหวัด และระดับท้องถิ่น ซึ่งประกอบด้วย
                      1) ผังเมืองรวมที่มีขอบเขตเฉพาะภายในจังหวัด คณะกรรมการผังเมืองจังหวัดพิจารณาให้ความเห็นชอบและเสนอต่อรัฐมนตรีเพื่อออกกฎกระทรวงบังคับใช้ผังเมืองรวม
                      2) ผังเมืองรวมกลุ่มจังหวัด ผังเมืองรวมภาค หรือผังเมืองรวมที่มีอาณาเขตคาบเกี่ยวสองจังหวัดขึ้นไป คณะกรรมการผังเมืองพิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนเสนอรัฐมนตรีเพื่อออกกฎกระทรวงบังคับใช้ผังเมืองรวม
                      3) ผังเมืองท้องถิ่น สภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้พิจารณาออกเป็นข้อบัญญัติท้องถิ่น ตามกฎหมายว่าด้วยสภาตำบลและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
                      4) ผังเมืองเฉพาะคณะกรรมการผังเมืองเป็นผู้พิจารณาให้ความเห็นชอบและเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อตราเป็นพระราชกฤษฎีกาบังคับใช้ผังเมืองเฉพาะ
                      การจัดทำผังเมืองทั้ง 4 ประเภท ต้องมีความเชื่อมโยงและบูรณาการร่วมกัน องค์ประกอบของคณะกรรมการผังเมืองจึงมีความสำคัญและต้องทำงานได้จริง ดังนั้นจึงต้องมีการกระจายอำนาจการตัดสินใจด้วยการมีส่วนร่วมในระดับพื้นที่ ท้องถิ่น และชุมชนร่วมกับคณะกรรมการผังเมือง สำหรับบทบาทหน้าที่ของกรมโยธาธิการและผังเมือง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์การหรือหน่วยงานของรัฐมีหน้าที่สนับสนุนและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนและชุมชน โดยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชนอย่างรอบด้าน มีการรับฟังความคิดเห็นและปรึกษาหารือกับประชาชน การมีส่วนร่วมในการวางแผนการใช้ประโยชน์ที่ดินและกำหนดผังเมือง รวมทั้งการติดตาม ตรวจสอบการดำเนินการตามแผน
                      การจัดทำผังเมืองในพื้นที่การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ จึงไม่ควรถูกละเลย เพราะจะทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้ร่วมกำหนดการวางแผนพัฒนาพื้นที่และร่วมได้รับการจัดสรรประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างเท่าเทียม เป็นธรรม และยั่งยืน
———————
(หลากมิติเวทีทัศน์ : การผังเมืองกับเขตเศรษฐกิจพิเศษ : โดย…ศยามล ไกยูรวงศ์)

Leave a comment