ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/detail/20160226/223169.html
การเมือง : ข่าวทั่วไป
วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2559
‘นายกฯ’ ลงพื้นที่ จ.อุทัย เป็นสักขีพยานมอบที่ดิน400ไร่ สมาชิกสหกรณ์ปฏิรูปที่ดินชาวบ้าน ต.ระบำ สั่ง เร่งปฏิรูปที่ดินทั่วประเทศ ปลุก ประชาชนรังเกียจคนทุจริต
วันที่ 26 ก.พ.59 เวลา 08.00น. ที่พล.ม.2 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และพล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ เพื่อลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.อุทัยธานี
ต่อมาเวลา 09.55น.นายกฯและคณะเดินทางมาถึงสำนักงานโครงการส่งน้ำและบํารุงรักษาทับเสลา ต.ระบํา อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี โดยมีนายประภัสสร์ มาลากาญจน์ ผู้ว่าฯจ.อุทัยธานี ข้าราชการ ประชาชน จำนวนมากให้การต้อนรับ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ สนธิกำลังรักษาความปลอดภัยตามจุดต่างๆ ขณะที่ บริเวณทางเข้า-ออกพื้นที่ มีการตั้งจุดตรวจค้นผู้ที่จะผ่านเข้าและออก และผ่านเครื่องสแกนโลหะ รวมถึงมีหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด (อีโอดี) กระจายอยู่รอบๆ พื้นที่
ต่อมา นายกฯ เป็นประธานสักขีพยานในพิธีมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน แก่สหกรณ์ปฏิรูปที่ดินต.ระบำ อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ(กทช.) โดยพื้นที่ต.ระบำ ถือเป็น1ใน8ชุมชนที่เป็นต้นแบบที่ได้รับการจัดสรรที่ดิน โดยมีจำนวนประมาณ400ไร่ ที่ไม่มีกรรมสิทธิ์ จำนวน 62 ครัวเรือน จากพื้นที่ทั้งหมด 3,239 ไร่ ที่ คทช.จัดสรรให้ชาวบ้าน จ.อุทัยธานี ทั้งนี้ นายกฯยังได้มอบปัจจัยการผลิตให้แก่ผู้แทนสมาชิกสหกรณ์ปฏิรูปที่ดินระบ้า จำกัด
ทั้งนี้ ชาวบ้านที่ได้รับหนังสือเข้าทำประโยชน์ จะต้องเป็นสมาชิกสหกรณ์ปฏิรูปที่ดิน ขณะที่การจัดแบ่งพื้นที่เดิมเป็นพื้นที่ทางองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้(ออป.)เคยเช่าปลูกต้นยูคาลิปตัส และหมดสัญญาเมื่อวันที่ 5 ก.ค.58 โดย คทช.ได้นำมาดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลในการแก้ปัญหาการบุกรุกที่สงวนห้ามของรัฐ และการไม่มีที่ดินทำกินของเกษตรกรผู้มีรายได้น้อย โดยใน3ปีแรกยกเว้นการเก็บค่าเช่าที่และนาสั่งเร่งปฏิรูปที่ดินทั่วประเทศ ปลุก ประชาชนรังเกียจคนทุจริต อย่าเชื่อใครบิดเบือน บอกเลือกตั้งอย่าให้ใครชี้นำ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้เป็นวันครบรอบ 100 ปี สหกรณ์ไทยที่มีสมาชิกกว่า 8.9 ล้านคน ถือเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ ต้องใช้ช่องทางนี้เป็นทางเลือกที่จะไปแข่งขันกับเอกชนได้ ในเรื่องป่าไม้ต้องทำให้เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมที่มีอยู่เพียง 40% ต้องแก้ปัญหาการบุกรุก การบริหารราชการวันนี้ทุกรัฐบาลต้องนำไปสู่การปฏิบัติในลักษณะที่สร้างการเท่าเทียม ให้ทุกคนมีที่ทำกิน รัฐบาลพยายามจะลงรายละเอียดให้มากที่สุด แต่อาจมองว่ารัฐบาลยุ่งเกินไปหรือเปล่า เป็นประชาธิปไตยหรือเปล่าแบบนี้ แล้วที่ว่าเป็นประชาธิปไตยมากๆ เป็นอย่างไร มันไม่เกิดขึ้นที่จะทำให้การปฏิรูปหรือการแก้ไขเป็นไปได้โดยความรวดเร็ว วันนี้เรามาช่วยกันปฏิรูปประเทศจะดีกว่า ประเทศไทยเป็นประเทศสังคมเกษตรกรรม มีพื้นที่ทำการเกษตร 47 ล้านไร่ และมีทั้งในเขตและนอกเขตชลประทาน ทั้งในเขตพื้นที่ที่มีน้ำฝนและไม่มีน้ำฝน เพราะฉะนั้นในพื้นที่เกษตร 47 ล้านไร่ จะเพิ่มระบบชลประทานจาก 30% เพิ่มได้ไม่เกิน 40% ดังนั้นจะปลูกข้าวเหมือนกันทั้งประเทศไม่ได้ หรือปลูกพืชที่ใช้น้ำมากไม่ได้ จึงต้องเร่งจัดระเบียบให้ได้โดยเร็ว ไม่อย่างนั้นพี่น้องจะเดือดร้อนมากกว่านี้ เพราะวันนี้โลกเกิดการสภาวะเปลี่ยนแปลง ประเทศไทยถือว่ายังโชคดีถ้าเราไม่ขัดแย้งกันมากๆ สิ่งเหล่านั้นจะไม่เกิด ต้องใช้วิกฤตที่ตนเข้ามาให้เป็นโอกาสให้ได้ เพื่อสร้างศักดิ์ศรีให้กับประเทศให้ได้ พูดได้เสียงดัง ทำให้ไทยเข้มแข็งให้เร็วสุดเพื่อรองรับความเสี่ยงภายใน 5-10 ปีข้างหน้า
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้ายังทำการเกษตรเหมือนเดิมอย่างเดียว หรือตามนโยบายที่ไม่เป็นรูปธรรมมันจะทำให้เกิดปัญหา ถ้าปลูกข้าว ทำนาปรังปีละ 3-4 รอบจะเอาน้ำที่ไหน ท้ายสุดรัฐบาลก็ต้องมาเยียวยา แล้วจะเอาเงินที่ไหน เพราะรายได้ประเทศมาจากหลายทาง ทุกคนต้องเข้าใจตรงนี้ก่อน อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยต้องกลับไปเป็นประเทศที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ รังเกียจคนทุจริต เพราะฉะนั้นอย่าให้ใครมาบิดเบือนสิ่งเหล่านี้อีกต่อไป ก็จะลดความเหลื่อมล้ำได้มากขึ้น วันนี้รัฐบาลพยายามทำเต็มที่ แก้ไขปัญหาประชาชนในทุกมิติ สร้างสังคมที่เข้มแข็งต่อไปในอนาคต ที่ตนพูดเพื่อให้ทุกคนเข้าใจ ไม่มีอะไรเป็นส่วนตัว ตนสงสารพ่อแม่พี่น้องประชาชน ตนเป็นทหาร ทุกคนเป็นทหาร ทุกคนถูกทับซ้อนทั้งหมด การบริหารราชการไม่สามารรถทำเป็นชิ้นเป็นอันได้ ประเทศถูกซอยย่อยด้วยกระบวนการที่ผ่านมาทั้งหมด วันนี้ต้องไม่ทำแบบนั้นอีก ต้องเข้มแข็งด้วยตัวของท่านเอง กำหนดชะตากรรมของท่าน การเลือกตั้งที่จะมาในอนาคตท่านต้องกำหนดอนาคตตัวเอง อย่าให้คนมาชี้นำ การทำอะไรนอกกฎหมายต้องไม่เกิดขึ้นอีก วันนี้ก็เร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปปฏิรูปที่ดินและทำแบบนี้ให้ได้ทั่วประเทศ
ยันไม่เปลี่ยน “รมว.เกษตรฯ” ผุดนโยบายเช่าที่ดิน ขุดแหล่งน้ำหมู่บ้าน ยก ต.ระบำ ตัวอย่าง สร้างสังคมเมืองชนบท สั่งผู้ว่าฯ แจงประชาชน ยุทธศาตร์ชาติ ระบุ กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ต้องรู้จักกราฟฟิกรัฐบาล
นายกฯ กล่าวว่า ทุกจังหวัดจะต้องมีการมอบที่ดินทำกินให้กับประชาชนที่ไม่ที่ดินทำกิน แล้วตนจะลงพื้นที่ทุกเดือน สิ่งที่ในพื้นที่เผชิญอยู่คือความแห้งแล้งเพราะปลูุกต้นยูคาลิปตันมากเกินไป เสียเงินขุดตอ กว่า 7 ล้านบาท แล้วจะปลูกะอะไรขึ้นได้อีกก็ไม่รู้ตรงนี้เป็นผลเสีย ซึ่งต้องใช้งบประมาณจำนวนมากในการฟื้นฟู โดยทางราชการจะให้ความรู้และสนับสนุนเงินทุน แต่ท่านต้องเข้มแข็งด้วยตัวเอง มีความรู้สึกเป็นเจ้าของ หน้าที่ทุกรัฐบาลต้องเป็นแบบนี้ เอาคนทั้งประเทศมาดูว่าจะทำให้คนในแต่ละภูมิภาคเข้มแข็งอย่างไร ที่ไม่ขัดแย้งและแย่งตลาดกันเอง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สหกรณ์ที่นี่เป็นหนึ่งในหลายชุมชน ที่จะต้องแข็งแรงแบบที่นี่ วันนี้เรากำลังเดินหน้าไปสู่การจัดระเบียบสังคมเมืองในชนบท ส่วนที่จะต้องผังอย่างละเอียดว่ามีอะไรอยู่ตรงไหน เป็นตัวอย่างแบบแผนว่าวันหน้าต้องอยู่แบบนี้ ไม่เช่นนั้นจะกระจัดกระจาย ระบบบริหารจัดการน้ำก็ทำไม่ได้ ซึ่งตนกำลังให้นโยบายใหม่ว่า ให้จังหวัดนำที่ของชาวบ้านที่ทำมาหากินแล้วมีรายได้น้อย ให้ภาครัฐไปคุยแล้วเช่าที่ขุดบ่อน้ำใหญ่ๆ เหมือนกับที่เราทำแก้มลิง ต้องไปดูว่ากฎหมายทำได้หรือไม่ ถ้าได้เราก็จะมีแหล่งน้ำในพื้นที่ของตัวเอง ไม่ใช่เอาทั้งหมดมาเวนคืน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อยากให้เห็นใจรมว.เกษตรและสหกรณ์ด้วย ท่านทำงานทุกวันแล้วมาบอกว่า ไม่ชอบรมว.เกษตรฯ ถึงไม่ชอบก็ไม่เปลี่ยน เพราะเขาเหนื่อยและเหนื่อยกันทุกคน จากปัญหาที่ทับซ้อนมากมายมหาศาล แต่วันนี้ดีขึ้น ขอบคุณข้าราชการที่ให้ความร่วมมือ แต่ช้าบ้างเร็วบ้าง ก็ต้องปรับเปลี่ยนและปฏิรูปตัวเองทั้งหมด ทั้งข้าราชการ รัฐบาล ประชาชน ภาคประชาสังคมและนักการเมือง รัฐบาลไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้ใครทั้งสิ้น เศรษฐกิจทั้งหมดต้องเชื่อมโยงขนาดใหญ่ไปสู่ความเข้มแข็งของชุมชน เป็นห่วงโซ่มูลค่า ถ้าไม่ทำแบบนี้ก็ตายลูกเดียว โดยทุกรัฐบาลต้องทำแบบนี้ ถ้าเป็นแบบเดิมก็ไม่เกิดผลสำฤทธิ์ ไม่ใช่สักแต่ว่าทำแล้วดีใจเมื่อได้คะแนนเสียงเข้ามา แต่ตนไม่ต้องการสักคะแนน และอยากให้นึกถึง 20 ปีข้างหน้า นั่นคือ ยุทธศาสตร์ที่ต้องวางจัดทำแบบสะเปะสะปะไม่ได้แล้ว ซึ่งตนไม่ได้บังคับใคร แต่วางไว้ว่าควรจะทำอะไร โดยทุกๆรัฐบาลจะต้องดูแลทุกพื้นที่ให้ทั่วถึง ส.ส.ต้องดูแลพื้นที่ ส่งข้อมูลปัญหามายังรัฐบาลเพื่อจัดทำแผนไม่ใช่แก้ปัญหาเฉพาะพวกของตัวเอง ทุกรัฐบาลต้องทำแบบนี้ พรรคการเมืองจะทำตามนโยบายของตัวเองก็ว่าไปแต่อย่าทำอะไรให้เกิดความเสียหาย อย่างนี้พอไปได้หรือไม่ เข้าใจหรือไม่เข้าใจ ผู้ว่าฯ ก็ต้องไปคุยต่อ ไม่ใช่ทุกอย่างจะเกิดโดย ส.ส.ทุกอย่างต้องรายงานมาที่รัฐบาลเพื่อวางแนวทางให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่ปลายทาง รัฐบาลต้องดูแลคนทั้งประเทศจะได้ไม่เกิดความขัดแย้ง ขณะเดียวกันประชาชนก็มีสิทธิ์ท้วงติงว่านโยบายไหนที่ดี หรือนโยบายใดที่จะทำให้เกิดความเสียหาย
“วันนี้ถ้าผมทำไม่ได้ผมก็ผิดด้วย ประชาชนต้องให้ความร่วมมือ ถ้าไม่ร่วมมือก็ไปไม่ได้ ก็ถือว่าผิดด้วยกัน วันนี้เราต้องสร้างสังคมเมืองในชนบทเพื่อให้สาธาณูปโภคต่างๆเข้ามาพัฒนาพื้นที่ได้ง่ายขึ้น โดยพื้นที่อำเภอระบำถือเป็นตัวอย่าง วันนี้เห็นหน้าตายิ้มแย้ม ต่อไปขอให้ใช้เป็นชื่อสหกรณ์เริงระบำก็แล้วกัน” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้กำนันผู้ใหญ่บ้าน จะต้องทำงานเป็นทีมเดียวกัน เดินตามแนวทางประชารัฐและต้องรู้จัก ไอจี (อินโฟกราฟฟิก) ที่รัฐบาลตั้งขึ้นมา จะได้มาพัฒนาตัวเอง ตนดีใจที่ได้มาวันนี้แต่ก็ยังเสียใจที่การพัฒนาประเทศยังช้าไปเสียใจ ไทยพัฒนาช้าไม่ทันโลก
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การจะทำอะไรก็แล้วแต่ ต้องคิดถึงคนอื่นให้มาก ตนรู้สึกเสียใจที่ประเทศไทยพัฒนาได้ช้า ไม่ทันสถานการณ์โลก อย่างไรก็ตาม การลงพื้นที่วันนี้ เราทำตามแนวทางพระราชดำริของพระราชินี ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ที่ดิน หรือเรื่องป่า ทำเพื่ออนาคตของลูกหลาน จึงขอให้ทุกคนช่วยกัน สำหรับปัญหาภัยแล้งรัฐบาลมีหลายมาตราการในการดูแล และอยากขอความร่วมมือเกษตรกรว่าอย่าทำนาปรังในพื้นที่น้ำน้อย น้ำวันนี้มีปริมาณจำกัด ต้องช่วยกันประหยัด เราดูแลทุกคนในประเทศไม่ใช่ดูแลเพียงกลุ่มใดกลุ่มเดียว ที่ผ่านมาประเทศมีปัญหาก็เพราะการเลือกดูเพียงบางกลุ่ม ทำให้เกิดความขัดแย้ง เราต้องการให้เกษตรกรรวมกลุ่มเป็นสหกรณ์ และหาอาชีพเสริม วันนี้ต้องทำให้พื้นที่ของตัวเองพัฒนา มีความแข็งแรง เพื่อที่จะไม่ต้องออกไปทำงานที่อื่น
นายกฯ กล่าวต่อว่า การแข่งขันทางการค้ามีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งประเทศไทยเองยังมีปัญหาเกี่ยวกับสินค้าประจำท้องถิ่น ซึ่งในประเทศอาเซียน ก็มีสินค้าในลักษณะเดียวกัน ดังนั้นการแข่งขันจึงสูงขึ้น ประชาชนต้องเตรียมตัวให้พร้อมโดยการสร้างความเชื่อมโยง ซึ่งรัฐบาลได้เริ่มโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วปานกลาง เพื่อพัฒนาการเชื่อมโยง อย่างไรก็ตาม กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ต้องรวมตัวกันเป็นหนึ่ง เป็นประชารัฐ เพื่อช่วยกันพัฒนาประเทศชาติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมคณะได้เรียกผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี พร้อมข้าราชการขึ้นเวที เพื่อร่วมร้องเพลง“แผ่นดินของเรา”โดยนายกฯ กล่าวหยอกล้อ กับข้าราชการว่า“ใครไม่ขึ้นมาร้องเพลง ก็อย่าให้เห็นชื่อปรากฏในช่วงเดือนกันยายนหรือตุลาคมก็แล้วกัน”
