5 ตุลาคม 2558 พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับนางกอบกาญจน์วัฒนวรางกูร รัฐมมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (กก.) ว่า ได้หารือถึงนโยบายลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ ซึ่งทาง รมว.การท่องเที่ยว จะเข้ามาช่วยในส่วนของกิจกรรมหลังเวลา 14.00 น.เป็นต้นไป ซึ่งกิจกรรมที่จะมาร่วมมีทั้งในส่วนของพลศึกษา ที่โดยปกติในหลักสูตรการเรียนการสอนกำหนดให้เรียนพลศึกษา 2 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ซึ่งกิจกรรมที่จะเสริมเรื่องพลศึกษาในช่วงบ่ายนั้นจะไม่ใช่การเรียนกฎกติกาเหมือนชั่วโมงเรียนปกติ แต่จะให้เด็กได้เล่นเกม หรือแข่งกีฬาแบบคละชั้นเรียน ฯลฯ

       นอกจากนี้ ศธ.และ กก.จะร่วมกันผลิตมัคคุเทศก์ โดยในส่วนของ ศธ.ปัจจุบันจะมีมัคคุเทศก์น้อย ซึ่งเป็นนักเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา และมีมัคคุเทศก์ระดับอาชีวศึกษา และอุดมศึกษาอยู่แล้ว แต่ก็จะร่วมกันเสริมให้เข้มแข็งขึ้น อีกทั้งจะร่วมกันผลิตครูพลศึกษา เนื่องจากพบว่าโรงเรียนที่ไม่มีครูที่จบพลศึกษาโดยตรงประจำอยู่ประมาณ 10,000 โรง เท่ากับว่ายังขาดครูจบพลศึกษาอีกประมาณ 10,000 คน แต่ไม่ได้หมายความว่าโรงเรียนไม่มรครูพละสอน เพียงแต่เป็นครูสอนพละที่สอนโดยการใช้ประสบการณ์ ซึ่งจะมีการอบรมครูกลุ่มนี้ให้มีความรู้ตรงตามหลักสูตร ขณะเดียวกัน ตนขอให้ กก.ไปสำรวจตัวเลขความขาดแคลนมัคคุเทศก์ในแต่ละภาษาที่ว่าขาดอยู่มากให้ชัดเจน เพื่อผลิตบุคลากรได้ตรงตามความต้องการด้วย

       ด้าน นางกอบกาญจน์ กล่าวว่า ขณะนี้การท่องเที่ยวของประเทศไทยมีการขยายตัวมาก โดยในปี 2558 มีนักท่องเที่ยวเกือบ 29 ล้านคนและคาดว่าในปีหน้าจะมีนักท่องเที่ยวถึง 30 ล้านคน ขณะที่มีมัคคุเทศก์ที่ทำงานจริงเพียงแค่ 20,000 กว่าคนซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่สอดคล้องกัน ดังนั้น การให้เด็กในโรงเรียนได้เรียนหลักสูตรมัคคุเทศก์ก็จะทำให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าบ้านที่ดี เป็นการสร้างคนรองรับการขยายตัวของการท่องเที่ยว ทำให้มัคคุเทศก์น้อยได้มีความเข้มแข็งในเรื่องภาษาอังกฤษ และภาษาอื่นๆมากขึ้น ซึ่ง กก.จะขยายการท่องเที่ยวเป็นการท่องเที่ยวในระดับท้องถิ่น ทั้งในส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทยเอง โดยเราหวังว่านอกจากเด็กจะได้เป็นไกด์ท้องถิ่นที่มีความรู้ประวัติศาสตร์ในท้องถิ่นของตนเองแล้ว ยังมีรายได้เพิ่มเติมด้วย