‘นายกฯ’ลั่น!ขัดแย้งตั้ง‘สังฆราช’ไม่ได้

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/detail/20160218/222692.html

การเมือง : ข่าวทั่วไป
วันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ 2559
‘นายกฯ’ลั่น!ขัดแย้งตั้ง‘สังฆราช’ไม่ได้

‘นายกฯ’ ลั่น!ตั้ง ‘สังฆราช’ ไม่ได้หากยังมีปัญหาอยู่ ชี้ทุกฝ่ายต้องปฏิรูปใจตัวเองก่อน มอบ ‘สุวพันธุ์-วิษณุ’ หาทางออก ‘สงฆ์’ ปัด ‘โอบามา’ กดดันไทยเร่งคืนปชต.

       18 ก.พ.59 เมื่อเวลา 13.40 น. ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนในการแก้ไขความขัดแย้งของพระสงฆ์ในเรื่องการแต่งตั้งพระสังฆราชองค์ใหม่ว่า “ผมเดาไม่ผิด เห็นไหม ที่คิดไว้ว่าคำถามแรกจะต้องเป็นเช่นนี้ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการต่อไป เพราะปัญหาไม่ได้เกิดตอนนี้ เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมานานแล้ว ถึงวันนี้จึงต้องมาตัดสินเอาแพ้เอาชนะ เอากฎหมายมาว่ากัน ซึ่งผมได้มอบหมายให้นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯไปหาทางออกอยู่ เพราะฉะนั้นผมยังไม่ขอตอบในตอนนี้ ทั้งนี้ก็ต้องการทางออกกันจนได้ ประเด็นสำคัญคือหากอีกฝ่ายอ้างกฎหมายแล้วอีกฝ่ายก็อ้างกฎหมาย รัฐบาลจะทำอย่างไรในเมื่อมีกฎหมายทั้งสองทาง เพราะฉะนั้นจึงอยากให้คนไทยทบทวนว่าการใช้กฎหมายมาต่อสู้กันนั้นเป็นอย่างไร ซึ่งมันไม่ผิดหรอกเพราะกฎหมายมีคนละฉบับ คนละเรื่อง แต่ถ้านำมาปนกันก็จะตีกันทั้งหมดทุกเรื่อง ส่วนเรื่องแนวคิดการดีเบตของพระสงฆ์นั้นผมก็พูดไปว่าให้มาพูดคุยกัน แต่ผมเห็นแล้วว่าเขาทำกันมาโดยตลอดอยู่แล้ว ความจริงรมต.สุวพันธุ์ก็ทำอยู่ในประเด็นที่ยังมีความขัดแย้ง”
       เมื่อถามว่า รัฐบาลจะถือโอกาสในขณะนี้ปฏิรูปพระสงฆ์ด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอถามกลับหน่อยว่าจะให้ปฏิรูปอะไร จะปฏิรูปแบบไหน วันนี้ขอให้ปฏิรูปใจของตัวเองก่อนดีกว่า วันนี้เรามีทั้งไทยพุทธ ไทยอิสลาม แต่ทั้งหมดก็ต้องปฏิรูปใจตัวเองก่อน ไม่ว่าจะใครก็แล้วแต่ “ผมเป็นรัฐบาล แล้วผมก็เป็นไทยพุทธ แต่ผมก็ต้องดูแลศาสนาอื่นด้วย แล้วทำไมเราไม่มาร่วมมือกันทำเพื่อให้อยู่ร่วมกันอย่างสันติ เพราะฉะนั้นถ้ายังมีปัญหาอยู่ก็แต่งตั้งไม่ได้อยู่ดี เพราะว่าผมคงไม่เอาความขัดแย้งขึ้นมาให้มันเป็นเรื่องเป็นราว นี่คือกฎหมาย ถ้าผมจะทำอะไรผมรู้ดี มันมีกฎหมายแล้วหน้าที่ของมันอยู่ แต่อยากถามว่าคนอื่นรู้จักหน้าที่ของตัวเองบ้างไหมเล่าว่าทำอย่างไรจะลดความขัดแย้ง อีกฝ่ายก็อ้างแต่การกระทำความผิดเยอะแยะไปหมด อยากถามว่าจบหรือยัง แล้วมันจะจบได้อย่างไร”
       เมื่อถามย้ำว่า จะถือโอกาสแก้กฎหมายเพื่อให้พระสงฆ์ถือครองทรัพย์สินที่มีค่าด้วยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า สื่อเคยพูดให้เกิดความเข้าใจในสิ่งที่ตนจะทำบ้างหรือไม่ ขนาดตนบอกสื่อให้ไปช่วยชี้แจง อธิบายว่าควรจะต้องแก้ไขจุดนั้นจุดนี้ สื่อยังไม่ช่วยเลย แล้วจะให้ออกกฎหมายอย่างเดียวจะฟังกันหรือไม่ ให้ย้อนกลับไปฟังสิ่งที่ตนได้ตอบข้อแรกก่อนแล้วกัน”
‘นายกฯ’  ลั่นสหรัฐฯมีมารยาทพอ ไม่กดดันคืนประชาธิปไตย
       18 ก.พ. เวลา 13.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสต่างชาติกดดันไทยในเรื่องประชาธิปไตยตามสื่อโซเชียลมีเดีย ว่า “ใครกดดัน เขากดดันผม หรือเปล่า ถ้าเป็นเช่นนั้นผมไม่กล้ากลับมา แล้วก็ไม่กล้าไปด้วย คนเขามีมารยาทเพียงพอ และอีกอย่างเขาเห็นว่าอาเซียนเป็นภูมิภาคที่สำคัญในโลกใบนี้ เราเป็นส่วนหนึ่งของอาเซียน ฉะนั้นเขาแยกแยะกันออก”
       นายกฯ กล่าวว่า หลายเรื่องมีลำดับความก้าวหน้าด้วยซ้ำไม่ว่าจะเรื่องความมั่นคง เศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ตนเห็นเขาก็คุยดีด้วยทั้งนั้น โดยนายบารัค โอบาม่า ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ก็ให้กำลังใจเมื่อทราบว่าบ้านเรากำลังเดินหน้าเรื่องประชาธิปไตย ก็ขอให้มีความสำเร็จ เขาไม่ได้มากดดันว่าต้องทำให้เร็ว ทำเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นจะถูกลงโทษ เรื่องแบบนี้ไม่มี มีแต่คนไทยที่พยายามให้เป็นแบบนั้น ตนก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าทำไม ในเมื่อเราต้องการปฏิรูปประเทศ เราก็ต้องเคารพกติกาสากล
       “การเป็นประชาธิปไตย เราก็ต้องมีขั้นตอนของเรา แล้วทำไมเราต้องกดดันกันเอง ผมก็ไม่เห็นเขารังเกลียดรังงอนอะไรผม แต่อาจจะมีบางคนต้องเสียใจ เพราะคิดว่าอาจจะไม่ได้จับมือ เขาก็จับผมแน่น เขามีมารยาท เข้าใจหรือเปล่า” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
       นายกฯ กล่าวต่อว่า สิ่งสำคัญคือกลุ่มอาเซียนได้แสดงความเข้มแข็ง รวมกลุ่มกันมีมติชัดเจนในแต่ละเรื่องที่เห็นพ้องต้องกัน คือทั้งหมดจะต้องมีการพูดคุยเจรจาหาทางออกโดยสันติวิธี เป็นต้น ตนคิดว่าอย่าไปตั้งประเด็นว่าคนโน้น คนนี้ ชอบหรือไม่ชอบเรา เพราะเป็นธรรมดาประเทศประชาธิปไตยมาชมเชยตนไม่ได้อยู่แล้ว แต่เขาดูว่าทำอะไรอยู่ แต่มีพวกเราบางคนพยายามพูดสิ่งที่ไม่ดีให้เขาได้ยิน นั่นเป็นสิ่งที่ทำลายตัวเอง และทำลายชาติ ตรงนี้ตนไม่อยากจะว่า ส่วนเรื่องที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า การประชุมครั้งนี้เราไปเข้าข้างคนอื่นเรื่อยเปื่อย วันนี้รัฐบาลต้องเดินทุกด้าน ทั้งในเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง อย่างเป็นอิสระในโลกนี้ โดยต่อไปจะต้องมีการประชุมอาเซียน-อินเดีย อาเซียน-รัสเซีย แล้วเราจะไปอยู่ข้างไหน เอาแต่มองว่าแบ่งข้างจนไม่ลืมหูลืมตา ขนาดต่างประเทศก็ยังไปแบ่งให้เขาอีก แล้วโลกใบนี้จะอยู่ได้ไหม
       ด้านนายดอน ปรมัติวินัย รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า การเดินหน้าไปประชุมที่สหรัฐอเมริกาในครั้งนี้ ผู้นำไทยได้รับการต้อนรับจากนายบารัค โอบามา ประธานธิบดีสหรัฐอเมริกาอย่างดี เหมือนกับประเทศอื่นๆ ในอาเซียน และวันนี้ถือว่าประเทศมหาอำนาจอย่าง สหรัฐฯให้ความสำคัญกับประเทศในกลุ่มอาเซียนไม่น้อย โดยนายบารัค โอบามา มีแนวคิดเตรียมจัดตั้งอาเซียน ยูเอส คอนเนค(ASEAN-US CONNECT) ใน 3 ประเทศ ประกอยด้วย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และไทย ส่วนกรณีที่มีการนำเสนอข่าวว่าสหรัฐฯ กดดันไทยเรื่องประชาธิปไตยในไทยนั้น ยืนยันว่า ไม่เป็นเช่นนั้น เพราะในการแถลงข่าวกับสื่อมวลชนประธานาธิบดีสหรัฐฯ อยากให้ประชาธิปไตยของไทยกลับมา พูดเพียงสั้นเท่านั้น เช่นเดียวกับเมียนร์มา ทางสหรัฐฯ ยังสนับสนุนความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
‘นายกฯ’ ลั่นไม่อนุญาตให้กลุ่มการเมืองดีเบตกับกรธ. เรื่องรธน.
       พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงข้อเสนอให้มีการจัดดีเบตเนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญระหว่างกลุ่มการเมือง และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ว่า “คงไม่ต้องมีการดีเบต เพราะมีการทำประชามติ รับฟังความคิดเห็นอยู่แล้ว จะดีเบตอะไรกันหนักหนา ทำไมมันยุ่งอะไรกันหนักหนาเรื่องรัฐธรรมนูญไทย ตนเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ และเป็นอนาคตของประเทศ แต่ต้องดูก่อนว่า ไม่ว่าจะเขียนหรือไม่เขียนกฎหมาย แต่ปัญหาอยู่ที่ว่ายอมรับก็หมายกันหรือไม่ ไปเน้นกันตรงนี้ ต่อให้เขียนวิลิศมาหราอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นทางไหนก็ตามมีปัญหาหมด เพราะคนไม่รับกฎหมาย จึงต้องไปทบทวนคนเหล่านั้นถ้าทุกคนจะเดินหน้าประเทศไปให้ได้ ไปสู่ความมั่นคง และปลอดภัยในวันหน้า และมีการพัฒนาที่ยั่งยืน ถ้าทุกคนร่วมมือกันและอยู่ภายใต้กฎหมายไม่จำเป็นต้องเขียนอะไรใหม่ก็อยู่ได้ วันนี้อยู่กันได้หรือไม่ ถ้าเขียนใหม่แล้วจะอยู่กันได้หรือ นี่คือคำถามของผม ให้ถามเขากลับไปแบบนี้ ให้คนที่คัดค้านอยู่ตอนนี้มาดีเบตกับผมแบบนี้ไม่ต้องไปดีเบตกับใคร ว่าที่ผ่านมามันดีหนักหนาอย่างไร เคารพกฎหมายแค่ไหน”
‘นายกฯ’ เผยวันหน้ามีความเข้าใจระหว่างกันกับสื่อดีขึ้น อาจเพิ่มคำถาม
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการให้สัมภาษณ์ภายหลังเดินทางกลับจากการปฏิบัติภารกิจที่ประเทศสหรัฐฯของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ห้องรับรองพิเศษ สนามบินสุวรรณภูมิ ถือเป็นการให้สัมภาษณ์ครั้งแรก ภายหลังจากมีการจัดระเบียบสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลใหม่ให้สามารถตั้งคำถามต่อนายกฯได้เพียง 4 คำถามเท่านั้น โดยสำนักโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้จัดพื้นที่สำหรับสื่อมวลชนโดยนำสายพานมากั้นพื้นที่ระหว่างโพเดียมนายกฯ และผู้สื่อข่าว โดยมีการจัดเก้าอี้ และไมโครโฟนเพื่อให้ผู้สื่อข่าวได้แนะนำตัวก่อนตั้งคำถามนายกฯ ตามมาตรการจัดระเบียบ ซึ่งทางพ.อ.หญิงทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกฯ ได้มาทำความเข้าใจและสอบถามประเด็นคำถามกับผู้สื่อข่าวก่อนสัมภาษณ์นายกฯ อย่างไรก็ตามในเวลา 15.00 น. วันเดียวกันนี้พล.อ.ประยุทธ์จะนำคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้าลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่โรงพยาบาลศิริราช
       ทั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงมาตรการใหม่ที่ให้สื่อมวลชนตั้งคำถามได้เพียง 4 คำถามในแต่ละครั้งของการให้สัมภาษณ์ว่า “เลขสี่มันดีมั้ง เจ๊ก หนอ ซา สี่ เลขสี่ดี ถ้าโหงวไม่ค่อยหรอกเพราะมันเกิน ถ้าวันหน้ามันคุยกันรู้เรื่อง แล้วมันดีขึ้นช่วยชี้แจงทำความเข้าใจ มันก็อาจจะเป็นสี่ ห้า หกก็ได้ วันนี้สตาร์ทสี่ก่อน เลขดี โอเคนะ ขอบคุณสวัสดี”
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังให้สัมภาษณ์จบ นายกฯได้เดินจากโพเดียมเพื่อขึ้นรถเดินทางกลับทันที ขณะที่มีกลุ่มให้สนับสนุนประมาณ 10 คนที่มารอให้กำลังใจบริเวณด้านหน้าห้องรับรองพร้อมได้ส่งเสียง “นายกฯสู้” ซึ่งนายกฯก็ได้โบกมือทักทายพร้อมกล่าวขอบคุณ ก่อนที่จะขึ้นรถเดินทางกลับออกไปทันที โดยนายกฯได้เดินทางเข้าทำเนียบฯ ก่อนที่เวลา 15.00 น. พล.อ.ประยุทธ์จะนำคสช.ร่วมลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่โรงพยาบาลศิริราช

Leave a comment