ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/detail/20160225/223076.html
กรอบ5ปี‘ประยุทธ์’ทำ‘ทักษิณ’ไร้ราคา : ทีมข่าวสืบสวนสอบสวน
การตอบคำถามของผู้สื่อข่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อวันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา นับเป็นความชัดเจนครั้งแรก ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหา ท่าที และเป้าหมายของ คสช.ว่า นับจากนี้จะนำพาประเทศไทยเดินไปในทิศทางใด
นอกจากนี้ยังสื่อไปยัง ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เรียกร้องให้ คสช.ไปพูดคุยเจรจาโดยอ้างว่า เพื่อให้บ้านเมืองเดินต่อไปได้ว่า เรื่องเช่นนั้นจะไม่มีวันเกิดขึ้น
แหล่งข่าวใน คสช.บอกว่า ถ้อยแถลงของ พล.อ.ประยุทธ์ แทบไม่ต้องตีความเลย เพราะชัดเจนว่า ในระยะเปลี่ยนผ่านก่อนที่จะไปสู่การเลือกตั้งเต็มรูปแบบนั้น จะใช้เวลา 5 ปี เพื่อให้มั่นใจว่าแนวทางของประเทศจะเดินไปในแนวทางที่ คสช.ได้วางกรอบเอาไว้
ระยะเวลาที่ว่านั้น จึงจำเป็นที่จะต้องมีคณะกรรมการอะไรสักอย่างเพื่อเข้ามากำกับดูแลให้แนวนโยบายที่ได้วางเอาไว้เดินหน้าต่อไป แม้ระหว่างนั้นจะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ก็จะต้องเดินไปในแนวทางนี้ แม้ว่าส่วนหนึ่ง จะต้องทำตามนโยบายที่ได้หาเสียงเอาไว้ก็ตาม
ก่อนหน้านี้ มีการต่อต้านร่างรัฐธรรมนูญฉบับ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ที่มีบทบัญญัติเกี่ยวกับการให้มี คณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ หรือ คปป. มาแล้ว และการที่ สปช.คว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับนั้น ก็ทำให้เชื่อว่า คสช.ไม่กล้าเผชิญหน้ากับการทำประชามติ
แต่ในครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล้าที่จะพูดอย่างชัดเจนว่า ต้องการให้มีคณะกรรมการที่มาทำหน้าที่ไม่ต่างกับ คปป.
นั่นย่อมหมายความว่า คสช.ไม่ได้ให้น้ำหนักว่า รัฐธรรมนูญจะผ่านการทำประชามติหรือไม่
และแน่นอน ย่อมไม่ให้น้ำหนักกับการต่อรองของทักษิณ ที่แบะท่าว่าจะใช้ประชามติมาต่อรองกับ คสช.
เพราะจริงแล้ว คสช.ก็รับรู้มาตลอดว่า “เสียง” ในพื้นที่ที่จะลงประชามตินั้น “เสี่ยง” เกินไปที่จะไปคาดหวังว่าจะรับร่างรัฐธรรมนูญที่มาจาก คสช.
แต่เพราะกำหนดเวลาของ “ระยะเปลี่ยนผ่าน” ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุนั้น ถูกวางเอาไว้แล้วว่า ต้องใช้เวลา 5 ปี
นั่นก็หมายความว่า หากการทำประชามติแล้วไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับ มีชัย ฤชุพันธุ์ แต่หากมีการเขียนบทเฉพาะกาลให้มีเนื้อหาอย่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่าจำเป็นต้องมี ก็มีแนวโน้มว่า รัฐธรรมนูญที่จะนำไปปรับใช้นั้น บทเฉพาะกาลของร่างรัฐธรรมนูญฉบับมีชัยจะยังคงมีความหมายสำคัญต่อไป
ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ และ คสช.จะคงอยู่หรือไม่ น่าจะต้องแยกกันเป็น 2 ส่วน เพราะแนวโน้มที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะอยู่ต่อนั้น มีโอกาสสูงกว่าการที่จะคงความเป็น คสช.ภายหลังการเลือกตั้งให้มี ส.ส.อย่างมีดุลยภาพ
แนวโน้มของ คสช.เดิม ถ้าไม่หายไปเลย ก็จะแปลงสภาพเป็นรูปแบบอื่น
อาจจะเป็นคณะกรรมการที่ชื่ออะไรสักอย่าง ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ บอกเอาไว้ว่า จะต้องมีคณะกรรมการคอยตรวจสอบรัฐบาลให้ทำตามแนวนโยบาย หรืออาจจะใช้ ส.ว.มาทำหน้าที่นี้ก็ได้
ทั้งนี้เป็นไปตามบทบัญญัติว่า จะให้คุณสมบัติของผู้ที่จะมาทำหน้าที่ “คณะกรรมการอะไรสักอย่าง” นั้น มาจากอะไร
“ไม่ใช่ว่าผมจะต้องอยู่หรือไม่อยู่ ไม่ต้องมายุ่งสนใจกับผมมากนัก ผมมีหน้าที่ทำให้บ้านเมืองสงบ เดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง ท่านก็คิดกันต่อสิ จะเอาอย่างไร” นั่นคือคำพูดทิ้งท้ายของ พล.อ.ประยุทธ์
แต่โดยภาพรวมแล้ว อาจจะต้องรอดูว่า สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ บอกมานั้น จะถูกเขียนไว้ในบทเฉพาะกาลอย่างไร
แต่สำหรับ ทักษิณ ชินวัตร ที่อุตส่าห์ออกมาเรียกร้องให้มีการเจรจาครั้งล่าสุด คงจะได้รับคำตอบแล้วว่า นอกจากจะไม่คุยแล้ว ยังบอกว่ายังอยู่กันไปแบบนี้อีกยาว!
