ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/detail/20151013/215047.html
‘หมอยา’ต้องศึกษาต่อเนื่องเปิดบริบทใหม่เภสัชกรไทย : พวงชมพู ประเสริฐ
“การที่สภาเภสัชกรรมได้ดำเนินการแก้ไข พ.ร.บ.วิชาชีพเภสัชกรรมใหม่ โดยให้เภสัชกรต้องต่อใบอนุญาตทุก 5 ปี และเภสัชกรทุกคนมีการศึกษาต่อเนื่อง เพื่อเป็นการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมให้มีความรู้ และความสามารถในการประกอบวิชาชีพที่ทันสมัยและสอดคล้องกับมาตรฐานของวิชาชีพ ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นในการให้บริการต่อผู้รับบริการ” รศ.ดร.ภญ.จุฑามณี สุทธิสีสังข์ คณบดีคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการการศึกษาต่อเนื่อง สภาเภสัชกรรม กล่าว
ทั้งนี้ พ.ร.บ.วิชาชีพเภสัชกรรม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2558 ที่บังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม 2558 จะมีผลให้เภสัชกรต้องต่อใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมทุก 5 ปี ซึ่งข้อบังคับสภาเภสัชกรรม ว่าด้วยการจัดการศึกษาต่อเนื่องแก่ผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม พ.ศ.2558 มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน 2558 ตามที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา มีผลให้เภสัชกรทุกคนต้องปฏิบัติตามข้อบังคับนี้ คือ เภสัชกรทุกคนต้องมีการศึกษาต่อเนื่องรวมไม่น้อยกว่า 100 หน่วยกิตการศึกษาต่อเนื่องในระยะเวลา 5 ปี โดยจะต้องมีการศึกษาต่อเนื่องทุกปี ปีละไม่น้อยกว่า 10 หน่วยกิต เภสัชกรที่มีการศึกษาต่อเนื่องครบตามเกณฑ์ จึงจะต่อใบอนุญาตประกอบวิชาชีพได้
อย่างไรก็ตามสภาเภสัชกรรมได้ดำเนินการจัดตั้ง ศูนย์การศึกษาต่อเนื่องทางเภสัชศาสตร์ ( ศ.ศ.น.ภ.) หรือ Center for Continuing Pharmacy Education (C.C.P.E) ซึ่งศูนย์นี้จะประสานการจัดการศึกษาต่อเนื่องทางเภสัชศาสตร์ในรูปแบบต่างๆ รวมถึงรับขึ้นทะเบียนและให้การรับรองสถาบันหลักในการจัดการศึกษาต่อเนื่อง กํากับติดตามให้เป็นไปตามที่สภาเภสัชกรรมประกาศกําหนด และรับรองและกําหนดหน่วยกิตการศึกษาต่อเนื่องให้แก่หน่วยงานต่างๆ ในขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมฐานข้อมูลเภสัชกร และระบบสารสนเทศต่างๆ ในการเก็บข้อมูล คาดว่าจะชี้แจงขั้นตอนกระบวนการต่างๆ แก่สถาบันหลักได้ภายในเดือนตุลาคมนี้เพื่อให้รองรับกิจกรรมการศึกษาต่อเนื่องต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า
การเก็บหน่วยกิตการศึกษาต่อเนื่องทางเภสัชศาสตร์ รศ.ดร.ภญ.จุฑามณี อธิบายว่า เภสัชกรสามารถดำเนินการได้ในหลายรูปแบบ อาทิ การศึกษาด้วยตนเองจากบทความวิชาการ การเข้าร่วมประชุมวิชาการ การสัมมนา การฝึกอบรมทางวิชาการ การเป็นวิทยากรในการประชุมวิชาการ การเป็นผู้เขียนบทความการศึกษาต่อเนื่องทางเภสัชศาสตร์ เป็นต้น
“การศึกษาต่อเนื่องแต่ละรูปแบบ สภาเภสัชกรรมจะกำหนดไว้ชัดเจนว่ารูปแบบใดได้กี่หน่วยกิต ยกตัวอย่าง การเข้าร่วมประชุมวิชาการที่มีคุณภาพและสภารับรองเป็นเวลา 1 ชั่วโมง จะได้ 1 หน่วยกิตการศึกษาต่อเนื่อง หากการประชุมนั้นมีการบรรยายทั้งหมด 6 ชั่วโมงก็จะได้ 6 หน่วยกิตการศึกษาต่อเนื่อง เป็นต้น ซึ่งจะแตกต่างจากหน่วยกิตระดับปริญญาตรีที่ 1 หน่วยกิตจะต้องมีชั่วโมงบรรยาย 15 ชั่วโมง” รศ.ดร.ภญ.จุฑามณี อธิบายเพิ่มเติม
ขณะนี้สภาเภสัชกรรมอยู่ระหว่างการพิจารณารับรองสถาบันหลักที่จะดำเนินการจัดรูปแบบการศึกษาต่อเนื่องทางเภสัชศาสตร์ได้ ซึ่งจะมีทั้งคณะเภสัชศาสตร์ในมหาวิทยาลัยต่างๆ องค์กรวิชาชีพ โรงพยาบาลศูนย์ (รพศ.)/โรงพยาบาลทั่วไป (รพท.) หรือหน่วยงานอื่นๆ รายชื่อสถาบันหลักจะนำเสนอในเว็บไซต์ของสภาเภสัชกรรม http://www.pharmacycouncil.org ซึ่งเภสัชกรทุกคนสามารถเข้ามาตรวจสอบข้อมูลได้
“นับเป็นหนึ่งในความก้าวหน้าทางวิชาชีพเภสัชกรรมที่กำหนดให้มีการศึกษาต่อเนื่อง ต้องมีเพิ่มเติมความรู้ใหม่ๆ เพื่อให้การทำงานทันสมัย เพราะความรู้เรื่องยามีความก้าวหน้าตลอดเวลา มียาใหม่ องค์ความรู้ใหม่ทางเภสัชศาสตร์เกิดขึ้น เภสัชกรจึงต้องมีการพัฒนาตนเองเสมอ ตื่นตัวและแสวงหาความรู้ที่ทันสมัย ซึ่งจะเป็นการคุ้มครองประชาชน จากการที่จะได้รับบริการจากเภสัชกรที่มีความรู้ที่เป็นปัจจุบัน ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต การกระจาย ไปจนถึงการใช้ยาในผู้ป่วย” รศ.ดร.ภญ.จุฑามณี กล่าวในที่สุด
