ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/detail/20160219/222723.html
การเมือง : ข่าวทั่วไป
วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2559
หนทางกู้ศรัทธา : บทบรรณาธิการ วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2559
ดูเหมือนว่า ขณะนี้สังคมชาวพุทธกำลังสับสนกับท่าทีของพระชั้นผู้ใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มหาเถรสมาคม ที่มีอำนาจหน้าที่ปกครองสงฆ์ทั้งหมด ยิ่งเมื่อมีพระสงฆ์กลุ่มหนึ่งออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้อง กดดันรัฐบาลด้วยการชุมนุมเฉกเช่นกับการชุมนุมทางการเมืองทั่วไป ตลอดไปจนถึงการยื่นข้อเรียกร้องให้รัฐบาลทำตามความต้องการของตนเอง ก็ยิ่งมีคำถามถึงบทบาทของพระสงฆ์กลุ่มนั้น ซึ่งถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง เพราะกรณีนี้อาจลุกลามไปที่ความศรัทธาของพุทธศาสนิกชน ในท่ามกลางการซ้อนทับของหลายปัญหา ตั้งแต่มหาเถรสมาคมชี้เรื่องพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช การตรวจสอบเส้นทางการเงินของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น มาจนถึง บทสรุปของกรมสอบสวนคดีพิเศษว่า รถยนต์เมอร์เซเดส เบนซ์ จดประกอบ ที่มีสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นผู้ครอบครองนั้นผิดกฎหมาย
การออกมาเคลื่อนไหวของเครือข่ายสงฆ์เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา มีข้อเรียกร้องที่ทำให้เห็นชัดเจนว่า เกี่ยวพันโยงใยกันกับกรณีข้างต้น กล่าวคือ 1.ห้ามหน่วยงานภาครัฐเข้ามาก้าวก่ายเรื่องทางสงฆ์ 2.ขอให้รัฐบาลยึดถือธรรมเนียมปฏิบัติอันดีงามที่กระทำสืบกันมา คือการดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับการปกครองคณะสงฆ์ ทางรัฐบาลต้องปรึกษา และได้รับความเห็นชอบจากมหาเถรสมาคม (มส.) ก่อน 3.ขอให้นายกรัฐมนตรียึดถือดำเนินการตามมติ มส.ที่เสนอนามสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เพื่อสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช และ 4.ขอให้รัฐบาลสั่งเป็นนโยบายให้หน่วยราชการปฏิบัติต่อคณะสงฆ์ด้วยความเคารพ เอื้อเฟื้อ ไม่ข่มขู่คุกคามคณะสงฆ์ ด้วยการใช้กฎหมาย และ 5.ขอให้บรรจุพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญ
ต่อกรณีดังกล่าว พระไพศาล วิสาโล เจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ เห็นว่า ทั้งหมดทำให้เกิดวิกฤติศรัทธาขึ้น โดยผู้ที่มาชุมนุมไม่ได้คิดแก้ปัญหาเรื่องความเสื่อมศรัทธา และไม่คิดหาวิธีเรียกศรัทธาให้สังคมกลับมายอมรับ มส. หรือยอมรับในการเสนอนามสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์เป็นสมเด็จพระสังฆราช เพราะมัวแต่มุ่งกดดันรัฐบาลมากเกินไป จนลืมนึกถึงศรัทธาของประชาชน และภาพลักษณ์ของพระสงฆ์ที่มาชุมนุม กลับเพิ่มความเสื่อมศรัทธาพระสงฆ์และมส.มากขึ้นไปอีก ซึ่งถ้ารัฐบาลทำตามข้อเรียกร้อง และเสนอนามสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ก็ไม่ช่วยให้สถานการณ์ต่างๆ ดีขึ้น เพราะประชาชนเกิดความเสื่อมศรัทธาใน มส.และสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ไปแล้ว พระไพศาลยังเสนอทางออกให้มส.เร่งสร้างความกระจ่างทุกกรณีที่เกิดข้อกังขาเพื่อเรียกศรัทธากลับคืนมา โดยเฉพาะ หากสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์กล้าที่จะทำ ก็จะปลดชนวนได้
ปมปัญหาตอนนี้ ในส่วนของทางโลก หรือรัฐบาลก็คือ จะต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งเกี่ยวกับแรงกดดันให้นำชื่อสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เพื่อทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช ตามมติของมส.ก่อนหน้านี้ ในส่วนของศาสนจักร ย่อมเป็นหน้าที่ของมส. และสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ที่จะต้องคลี่คลายปัญหา อย่างที่เครือข่ายสงฆ์ยื่นข้อเรียกร้องนั้น ก็ค่อนข้างชัดเจนว่า กระทำลงไปเพื่อสมเด็จพระรัชมังคลาจารย์โดยตรงตั้งแต่ข้อ 1 ถึงข้อ 4 ขณะเดียวกัน ในส่วนของชาวพุทธก็จะต้องตั้งมั่นอยู่ในสติ แยกแยะกรณีที่เกิดขึ้น ระหว่างการกระทำส่วนบุคคล กับพระพุทธศาสนา หรือวงการสงฆ์ในองค์รวม ซึ่งถ้าทุกฝ่ายมีสติ มีความจริงใจ ปล่อยวาง และเสียสละตามคำสอนของพระบรมศาสดา วิกฤติการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ก็จะสามารถคลี่คลายลงได้
