ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/detail/20151027/215841.html
‘ปลูกข้าวไรซ์เบอร์รี่’วิถีพอเพียง@ ร.ร.บ้านสระเตยลพบุรี : ภคจิรา จันทร์แดง 0 รายงาน นักประชาสัมพันธ์ชำนาญการ สพป.ลพบุรี เขต 1
โรงเรียนบ้านสระเตย อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลพบุรีเขต 1 (สพป.ลพบุรีเขต 1) เป็นโรงเรียนขยายโอกาส มีคุณครู 13 คน นักเรียน 183 คน เด็กต้องกินอาหารกลางวันที่โรงเรียน หนึ่งในแรงบันดาลใจที่ผู้บริหารโรงเรียนต้องการให้เด็กๆ ได้รับอาหารที่ดี มีคุณค่า ปราศจากสารพิษตกค้าง ในที่สุดจึงได้ข้อสรุปว่าต้องปลูก “ข้าวไรซ์เบอร์รี่” เกษตรอินทรีย์ ที่แปลงนาข้างโรงเรียนจำนวน 2 ไร่ ตามวิถีพอเพียง
นางจุรีรัตน์ ทองพาณิชย์ รักษาการผู้อำนวยการ ร.ร.บ้านสระเตย ว่าปกติ โรงเรียนปลูกข้าวไรซ์เบอร์รี่แบบทำนาโยนมา 4 ปี เพื่อประกอบอาหารกลางวันของนักเรียน มีเหลือก็แบ่งจำหน่าย รายได้ก็ใช้จ่ายหมุนเวียนเพื่อกิจกรรมการเรียนการสอนของโรงเรียน เนื่องจากมีผู้อุปการคุณมอบที่ดินให้โรงเรียน มีจุดประสงค์ให้นักเรียนได้ฝึกทักษะอาชีพด้านการเกษตรกรรมอาชีพหลักของชุมชน โรงเรียนจึงได้บูรณาการเข้ากับกลุ่มมการงานอาชีพ ใช้เวลาหลังเลิกเรียนบ่ายสองโมงครึ่งไปแล้ว มีนักเรียนตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ร่วมกิจกรรม
“ในปีนี้ทราบว่า ศูนย์เรียนรู้และพัฒนาชาวนารุ่นใหม่จ.ชัยนาท ต้องการโรงเรียนร่วมโครงการทำนาที่ลดต้นทุนและปลอดสารเคมี ซึ่งโรงเรียนของเรามีคุณสมบัติหมาะสมเพราะเป็นโรงเรียนต้นแบบเศรษฐกิจพอเพียงของสพป.ลพบุรี เขต 1 จึงนำเสนอสภานักเรียน ที่มีคณะครูและบุคลากรของโรงเรียน ปราชญ์ชาวบ้าน ร่วมกันพิจารณาและได้ข้อสรุปว่า อยากให้นักเรียนได้เรียนรู้วิธีการทำนาแบบใหม่ที่ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิตและไม่ใช้สารเคมี ดีต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม” นางจุรีรัตน์ กล่าว
นางอณุภา ปัญญาดิลก หรือม่วย ผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้และพัฒนาชาวนารุ่นใหม่ จ.ชัยนาท เล่าว่า ศูนย์ช่วยดูแลให้คำแนะนำและสนับสนุนเรื่องเมล็ดพันธ์ุข้าวกับโรงเรียน เพราะต้องการขยายองค์ความรู้เกี่ยวกับการทำนาที่ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิตและไม่ใช้สารเคมีในการทำนา ต้องการเปลี่ยนเจตคติเรื่องอาชีพการทำนาว่าต้อยต่ำและไม่สามารถสร้างฐานะได้ ถ้าให้ความรู้กับชาวนาดั้งเดิมจะเกิดประโยชน์น้อยมาก
“แต่ถ้าปลูกฝังเจตคติและทักษะให้ทดลองทำจริงกับเด็กจะได้ผลง่ายกว่า และนักเรียนจะถ่ายทอดให้ผู้ปกครอง ญาติพี่น้องรับรู้วิธีการทำนาแบบใหม่ทุกขั้นตอน และเมื่อนักเรียนได้เรียนรู้และลงมือทำทุกขั้นตอนก็จะได้องค์ความรู้ ม่ีประสบการณ์ตรง สามารถจดจำ เป็นความรู้ที่ไม่ได้จำกัดแค่ในห้องเรียน” นางอณุภา กล่าว
ขณะที่ ด.ญ.ธมลวรรณ มุกดา นักเรียนชั้นม.3 เล่าว่า ได้เข้าร่วมกิจกรรมทำนาเมื่อขึ้นชั้นม.1 ถึงตอนนี้ทำนามา 2-3 ปี แล้วชอบมากๆ ที่ได้ร่วมเพาะข้าวลงในแผงเพาะ พอข้าวที่เพาะได้ 15 วัน ก็นำข้าวมาช่วยกันโยนข้าวลงนา ตั้งแถวเป็นแนวโยนจนเสร็จ ทิ้งช่วงเวลาให้ปุ๋ยเป็นระยะจนกระทั่งเก็บเกี่ยว พอมาปีการศึกษานี้ คุณครูบอกว่าจะเปลี่ยนแปลงวิธีการทำนาแบบใหม่คือ ตีตาราง ปาเป้า ข้าวต้นเดียว เพื่อลดต้นทุนและไม่ใช้ปุ๋ยเคมีและยา
“มีพี่ม่วย ผอ.ศูนย์เรียนรู้ มาเป็นวิทยากร พี่ม่วยเล่าถึงวิธีการทำนาแบบใหม่ รู้สึกตื่นเต้น พี่ม่วยสวยและเก่งมาก สอนตั้งแต่วิธีการคัดเลือกเมล็ดข้าว จนถึงขั้นตอนสุดท้าย ปีนี้มีนักเรียนชั้น ป.6 เข้าร่วมกิจกรรมด้วย พวกพี่ๆ ก็จะเป็นพี่เลี้ยงช่วยแนะนำน้องๆ จนพวกเราเกิดความรักความสามัคคีที่ได้ทำนาร่วมกัน มีความสุขทุกครั้งที่ได้ร่วมกิจกรรม ทุกขั้นตอนการทำนาได้สรุปความรู้ถ่ายทอดเป็นแผนผังความคิด เรียงความ แต่งคำประพันธ์ จัดทำเป็นหนังสือเล่มเล็ก ซึ่งสนุกมาก ถามว่าเหนื่อยไหม เหนื่อยค่ะ แต่พวกเรามีความสุขและสนุกมากเช่นกันค่ะ” ด.ญ.ธมลวรรณ กล่าวด้วยรอยยิ้ม
กระบวนการเพาะปลูกข้าวไรซ์เบอร์รี่ใช้เวลา 3 เดือนกว่าๆ เริ่มตั้งแต่การเพาะเมล็ดพันธ์ุ 15 วัน ในอัตรา 1 กิโลกรัมต่อ 1 ไร่ ระหว่างรอกล้าข้าวโต ก่อนที่จะลงมือทำการเพาะปลูก 7 วัน เตรียมแปลงนาด้วยการไถนาและใช้จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงย่อยตอซัง 5 ลิตรต่อไร่ สาดให้ทั่วหรือปล่อยพร้อมน้ำเพื่อย่อยตอซังได้เร็วขึ้น ลดสารพิษในดิน หว่านแหนแดงเพื่อควบคุมหญ้า พอครบ 15 วัน ทำการตีตารางปาเป้าเพื่อปลูกข้าวต้นเดียวต่อ 1 ช่องตาราง ด้วยเครื่องมือตีตาราง ระยะห่าง 30:30 ซม. เพื่อให้ข้าวแตกกอดี เมื่อข้าวอายุได้ 20 วัน หลังการปาเป้า จะปล่อยน้ำออกจากนาเพื่อแกล้งข้าว ให้ข้าวแตกกอมากกว่าเดิมและแข็งแรง เมื่อข้าวอายุได้ 40 วัน นำน้ำเข้านา ช่วงระหว่างนำน้ำเข้านา ให้เทจุลินทรีย์ระหว่างวิดน้ำไร่ละ 2 ลิตร ทิ้งไว้ 7 วัน จึงปล่อยน้ำออกจากนา เมื่อข้าวอายุครบ 70 วัน นำน้ำเข้านาอีกครั้ง และใส่จุลินทรีย์เพื่อบำรุงรวงข้าวอีกไร่ละ 1 ลิตร ทิ้งไว้ก่อนเก็บเกี่ยว 15 วัน ก็จะได้ข้าวต้นแข็ง กอใหญ่ ใบตั้ง รวงยาว ข้าวเต็มเมล็ด
จากสถิติศูนย์เรียนรู้และพัฒนาชาวนารุ่นใหม่ จ.ชัยนาท เคยปลูกข้าวด้วยวิธีนี้ได้ผลผลิตสูงสุด 70 ถังต่อ 1 ไร่ สูงกว่าปกติถึง 5 เท่า ในขณะที่ต้นทุนการผลิตลดลง ในวันที่เก็บเกี่ยว มีชาวบ้าน ทหาร ผู้ปกครอง ผู้นำชุมชน และทีมงานวิทยากร คณะครู และนักเรียน ร่วมกันเก็บเกี่ยวอย่างมีความสุข ดร.ปัญญา แก้วเหล็ก ผอ.สพป.ลพบุรี เขต 1 เผยว่า รู้สึกยินดีที่ร.ร.บ้านสระเตย ได้นำเกษตรอินทรีย์เข้ามาสู่แปลงนา เปรียบเสมือนห้องเรียนห้องใหญ่ ที่ให้ความรู้แบบไร้ขีดจำกัด เปลี่ยนการเรียนการสอนในตำรามาเป็นการปฏิบัติจริง นักเรียนได้พบปัญหาจริง และเรียนรู้วิธีที่จะแก้ปัญหาด้วยตนเอง ฝึกความอดทนและการรอคอย ฝึกให้นักเรียนคิดเชิงระบบ รู้จักรักและสามัคคีกัน รู้จักการทำงานเป็นหมู่คณะ ที่สำคัญ ทำให้เด็กๆ มีจิตใจสงบ เยือกเย็น อ่อนโยนและรู้สึกเป็นอิสระ มีความสุขกับการเรียน
“นี่คือกระบวนการเรียนรู้ที่สอนให้เด็กคิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาเป็นอย่างแท้จริง ต้องขอขอบคุณคณะครู ผู้ปกครอง ทหาร และวิทยากรจากศูนย์เรียนรู้ฯตลอดจนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ที่ทำให้มีความสำเร็จในวันนี้”
ณ วันนี้ ร.ร.บ้านสระเตย ได้รับการคัดเลือกจาก “ศูนย์เรียนรู้และพัฒนาชาวนารุ่นใหม่จังหวัดชัยนาท” เป็นโรงเรียนทดลองการทำนาแบบตีตารางปาเป้าข้าวต้นเดียวโดยใช้เทคนิคเปียกสลับแห้งแกล้งข้าว ใช้น้ำน้อย เป็นแหล่งรวมและแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ ให้ผู้ที่สนใจเยี่ยมชมแปลงนาจากทั่วประเทศไทย ผ่านกิจกรรมภายใน “ศูนย์เรียนรู้และพัฒนาชาวนารุ่นใหม่” ซึ่งเป็นที่ตั้งแปลงนาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเป็นแหล่งอนุบาลและส่งเสริมการใช้แหนแดง
