สู่หอศิลป์ซัทชี่กรุงลอนดอนผลงานศิลปินเปิดตัวนานาชาติ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/detail/20150928/214174.html

การศึกษา-สาธารณสุข-สิ่งแวดล้อม : ข่าวทั่วไป
วันจันทร์ที่ 28 กันยายน 2558
สู่หอศิลป์ซัทชี่กรุงลอนดอนผลงานศิลปินเปิดตัวนานาชาติ

สู่หอศิลป์ซัทชี่กรุงลอนดอนผลงานศิลปินเปิดตัวนานาชาติ : สุพินดา ณ มหาไชย รายงาน

            หอศิลป์ซัทชี่ (Saatchi) กรุงลอนดอน หอศิลป์ที่ทรงอิทธิพลในวงการศิลปะร่วมสมัยของเมืองผู้ดีและเป็นที่นิยมในยุโรป กำลังจะได้มีโอกาสต้อนรับผลงานของศิลปินไทย 25 ชีวิตในช่วงปลายปี 2558 นี้ ถือเป็นก้าวย่างที่สำคัญ ในการสร้างความรู้จักกับผลงานของศิลปินร่วมสมัยไทยให้ชาวยุโรป
            ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นด้วยความร่วมมือระหว่างหอศิลป์ซัทชี่ กระทรวงวัฒนธรรมและหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสฉลองพระชนมายุครบ 5 รอบ ในปี 2558 ในฐานะที่ทรงเป็น “วิศิษฏศิลปิน” ทรงพระปรีชาสามารถในศิลปะแขนงต่างๆ และทรงมีคุณูปการต่อวงการศิลปะและวัฒนธรรม รวมถึงเพื่อเฉลิมฉลอง 160 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-สหราชอาณาจักร กระทรวงวัฒนธรรมจึงได้นำศิลปวัฒนธรรมไทยหลากหลายแขนงไปเปิดตัวสู่สายตาเมืองผู้ดี ก่อนหน้านี้ช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ก็ได้นำโขนและภาพยนตร์ไทย 7 เรื่องไปจัดแสดง และปิดท้ายด้วยโปรเจกท์ เปิดตัว ศิลปินไทย ในนิทรรศการศิลปะไทยร่วมสมัย ภายใต้ชื่อ “Thailand Eye”
            ศ.ดร.อภินันท์ โปษยานนท์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า “Thailand Eye” เกิดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และสถานทูตไทยประจำกรุงลอนดอน ร่วมถึงภาคเอกชน เช่น การบินไทย จำกัด (มหาชน) บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน ) กลุ่มบริษัทคิงเพาเวอร์ บริษัทสยามพิวรรธน์ เพื่อร่วมจัดนำผลงานของศิลปินไทยไปจัดแสดงที่หอศิลป์ซัทชี่ โดยจะจัดแสดงระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2558-มกราคม 2559
            “หอศิลป์ซัทชี่เป็นที่รู้จักทั่วโลก ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2528 มีพื้นที่สำหรับจัดแสดง 7,000 ตารางเมตร ตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา ได้รับความนิยมจากผู้คนในวงการศิลปะร่วมสมัยและผู้ที่สนใจเป็นอย่างมาก สถิติผู้เข้าชมหอศิลป์แห่งนี้มากกว่าปีละ 1.5 ล้านคน หรือประมาณ 4,250 คนต่อวัน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่อายุไม่เกิน 35 ปี ตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา หอศิลป์แห่งนี้ได้จัดนิทรรศการที่มีจำนวนผู้เข้าชมสูงสุดในกรุงลอนดอนถึง 15 ครั้งจากทั้งหมด 20 ครั้งตามการจัดลำดับควมนิยมพิพิธภัณฑ์นานาชาติของวารสารด้านศิลปะ The Art Newspaper มีศิลปินดังชาวผู้ดีหลายรายแจ้งเกิดที่หอศิลป์แห่งนี้ เพราะฉะนั้น Thailand Eye นี้ จึงเป็นโอกาสอันดีสำหรับศิลปินในวงการศิลปะร่วมสมัยไทย หากผลงานชิ้นใดที่จัดแสดงได้รับความสนใจ ชิ้นงานนั้นก็จะมีมูลค่าเพิ่ม มีราคาขึ้น โดยเฉพาะถ้าผลงานได้รับการยอมรับและเผยแพร่นนานาประเทศ ถือว่า เป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ตามนโยบายรัฐบาล” ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าว
            ศ.ดร.อภินันท์ กล่าวต่อว่า ในวันที่ 29 กันยายนนี้ ไนเจล เฮิร์สท์ ผู้อำนวยการและกรรมการผู้จัดการหอศิลปซัทชี่ ซึ่งถือเป็นผู้กว้างขวางและได้รับการยอมรับในวงการศิลปะร่วมสมัย จะเดินทางมาบรรยายพิเศษในหัวข้อ “ความเป็นมาของหอศิลป์ซัทชี่” ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพ ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรม อยากเชิญชวนผู้ที่สนใจเข้ารับฟังการบรรยายครั้งนี้ในเวลา 18.00 น. และภายหลังจากการบรรยายนี้ ไนเจล จะได้ประกาศรายชื่อศิลปินไทย 25 คน ที่ผลงานได้รับเลือกจัดแสดงที่หอศิลป์ซัทชี่
            “ไนเจล จะเป็นผู้คัดเลือกผลงานที่จะนำไปจัดแสดงด้วยตัวเอง กระทรวงวัฒนธรรมแค่ทำหน้าที่รวบรวมผลงาน ประวัติของศิลปินส่งไปให้เท่านั้น โดยส่งไปประมาณ 200 รายชื่อ คละกันไปทั้งศิลปินดัง ศิลปินรุ่นใหญ่ และศิลปินรุ่นใหม่ เพราะฉะนั้น จึงเป็นที่น่าตื่นเต้น น่าลุ้นว่า ผลงานของศิลปินรายใดจะได้รับคัดเลือกไปจัดแสดงบ้าง และจะมีศิลปินรายใดได้แจ้งเกิดใน Thailand Eye บ้าง” ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าว
            นอกจากนั้น ทางหอศิลป์ซัทชี่ ยังได้ร่วมมือกับสำนักพิมพ์สคีรา ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี จัดพิมพ์หนังสือรวบรวมเรื่องราวและผลงานของศิลปินร่วมสมัยไทยกว่า 70 คน เพื่อเผยแพร่ในโอกาสเดียวกันนี้ด้วย เพราะฉะนั้น งานนี้จึงไม่ได้เป็นแค่การเปิดตัวผลงานของศิลปินไทยสู่สายตาชาวอังกฤษเท่านั้น แต่เป็นการเผยแพร่ผลงานศิลปินไทยไปเปิดตัวทั่วยุโรป เป็นสะพานก้าวกระโดดให้ศิลปินไทยไปจัดแสดงในประเทศอื่นๆ ด้วย
            ช่วงเวลา 3 เดือนในหอศิลป์ซัทชี่นั้น ศ.ดร.อภินันท์ ยังเตรียมกิจกรรมแสดงวัฒนธรรมไทย อาหารไทย พ่วงเข้าไปในนิทรรศการแสดงศิลปะด้วย ศ.ดร.อภินันท์ บอกว่า ต้องการใช้พลังอันนุ่มนวลของวัฒนธรรม เป็นเครื่องมือเชิงรุกในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ประเทศไทย
            “รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญกับการส่งออกวัฒนธรรมมาก กระทรวงวัฒนธรรมเองก็รับมาดำเนินการ ด้วยการนำวัฒนธรรมไทยไปจัดแสดงยังนานาประเทศ ไม่ว่าจะเป็น จีน เปรู หรือสหราชอาณาจักร เราต้องการใช้วัฒนธรรมเป็นมิติขับเคลื่อนเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยสู่สายตาชาวยุโรปและนานาชาติ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวได้ ขณะที่ตัวศิลปินเองก็จะได้โอกาสเปิดตัวสู่นานาชาติ ศิลปินบางคนอาจได้แจ้งเกิด ถือว่า เป็นการสร้างมิติใหม่ให้แก่วงการศิลปะร่วมสมัยของไทย ทั้งนี้ ผลงานที่นำไปจัดแสดงที่หอศิลป์ซัทชี่ทั้งหมด จะได้นำกลับมาจัดแสดงที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพ ระหว่างเดือนมีนาคม-มิถุนายน 2559 ด้วย” ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวในที่สุด

Leave a comment