ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/detail/20160223/222956.html
การเมือง : ข่าวทั่วไป
วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ 2559
ขยายปมร้อน : ถึงกับต้องงัดแทคติกเก่ามาสู้ : โดย…ศรุติ ศรุตา
สื่อต่างประเทศ 2 สื่อแพร่บทสัมภาษณ์ของ ทักษิณ ชินวัตร เกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศไทย บอกว่า เงียบมานาน
ทักษิณ พยายามพูดถึงสถานการณ์ที่กำลังรุมเร้ารัฐบาล คสช. ไม่ว่าจะเป็น เศรษฐกิจ ร่างรัฐธรรมนูญที่มีเนื้อหาที่ไม่ได้รับการยอมรับจากหลายภาคส่วน
แต่ดูเหมือนน้ำหนักที่ ทักษิณ พยายามจะกวักมือเรียก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ไปคุยด้วยดูเหมือนจะเป็นเรื่องคดีความของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้เป็นน้องสาว ที่ถูกดำเนินคดีอันเนื่องมาจากโครงการรับจำนำข้าว
ส่วนคดีของลูกชาย ที่เป็นคดีต่อเนื่องจากการปล่อยเงินกู้ของธนาคารกรุงไทย ที่ตอนนี้อดีตผู้บริหารธนาคารหลายคนยังอยู่ในคุกนั้น ทักษิณ ไม่ได้พูดถึง
แต่นั่นไม่ได้หมายความ ทักษิณ ไม่ได้เป็นห่วงลูกชายคนโตคนนี้
เพราะก่อนหน้านี้ ก็มีกระแสข่าวว่า คนใกล้ชิด หรือคนในเครือข่ายได้พยายามเข้าพูดคุยกับสื่อเพื่อสร้างความเข้าใจกับคดีความที่ พานทองแท้ ชินวัตร กำลังเผชิญอยู่
แย้มแนวทางการต่อสู้คดีให้ฟังด้วยว่า เรื่องอย่างนี้ในบ้านเราเมืองเรา ใช่ว่าไม่เคยเกิด กับกลุ่มคนบางกลุ่มที่อาจจะแฝงอยู่กับขั้วอำนาจก็เคยมี
ประมาณว่า ถ้าฝั่งนี้โดนอีกฝั่งเรื่องก็แดง…ว่าอย่างนั้น !
นั่นคือการต่อสู้คดีที่เอาข้อเท็จจริงวางเอาไว้ก่อน จังหวะนี้ เหลี่ยมคู ความจัดเจนเวที งัดออกมาโชว์เรียกเสียงเฮของกองเชียร์ให้กระหึ่ม
เผื่อว่าอาการโรคใจอ่อนจะกำเริบ !
เพราะเทคนิคอย่างนี้ ไม่ใช่ว่าไม่เคยชนะ แล้วก็เพราะเคยได้ผลมาแล้วนั่นแหละ ก็เลยคิดว่า การเลือกที่จะใช้แทคติกในการต่อสู้ แทนที่จะใช้ข้อเท็จจริงเป็นหลัก น่าจะมีลุ้น หากได้ผล ข้อเท็จจริงก็ไม่ต้องใช้ เพราะผลที่ออกมา มันก็เรียกว่า “ชัยชนะ” ได้เหมือนกัน
คดีซุกหุ้นเมื่อหลายปีก่อนจึงมีเรื่องของ “รัฐศาสตร์” เข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งที่คดีความนั้น “นิติศาสตร์” จะต้องเป็นแก่นพิสูจน์ความจริง ไม่ใช่เอา “คะแนนนิยม” มาชี้ขาด
เช่นเดียวกับ “วิกฤติการณ์ปี 2553” ที่มีคนเชื่อว่า “แก้วสามประการ” จะทำให้ฝ่ายที่มีอำนาจหันมาฟังเงื่อนไขของตน จนเกิดเหตุเผาบ้านเผาเมือง
จริงอยู่ ประวัติศาสตร์เราเอามันกลับคืนมาไม่ได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ที่บ้านเมืองเรายังต้องจมปลักกันอยู่อย่างนี้ มันสะท้อนได้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งนั้นมันผิดพลาด ปัญหาก็คือ คนที่ต้อง “จ่าย” ให้กับความผิดพลาดกลับเป็นคนไทยทั้งประเทศ ไม่นับอีกหลายคนในคุก ที่ดูเหมือนว่าต้องจ่ายมากเป็นพิเศษ
แต่ที่ทำให้ ทักษิณ กล้าที่จะออกมากวักมือเรียก พล.อ.ประยุทธ์ ไปคุย นั่นก็อาจจะเป็นเพราะเห็นว่า อีกไม่กี่เดือน ก็จะมีการทำประชามติ ร่างรัฐธรรมนูญฉบับ มีชัย ฤชุพันธุ์
เพราะมั่นใจว่า เสียงที่เคยได้นั้น จะยังคงอยู่ และจะเป็นส่วนสำคัญที่จะชี้ชะตาร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้
แล้วก็อาจเป็นเพราะเห็นว่า ฝ่ายความมั่นคงเคยประเมินสถานการณ์ตั้งแต่ ร่างรัฐธรรมนูญฉบับ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ แล้วว่า หากผ่านสภา และไปสู่การทำประชามมติ ในช่วงนั้นสถานการณ์ของ คสช.น่าจะวิกฤติ เพราะเร็วเกินไปที่จะคืนอำนาจให้แก่บ้านเมืองที่ยังคงสภาพแตกแยกและเศรษฐกิจที่ยังผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจโลก
แต่สถานการณ์วันนี้ต่างจากวันนั้น เพราะต่อให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับ มีชัย ไม่ผ่านการทำประชามติ ก็ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ของ คสช.เลวร้ายไปขนาดนั้น
ฝ่ายความมั่นคงประเมินแล้วว่า ต่อให้ต้องนำร่างรัฐธรรมนูญฉบับอื่นมาปรับใช้ก็ไม่ได้เกิดผลร้ายแรงต่อ คสช. การไปพูดคุยตกลงกับ ทักษิณ ต่างหากที่น่าจะเป็นชนวนที่ทำให้เกิดหายนะแก่ประเทศ
————————
(ขยายปมร้อน : ถึงกับต้องงัดแทคติกเก่ามาสู้ : โดย…ศรุติ ศรุตา)
