ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/detail/20160226/223136.html
ถอดรหัสแก้วิกฤติการเมือง‘ร่างรธน.ของกรธ.’ : ขนิษฐา เทพจร
การทำร่างรัฐธรรมนูญล่าสุด อยู่ในจังหวะที่ คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่มี มีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน ปรับปรุงเนื้อหาตามข้อเสนอ โดยความเห็นที่ถูกจับตา คือ ข้อเสนอของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ลำดับที่ 16 ระบุสาระสำคัญบนความห่วงใยของครม. หลังรัฐธรรมนูญใหม่ประกาศใช้ หลังการเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ความขัดแย้งไม่สงบเรียบร้อยของประเทศจะก่อตัวจนนำไปสู่ภาวะรัฐล้มเหลว จึงเสนอให้ร่างรัฐธรรมนูญแบ่งการใช้เนื้อหาเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงเฉพาะกาลในระยะแรกที่ไม่ยาวนาน ด้วยการใช้หลักเกณฑ์อย่างหนึ่งที่เสมือนเป็นข้อยกเว้นเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง เพื่อให้การเมืองหลังการเลือกตั้งมีมีดุลยภาพภายใต้ช่วงเปลี่ยนผ่านและช่วงที่รัฐธรรมนูญสามารถบังคับใช้ภายใต้บทบัญญัติที่กำหนดที่เป็นไปตามหลักสากลและเป็นไปไปตามระบอบประชาธิปไตย ว่าจะเป็นข้อเสนอที่นำไปสู่การเขียนเนื้อหาเพื่อต่อท่ออำนาจให้แก่คณะรัฎฐาธิปัตย์หรือไม่ ?
แม้ความเคลือบแคลงนี้ ยังไม่ได้รับคำยืนยันอย่างชัดเจนจาก “ประธาน กรธ.” แต่พอจะคลำทางได้ว่าปัญหาความขัดแย้งในอดีตที่อาจกลับมาเป็นวัฏจักรแห่งวิกฤติการเมือง ทั้ง “คสช.” และ “กรธ.” มองด้วยสายตาเป็นกังวลเช่นเดียวกัน
ดังนั้น “กรธ.” พยายามสร้างรหัสปลดล็อกจุดวิกฤติ โดยวางกลไกในร่างรัฐธรรมนูญโดยมีรายละเอียดดังนี้
1.วางกลไกให้ “ศาลรัฐธรรมนูญ” เป็นยาวิเศษ เมื่อยามใดที่มีปมปัญหาทางการเมือง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะมีอำนาจเต็มที่จะวินิจฉัยให้ได้มาซึ่งทางออกแห่งปัญหานั้น
2.เปิดช่องให้ “รองประธานวุฒิสภา หรือสมาชิกวุฒิสภาที่อาวุโสสูงสุด” ทำหน้าที่ประธานรัฐสภาได้เมื่อไม่มี ประธานสภาผู้แทนราษฎร หรือ ประธานวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานรัฐสภา เหตุผลสำคัญเพื่อแก้ไขสุญญากาศการเมืองในฝ่ายนิติบัญญัติ ที่ไร้ประมุขแห่งสภาเพื่อทำหน้าที่ยื่นขอเปิดประชุมรัฐสภาเพื่อระดมความเห็นแก้วิกฤติการเมือง
3.ให้บทบาทและอำนาจ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในการกำหนดวันเลือกตั้งที่เหมาะสมร่วมกับรัฐบาล ในมาตรา 98 กำหนดจังหวะให้ กกต.ร่วมกับรัฐบาลรักษาการช่วยพิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมือง เป็นเวลา 5 วันนับจากวันที่มีพระราชกฤษฎีกายุบสภาก่อนกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งต่างจากเดิมที่ต้องประกาศวันเลือกตั้งพร้อมกับการออกพระราชกฤษฎีกายุบสภา โดยเป็นดุลพินิจของรัฐบาลเพียงฝ่ายเดียว
ในมาตรการนี้มีส่วนเสริมที่ถูกเขียนไว้ในมาตรา 99 ที่แม้จะกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไปแล้ว หากวันเลือกตั้งจริงพบเหตุจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น เหตุการณ์ล้อมสถานที่รับสมัครเลือกตั้ง หรือสถานที่ลงคะแนนเลือกตั้งเหมือนที่เคยเกิดขึ้น เนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญยังกำหนดให้ กกต. มีอำนาจเต็มในการกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ได้เอง ภายใน 30 วันนับจากเหตุการณ์ที่จำเป็นนั้นสิ้นสุดลง เพื่อเป็นมาตรการแก้ปัญหาที่นำไปสู่การฟ้อร้องทางกฎหมาย กรณีการเลือกตั้งไม่เป็นวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร จนกลายเป็นเหตุวิกฤติที่นำไปสู่สุญญากาศทางการเมืองไทยในห้วงที่ผ่านมา
4.แก้ไขการครอบงำจากฝ่ายพรรคการเมืองใน “วุฒิสภา” โดยกำหนดคุณสมบัติต้องห้ามให้ ส.ว.พ้นจากสมาชิกพรรค หรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี นักการเมืองท้องถิ่นเป็นเวลา 10 ปีก่อนจะลงสมัครเป็น ส.ว. พร้อมกับแก้ปัญหาความขัดแย้งที่ถูกอ้างถึงที่มาที่แตกต่างกัน คือ จากการเลือกตั้ง และการสรรหา หรือปลาสองน้ำ ด้วยการปรับระบบให้มาจากการเลือกกันเองของบุคคลกลุ่มต่างๆ
5.ปัญหาการใช้เสียงข้างมากผ่านร่างกฎหมายที่มีลักษณะเอื้อประโยชน์ให้แก่ฝ่ายรัฐบาลหรือคนของรัฐบาล มีเนื้อหาในมาตรา 140 พ่วงเข้ากับมาตรา 143 ให้นายกฯ พักร่างพระราชบัญญัติที่รัฐสภาเห็นชอบไว้ 5 วันก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เพื่อให้เป็นจังหวะให้สมาชิกรัฐสภาตรวจสอบข้อความของเนื้อหาว่ามีความขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญหรือตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องหรือไม่ เมื่อพบความไม่ถูกต้องจะมีกลไกที่ให้ประธานแห่งสภาส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัย โดยระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญรอการวินิจฉัยให้ นายกฯ ชะลอการนำร่างกฎหมายขึ้นทูลเกล้าฯ ไว้จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย
6.ให้สิทธิ ส.ส.เข้าชื่อไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ขอเปิดอภิปรายทั่วไป ให้ ครม.แถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญที่เกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินโดยไม่มีการลงมติ ภายใต้มาตรา 148 จากเดิมที่ให้สิทธิเฉพาะ ครม.เท่านั้นที่จะแจ้งไปยังประธานรัฐสภาเพื่อขอเปิดประชุมร่วมกันของรัฐสภา ซึ่งที่ผ่านมามาตรการที่ใช้เวทีสภาเพื่อหาทางออกของปัญหาไม่เคยถูกนำมาใช้ และมีบทบัญญัติมาตรา 150 ให้สิทธิผู้นำฝ่ายค้านในสภาแจ้งไปยังประธานรัฐสภาขอเปิดประชุมเพื่อให้ความเห็นต่อการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ ความมั่นคง ปลอดภัยของประเทศ เท่ากับเป็นการสร้างเวทีให้ฝ่ายค้านได้มีบทบาทในการเสนอแนวทางบริหารประเทศอีกทาง
7.กำหนดให้ “ปลัดกระทรวง” ปฏิบัติหน้าที่แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงนั้นๆ หากคณะรัฐมนตรีลาออกไปทั้งคณะ ภายใต้เงื่อนไขมาตรา 163 และกำหนดให้ปลัดกระทรวงคัดเลือกกันเองให้คนหนึ่งปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ เพื่อต้องการแก้ไขปมที่ “ทีมกฎหมายของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ยืนยันว่ารัฐบาลยุคนั้นลาออกไม่ได้เพราะไม่มีกฎหมายข้อใดให้ลาออก
8.เพื่อแก้ปัญหาการชุมนุม เดินขบวนแบบฉบับ ชัตดาวน์กรุงเทพฯเพื่อกดดันให้รัฐบาลลาออก หรือมีการชุมนุมที่พบการใช้อาวุธหนัก ได้กำหนดมาตรการแก้ไขไว้ในมาตรา 25 กำหนดห้ามใช้เสรีภาพทุกประการของปวงชนชาวไทยที่เป็นการละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพบุคคลอื่น กระทบต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน รวมถึงเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐ
แต่อย่างไรก็ตาม รหัสแก้วิกฤติที่ “กรธ.” บรรจงเขียนสอดแทรกไว้ในร่างรัฐธรรมนูญเหมือนจะไม่โดนใจ “คสช.” เพราะภายใต้ข้อเสนอที่ว่า “หลักเกณฑ์อย่างหนึ่งที่เสมือนเป็นข้อยกเว้นเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง เพื่อให้การเมืองหลังการเลือกตั้งมีมีดุลยภาพภายใต้ช่วงเปลี่ยนผ่าน” เหมือนกับแสดงความปรารถนาให้ร่างรัฐธรรมนูญบัญญัติเนื้อหาเพื่อคุมเกมการเมืองของผู้เล่นชุดใหม่ที่เข้ามาทำงานภายใต้รัฐธรรมนูญใหม่
ทำให้นึกถึงกลไกพิเศษ ภายใต้ชื่อ “คณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ” (คปป.) ที่ “บวรศักดิ์ อุวรรณโณ” เขียนไว้ให้ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับก่อนหน้านี้
แต่ด้วยสถานการณ์ทางการเมืองปัจจุบัน ที่ต่างจากสถานการณ์การเมืองยุคบัญญัติให้มี คปป. จึงทำให้ “กรธ.” ต้องคิดให้หนักว่าจะออกแบบกลไกกำกับฝ่ายการเมืองหลังการเลือกตั้ง ให้อยู่ในกติกาใหม่ได้อย่างไร
ส่วนหนึ่งที่ “กรธ.” คิดการณ์ไกลและออกแบบกรอบปฏิบัติไว้ คือ การให้มีมาตรฐานทางจริยธรรม ตามมาตรา 215 ที่ให้ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระร่วมจัดทำ พร้อมกำหนดความแจ่มชัดไว้ในบทเฉพาะกาลให้ทำให้เสร็จภายใน 1 ปีนับแต่วันที่รัฐธรรมนูญใหม่ประกาศใช้ แม้รายละเอียดการทำมาตรฐานจริยธรรมกำหนดให้ฟังความเห็นของ ครม. ส.ส. ส.ว. แต่ระยะ 1 ปีที่กำหนดถูกเซ็ตให้เป็นองคาพยพของรัฏฐาธิปัตย์ ซึ่งเท่ากับ คสช.ยังมีอำนาจแฝงที่จะคุมฝ่ายการเมืองให้เป็นไปตามทางที่ คสช.ต้องการ นอกจากนี้ภายใต้เกมการเมืองที่ คสช.เป็นผู้คุมอำนาจ ได้วางเครือข่ายของตนเองไว้ในองค์กรอิสระ เพื่อเป็นหมากอีกชั้นในการคุมเกมฝ่ายการเมือง
ดังนั้น คำถามสำคัญที่ต้องพิจารณา คือ เมื่อมีกลไกกำกับฝ่ายการเมืองอยู่เกือบทุกประตูแล้ว อะไรคือเหตุผลสำคัญที่ “คสช.” ยังอยากอยู่ต่อ ซึ่งการหาคำตอบประกอบเหตุผลวันนี้ คงไม่ต่างอะไรกับเหตุผลที่เขาสั่งให้โหวตคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับพลเมืองเป็นใหญ่ เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2558
