ขยายปมร้อน : สืบทอดเจตนา

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/detail/20160222/222890.html

การเมือง : ข่าวทั่วไป
วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2559
ขยายปมร้อน : สืบทอดเจตนา

ขยายปมร้อน : สืบทอดเจตนา : โดย…อรรถยุทธ บุตรศรีภูมิ

                      ทุกครั้งที่มีการเข้าควบคุมอำนาจการปกครองประเทศ สิ่งหนึ่งที่เป็นข้อระแวงสงสัยของคนทั่วไป คือจะมีการสืบทอดอำนาจของคณะผู้ก่อการหรือไม่ ซึ่งไม่แปลกที่คนจะสงสัยเช่นนั้น เพราะเป็นธรรมดาที่อำนาจอันหอมหวานมักจะยั่วยวนผู้ที่เคยลิ้มลองให้อยากอยู่เช่นนั้นต่อไป
                      โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสี่ยงชีวิตเข้ายึดอำนาจ หากประสบผลสำเร็จก็เป็นรัฏฐาธิปัตย์ หากล้มเหลวก็ตกอยู่ในสถานะกบฏ ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงที่ต้องการที่จะอยู่ในอำนาจต่อเพื่อให้เจตนารมณ์ของเขาถูกสืบทอดไม่หล่นหายไปกลางทางเมื่อพวกเขาลงจากหลังเสือ เพื่อให้คุ้มค่ากับการกระทำที่ผ่านมา
                      การสืบทอดนั้นเป็นได้ทั้งการที่อยู่ในอำนาจด้วยตัวเอง และการสืบทอดด้วยระบบ และเจตนารมณ์ที่ถูกจำกัดโดยบทบัญญัติของกฎหมาย
                      คสช.ก็หนีไม่พ้นข้อครหานี้เช่นกัน และเป็นที่น่าสังเกตว่าคนที่เคยทำงานร่วมกับพวกเขา จนถึงขนาดที่เรียกว่าอยู่ในวงในแห่งอำนาจ เมื่อพ้นออกมาแล้วมักพูดในทำนองคล้ายๆ กันว่า มีความพยายามที่จะ “อยู่ต่อ” ไม่ว่าจะโดยวิธีไหน แต่ไม่มีใครกล้าพูดออกมาเต็มๆ ชนิดเป็นข่าว
                      ครั้งหนึ่งเมื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญถูกคว่ำลงในชั้นสภาปฏิรูปแห่งชาติ มีการกระซิบกระซาบในทำนองนี้ จากกรรมาธิการ แต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะยืนยันการพูดของตัวเอง และไม่ต้องการเป็นข่าว
                      นอกจากนี้ยังมีนักวิชาการบางคนที่ทำงานให้ เคยบอกว่า “พวกเขาไม่สนใจว่ารัฐธรรมนูญจะเขียนอะไรหรอก เขาสนใจว่าจะอยู่อย่างไรต่อไป”
                      เสียงเช่นนี้มีมาตลอดเวลา ซึ่งคสช.น่าจะเคยได้ยินได้ฟังมาบ้าง  มุมหนึ่งที่พูดอาจมองได้ว่าเป็นความไม่พอใจและต้องการดิสเครดิตหลังจากที่ตนหลุดพ้นจากวงจรแห่งอำนาจ แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าคำพูดเช่นนี้เมื่อถูกพูดบ่อยเข้ามักจะโน้มน้าวให้ผู้ที่ได้รับฟังเชื่อเอาได้ง่ายๆ
                      ยิ่งล่าสุดถูกสำทับโดยบุคคลที่ยอมให้เปิดเผยตัวตน  อย่าง “บวรศักดิ์ อุวรรณโณ” โดยตอบคำถามของสื่อที่ีถามถึงความรู้สึกในวันที่ร่างรัฐธรรมนูญของเขาถูกคว่ำว่า “ทำมาตั้งนานก็ต้องเสียใจเป็นธรรมดา แต่เสียใจแค่วันเดียว พอวันอาทิตย์กลับไปบ้านคิดได้ว่า อ้อ เพราะเขาอยากอยู่ยาวก็ไม่เป็นไร”
                      คำพูดของคนอย่าง “บวรศักดิ์” ย่อมได้รับความเชื่อถืออยู่ไม่น้อย
                      หากดูปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็เชื่อได้ว่าผู้ที่อยู่ในอำนาจในขณะนี้ต้องการที่จะสืบทอดอย่างน้อยก็ในเจตนารมณ์ นัยว่าเพื่อไม่ให้เกิดคำว่า “เสียของ” ดังที่พวกเขาพูดตั้งแต่วันแรกๆ ของการเข้าควบคุมอำนาจ
                      นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอเพื่อปรับแก้ร่างรัฐธรรมนูญของคณะรัฐมนตรีที่ระบุว่า  ต้องการให้มีการบัญญัติเนื้อหาการบังคับใช้รัฐธรรมนูญเป็นสองช่วงเวลา คือ ช่วงเฉพาะกิจ หรือช่วงเฉพาะกาลในระยะแรก โดยใช้หลักเกณฑ์อย่างหนึ่ง เสมือนข้อยกเว้นตามความจำเป็นแห่งสถานการณ์ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง แต่อยู่บนพื้นฐานของการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในระดับหนึ่งอย่างมีดุลยภาพ ในช่วงเปลี่ยนผ่านและในช่วงที่จะใช้บทบัญญัติรัฐธรรมนูญในระยะต่อไป ซึ่งสอดคล้องกับหลักการสากลมากขึ้น และเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยที่ลดข้อจำกัดต่างๆ ลงให้มาก ดังนั้นน่าจะแก้ปัญหาและอธิบายให้เป็นที่ยอมรับแก่ประชาชนและนานาชาติได้
                      ยิ่งมาดูข้อเสนอของของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ผ่านข้อเสนอร่างพ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติ ก็ยิ่งทำให้เห็นช่องทางการสืบทอดเจตนารมณ์ของการควบคุมอำนาจการปกครองครั้งนี้ชัดเจนขึ้น เพราะคณะกรรมการตามร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้หากประกาศใช้ย่อมสามารถควบคุมตรวจสอบรัฐบาลปกติได้
                      ดังนั้นถึงวันนี้ เราสามารถสรุปรูปแบบความเป็นไปได้ในการสืบทอดอำนาจหรือเจตนารมณ์ได้หลายทาง ไม่ว่าจะเป็นการสืบทอดผ่านโครงสร้างทางการเมืองที่ถูกออกแบบขึ้นมาใหม่ตามรัฐธรรมนูญ การสืบทอดผ่านองค์กรใหม่ หรือการสืบทอดผ่านร่างพ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติ
                      การสืบทอดอำนาจและเจตนารมณ์ย่อมถูกตั้งคำถามได้ ตราบใดที่ประชาชนยังถูกตัดออกจากระบบการมีส่วนร่วม และยังไม่มีอำนาจที่แท้จริงกับการกำหนดอนาคตของตนเอง ซึ่งรัฐบาลต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ว่ากำลังกระทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง
——————–
(ขยายปมร้อน : สืบทอดเจตนา : โดย…อรรถยุทธ บุตรศรีภูมิ)

Leave a comment