‘แอร์บัส A320’ ปมขัดแย้ง‘ผู้บริหารเอแบค’

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/detail/20151009/214764.html

การศึกษา-สาธารณสุข-สิ่งแวดล้อม : ข่าวทั่วไป
วันศุกร์ที่ 9 ตุลาคม 2558
‘แอร์บัส A320’ ปมขัดแย้ง‘ผู้บริหารเอแบค’
‘แอร์บัส A320’ ปมขัดแย้ง‘ผู้บริหารเอแบค’

‘แอร์บัส A320’ ปมขัดแย้ง‘ผู้บริหารเอแบค’ : ทีมข่าวการศึกษารายงาน

 

            คาราคาซังมานาน 3-4 เดือนสำหรับความขัดแย้ง แบ่งฝักแบ่งฝ่ายออกเป็น2ขั้ว ของฝ่ายบริหาร“มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ”จนล่าสุดเกิดผลกระทบต่อการเข้ารับปริญญาบัตรของนักศึกษาประจำปีการศึกษา2557จำนวน3,030คน ที่เวลานี้ยังไม่รู้ชะตากรรมของตนเองว่าท้ายที่สุดใครจะเป็นผู้เซ็นลงนามในใบปริญญาบัตร ใน”ตำแหน่งอธิการบดี“ระหว่าง ”ภราดาบัญชา แสงหิรัญ” และ”ดร.สุทธิพร ปทุมเทวาภิบาล” ด้วยทั้งคู่อ้างสิทธิ์ตามกฎหมาย

บรรยากาศภายใน“เอแบค”เงียบสงบ โดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษาดำเนินชีวิตตามปกติ ไม่สะทกสะท้านต่อปัญหาความขัดแย้งของผู้มีอำนาจที่เกิดขึ้น แม้ก่อนหน้านั้นมีเพีียง”องค์กรนักศึกษา“ออกมาเคลื่อนไหว เพื่อเรียกร้องความชัดเจนถึงสภาพความเป็น”บัณฑิต” ปริญญาบัตรที่จะได้รับหรือไม่  แต่เมื่อได้รับคำตอบที่ทำให้สบายใจ ทุกอย่างก็จบ…เหลือเพียงผู้บริหารที่ยังออกสื่อโต้แย้งกันเสมอ

“มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ” พัฒนามาจาก “โรงเรียนอัสสัมชัญพานิชยการ” ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2512 และได้รับวิทยฐานะเป็น “โรงเรียนอัสสัมชัญบริหารธุรกิจ” ในปี พ.ศ. 2515 สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ต่อมาในปี พ.ศ. 2518 ย้ายสังกัดมาอยู่“ทบวงมหาวิทยาลัย”และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น“วิทยาลัยอัสสัมชัญบริหารธุรกิจ) ” หรือ Assumption Business Administration College ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเอแบค (ABAC) และเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2533 ได้รับการเลื่อนวิทยฐานะเป็นมหาวิทยาลัย และได้ชื่อว่า “มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ”ใช้ตัวอักษรย่อในภาษาไทยว่า “มอช.” และภาษาอังกฤษว่า “AU” ซึ่งทำให้อักษรชื่อย่อมีความสัมพันธ์ กับสัญลักษณ์ทางเคมี คือ Au (ทองคำ)

“เอแบค”มหาวิทยาลัยเอกชนในเครือคณะภราดาเซนต์คาเบรียล มี 3วิทยาเขต นับเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทย ที่มีระบบการสอนหลักสูตรนานาชาติ และมีศาตราจารย์(ศ.)มากที่สุดในประเทศไทย เป็นสถาบันการศึกษาเลื่องชื่อทั้งในและต่างประเทศ มาร่วม 46 ปี แต่ปัจจุบัน่มีปัญหาความขัดแย้งอย่างรุนแรง สั่นคลอนความเชื่อมั่น ต่อพ่อแม่ผู้ปกคตรองทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศที่จะส่งลูกเข้าเรียนในสถาบันการศึกษาแห่งนี้อยู่ไม่น้อย!!!

ชนวนความขัดแย้ง..ศึกภายใน“เอแบค” ว่ากันว่า ต้นเหตุความวุ่นวายเกิดมาจาก“โครงการจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องฝึกบินจำลองเสมือนจริงแบบแอร์บัสเอ320”อีกหนึ่งโครงการที่เอแบค ลงทุนมูลค่า ประมาณ350ล้านบาท แต่กลับพบว่าก่อให้เกิดความเสียหายกว่า 60 ล้านบาท เหตุชุลมุนในสภามหาวิทยาลัยจึงปะทุขึ้น เมื่อฝ่าย“ดร.สุทธิพร  ปทุมเทวาภิบาล” และกรรมการสภากลุ่มหนึ่ง ได้ร้องให้สภามหาวิทยาลัย ตั้งคณะกรรมการสอบสวน อธิการบดี (ภราดาบัญชา แสงหิรัญ)จนนำไปสู่คำสั่ง พักการปฎิบัติหน้าที่ของ “ภราดาบัญชา” อธิการบดีในขณะนั้น เป็นการชั่วคราว และแต่งตั้งให้ “ดร.สุทธิพร” เข้ามานั่ง “รักษาการอธิการบดี ม.เอแบค”…

ทว่า..เรื่องราวไม่ได้จบเพียงแค่นั้น เมื่อ“ดร.สุทธิพร” ได้ยื่นหนังสือต่อ “สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.)” และ ศาลแพ่ง  ให้พิจารณาตามกฎหมาย ถึงการเข้าสู่ตำแหน่ง รักษาการอธิการบดีม.เอแบกของเขา เนื่องด้วยถูกขัดขวางในการปฎิบัติงาน คราวนี้…ขยะใต้พรม ความไม่ลงรอยของเหล่า”กรรมการสภามหาวิทยาลัย” ผู้ที่ถือได้ว่ามีอำนาจสูงสุดในการบริหารสถาบันอุดมศึกษาจึงถูกสาวไส้ออกสู่สังคม

เมื่อทั้งฝ่ายหนึ่งกล่าวหาอีกฝ่ายหนึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่อทุจริต และความไม่ชอบมาพากล (ตามที่ได้เสนอข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์)ของการทำหน้าที่สภามหาวิทยาลัย

ขณะที่ฝ่าย “ภารดาบัญชา แสงหิรัญ” และกรรมการสภาฯอีกกลุ่ม นำโดย”นายวีรศักดิ์ อนุสนธิวงษ์”ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของเอแบค และหนึ่งในกรรมการสภามหาวิทยาลัย ก็ออกมาชี้แจงให้สังคมได้เห็นว่า “โครงการจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องฝึกบินจำลองเสมือนจริงแบบแอร์บัสเอ320” ที่“ดร.สุทธิพร” คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ ในขณะนั้น เปิดหลักสูตร่วิศวะการบิน แต่เป็นโครงการร่วมทุนกับบริษัทต้องให้“ภราดาบัญชา แสงหิรัญ” อธิการบดีม.เอแบคในขณะนั้นเป็นผู้ถือหุ้นเห็นชอบ ต่อมาเกิดข้อท้วงติงว่าการดำเนินการส่อไปในทาง“ไม่โปร่่งใส อาจจะทุจริต”จนกระทั่งมีการตั้ง คณะกรรมการสอบสวน และผลการสอบสวนพบว่า “ไม่มีทุจริต”

ไม่เพียงเท่านั้น ได้หยิบยกกฎหมายมาตีแผ่ ถึงการสั่งพักงานอธิการบดีมิชอบด้วยกฎหมาย โดยยึดตามมาตรา98 พ.ร.บ.สถาบันอุดมศึกษาเอกชน พ.ศ. 2546 แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่2) ระบุชัดว่า การพักงานอธิการบดีได้ต้องเป็นการร้องขอจากกรรมการสอบสวนมายังคณะกรรมการสภามหาวิทยาลัย แต่ปัจจุบันยังไม่มีการร้องขอมาที่สภามหาวิทยาลัยและถือว่า เอแบค มีอธิการบดีคนเดียว คือ “ภราดาบัญชา  แสงหิรัญ”

เหนืออื่นมใด ตามพ.ร.บ.สถาบันอุดมศึกษาเอกชน มาตรา 42 ระบุว่า หากกรณีที่อธิการบดีปฎิบัติหน้าที่มิได้ ให้รองอธิการบดีเป็นผู้ปฎิบัติหน้าที่แทน ฉะนั้น คำว่า “ตำแหน่งรักษาการอธิการบดี ”ไม่ได้มีปรากฏตามกฎหมาย เป็นการแอบอ้างตามคำสั่งสภามหาวิทยาลัย ที่ไม่ได้เป็นการลงนามด้วยนายกสภามหาวิทยาลัย เป็นคำสั่งที่ไม่ถูกต้อง

เมื่อทนายความฝ่าย “ภราดาบัญชา“ยืนยันถึงความเป็นตัวตนในตำแหน่ง ”อธิการบดี” ทำให้ฝ่าย“ดร.สุทธิพร”และกรรมการสภามหาวิทยาลัยอีกกลุ่ม ก็หยิบยกกฎหมายขึ้นมาอ้างสิทธิ์ ในมาตราเดียวกัน ตามพ.ร.บ.เดียวกันแถมยังพ่วงท้ายด้วยคำสั่งศาลแพ่ง ที่ได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ซึ่ง ศาลรับคำฟ้องและออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว โดยระบุว่า ให้ “ภารดาบัญชา” พักงานมีผลตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน  2558 ขณะเดียวกัน “ดร.สุทธิพร” นั่งรักษาการอธิการบดี แทน ตั้งแต่ วันที่ 22 มิถุนายน 2558

วิกฤติความขัดแย้งในเอแบค ยังสะท้อนความอ่อนด้อย“หลักธรรมาภิบาล”และดูเหมือนว่ามหาวิทยาลัยไทยหลายกลุ่ม กำลังเผชิญวิกฤติหนัก เพราะไม่นำหลักธรรมาภิบาลมาบริหารสถาบันแต่ยึดผลประโยชน์ส่วนบุคคลเป็นใหญ่

เหนืออื่นใด ความขัดแย้งในเอแบค อูณหภูมิเดือทะลุ 100 องศาคงจะได้รับการแก้ไขหรือไม่? หลังจากสภามหาวิทยาลัยทั้ง 18 คน ครบองค์ประชุม จะเข้าพบ “บิ๊กหนุ่ย”พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ( รมว.ศธ.) ในวันอังคารที่ 13 ตุลาคม 2558 ที่กระทรวงศึกษาธิการ และว่าดหวังว่าผู้บริหารในบ้านเมืองของเรา คงไม่“บ้าจี้”็ใช้บัญฑิตเอแบคทั้ง 3,030 ชีวิต มาเป็นตัวประกัน เพราะหากเป็นเช่นนั้น สังคมโลกคงประณามประเทศไทย เป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนนะขอบอก!!

 

 

Leave a comment