ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/detail/20160223/222981.html
‘บิ๊กตู่’เมินเจรจา บอกพูดกับ‘ทักษิณ’ด้วยก.ม.เท่านั้นยังใช้กฎให้สื่อถามแค่ 4 คำถาม รับต้องมีกลไกช่วงเปลี่ยนผ่าน5ปี
ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 23ก.พ.59 เวลา 14.20 น. ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน กรณีความเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อต่างประเทศว่า “ผมไม่ได้มองจุดประสงค์อะไร มองทำไม” เมื่อถามย้ำว่าแล้วจะมีการเจรจาต่อรองอะไรกับนายทักษิณหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “ก็เขาพูดไปแล้วนี่ กฎหมาย พูดด้วยกฎหมาย”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการให้สัมภาษณ์ของพล.อ.ประยุทธ์ หลังการประชุมครม.ในวันนี้.ได้ใช้เวลาเพียง 10 นาทีและให้สื่อมวลชนได้ถามได้เพียง 4 ข้อ โดยไม่รวมการชี้แจงรายละเอียดการประชุมครม. ทั้งนี้ระหว่างการตอบข้อซักถาม พล.อ.ประยุทธ์ จะเตือนว่าผ่านไปกี่คำถามแล้ว และการให้สัมภาษณ์ก็ไม่มีทีท่าผ่อนคลายเหมือนที่ผ่านมา และสถิติในการแถลงข่าวภายหลังการประชุมครม.ที่ผ่านมาจะใช้เวลาค่อนข้างมาไม่ต่ำกว่า 40 นาที
อย่างไรก็ตาม หลังพล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงจบใน 4 ข้อคำถาม ได้กล่าวสวัสดีและขอบคุณก่อนจะเดินไปยังตึกไทยคู่ฟ้าทันที ขณะที่พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวขอร้องสื่อมวลชนอีกครั้ง โดยย้ำว่าในการตั้งคำถามต่อนายกรัฐมนตรีขอร้องให้แจ้งชื่อและสังกัดให้ชัดเจนผ่านไมโครโฟนตามข้อตกลงที่ได้แจ้งไว้ ไม่เช่นนั้นคนที่เป็นโฆษกฯ อย่างตนก็จะถูกหาว่าเยอะ จึงขอให้ม่ความเข้าใจที่ตรงกัน
รับต้องมีกลไกช่วงเปลี่ยนผ่าน5ปี
พล.อ.ประยุทธ์ นอกจากนี้ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงความชัดเจนต่อข้อเสนอปรับแก้ร่างรัฐธรรมนูญของรัฐบาลไปยังกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะข้อที่ระบุว่าต้องการให้รัฐธรรมนูญบังคับใช้เป็นสองช่วงว่า ถ้าใช้คำพูดว่าเป็นขยัก อาจจะผิด อาจจะทำให้งง ไม่ใช่มีรัฐธรรมนูญสองฉบับ รัฐธรรมนูญก็คือรัฐธรรมนูญ ทั้งหมดคือรัฐธรรมนูญทั้งฉบับสองร้อยกว่ามาตรา ซึ่งความหมายตรงนี้คือบทเฉพาะกาล คือถ้าทุกคนคิดว่าจะต้องมีการปฏิรูปในช่วงระยะเวลาแรกที่เปลี่ยนผ่าน มันควรจะต้องมีระยะเวลาหรือไม่ บทนั้นบทนี้ยกเว้นเป็นกาลชั่วคราวได้หรือไม่ เพื่อให้เกิดการปฏิรูป ไม่อย่างนั้นก็ทำไม่ได้หมด เพราะในรัฐธรรมนูญก็ต้องพูดถึงกระบวนการทั้งหมดเหมือนที่ผ่านมา แล้วมันก็เกิดปัญหา
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ฉะนั้นในช่วงแรกจะสร้างความเข้าใจว่า วาระประเทศชาติจะมั่นคงแข็งแรงภายในรัฐบาลหน้า โดยช่วงนี้ก็ต้องมีการปรับวิธีการบริหารราชการสักหน่อย แต่ไม่ได้ปรับทั้งหมด ตัวอย่างเช่น เรื่องของส.ว.จำเป็นหรือไม่ เพื่อให้เกิดการคานอำนาจในช่วงนี้ เรื่องยุทธศาสตร์ชาติ20ปี ไม่ใช่เขียนไว้ชัดเจน ว่าต้องทำนู่นทำนี่6ยุทธศาสตร์ มีทั้งด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน การบริหารทรัพยากรมนุษย์ มันสั่งไม่ได้อันนี้เป็นกรอบงานกว้างๆ ส่วนการจะไปทำอย่างไร เพื่อให้ลงไปสู่วิธีการปฏิบัติ โดยเฉพาะการไปอยู่ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ5ปี มันก็มีอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่ได้ทำตามนั้นกัน ต่อไปเป็นเรื่องแผนการปฏิรูป5ปี ก็ไม่ได้เขียนว่าจะต้องทำนั่นทำนี่
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้เรามองระยะยาวให้20ปี แผนปฏิรูปครั้งละ5ปี แต่ทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องของรัฐบาลหน้า จะทำอย่างไรก็ทำไป แต่ต้องทำตามนี้ด้วยส่วนหนึ่ง นอกจากนโยบายพรรค เพราะบางทีไม่มีไกด์ตรงนี้ ก็เดินไปซ้ายขวา แล้วแต่สถานการณ์ทางการเมือง และการต่อสู้ทางการเมืองก็วุ่นไปหมด ฉะนั้นถ้าเขาเดินสองทาง เพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้าขณะเดียวกัน เส้นของการเมืองก็เดินคู่ขนานกันไป แต่ถามว่ามันต้องมีมาตรการอะไรหรือไม่ มันก็ต้องมีและต้องมีอะไรสักอย่างเพื่อที่จะควบคุมให้ตรงนั้นเป็นไปตามนี้ ซึ่งก็มีหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นคณะอะไรขึ้นมาใหม่หรือจะเป็นส.ว. หรือใครก็แล้วแต่ ซึ่งทั้งหมดนี้คือกลไก ที่จะประเมินเท่านั้นเอง ถ้ามันไม่ได้ขึ้นมาทั้งสองสภาก็คุยกัน จะเป็นไปได้หรือไม่โดยการเปิดอภิปรายกันได้หรือไม่ว่าทำไมรัฐบาลไม่ทำนี่ทำนู่น แล้วจะแก้ไขกันอย่างไร ก็เป็นเรื่องที่จะต้องตกลงกัน ถ้าได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ต้องมีคนตัดสิน จะไปศาลรัฐธรรมนูญได้หรือเปล่า ตนก็ไม่รู้ เข้าใจหรือยัง
“มันไม่ใช่สองขยักสามขยักหรอก ขยักเดียวนั่นแหล่ะ เพียงแต่ช่วงนี้จะยกเว้นบางส่วนก่อนได้หรือไม่ เมื่อถึงเวลาสถานการณ์ปกติ ก็กลับมาทั้งหมดจะกลับเข้าที่เดิมหมด ส.ว.ก็เลือกตั้งใหม่ทั้งหมดก็ได้ เพียงแต่รัฐบาลหน้ามันต้องเกิดความมั่นใจให้เรา ไม่ใช่เพื่อผม แต่เพื่อท่านทุกคนเข้าใจหรือยัง” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่าหลังการเลือกตั้งรัฐบาลนี้จะยังอยู่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หลังเลือกตั้ง ตนจะอยู่ได้อย่างไร ก็ไม่รู้ เป็นเรื่องที่จะต้องไปพิจารณามา ซึ่งคิดว่าตนก็ทำไว้ให้เยอะแล้ว ก็ไปคิดกันมาบ้าง ซึ่งช่วงเปลี่ยนผ่านก็ภายใน5ปี ถ้ามันดีขึ้นทุกปีๆ ก็ผ่อนผันลดลงไป เข้ากลไกปกติ ทำไปตามที่เราวางไว้ไม่เห็นจะยาก ถ้ามันดี และถ้าเขียนไว้ในบทเฉพาะกาลจะง่ายกว่าตรงที่จะกลับมาเป็นปกติ เมื่อสถานการณ์พร้อม แต่ถ้าใส่ในรัฐธรรมนูญก็ลำบาก นี่แสดงให้เห็นถึงความจริงใจของตน เมื่อถามว่าขอความชัดเจนว่าในช่วงระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน4-5ปีนั้น หมายถึงคสช.จะยังอยู่ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนจะอยู่ไปทำไม แต่เขาจะมีวิธีการอื่น แต่หากอยู่ด้วยกลไกปกติ ก็อยู่ไปตนถึงได้บอกว่าจะมีคณะ จะไม่มี หรือจะมีวิธีการไหนก็ไปว่ามา
“ไม่ใช่ว่าผมจะต้องอยู่หรือไม่อยู่ ไม่ต้องมายุ่งสนใจกับผมมากนัก ผมมีหน้าที่ทำให้บ้านเมืองสงบ เดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง ท่านก็คิดกันต่อสิจะเอาอย่างไร และท่านอย่ามาโทษผม ว่าทำไม่เรียบร้อยไม่สำเร็จ อย่ามาโทษผมแบบนั้น ท่านอยากให้เป็นอย่างไร อยู่ที่ท่านกำหนดของท่านเองทั้งนั้น” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
“สุรชัย”ดอดทานข้าวเที่ยง“มีชัย”45นาที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.15 น. นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 1 ฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญพิจารณา ศึกษา เสนอแนะและรวบรวมความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ สนช. พร้อมด้วยพล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สนช. ฐานะกมธ. เสนอแนะทำร่างรัฐธรรมนูญฯ และ นายศักดิ์ชัย ธนบุญชัย สนช. เข้าพบนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่ห้องทำงานส่วนตัว ทั้งนี้มีรายงานว่าการพบปะดังกล่าวเป็นการนัดหมายเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการปรับปรุงร่างรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราก่อนที่จะนำไปสู่การออกเสียงประชามติ สำหรับการพบปะดังกล่าวอยู่ระหว่างการรับประทานอาหารมื้อกลางวัน ที่ใช้เวลาประมาณ 45 นาที
ทั้งนี้ พล.อ.สมเจตน์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเข้าพบ โดยปฏิเสธว่าไม่ได้หารือต่อประเด็นการให้กรธ.รับข้อเสนอของสนช. ต่อประเด็นการปรับมาตราว่าด้วยโครงสร้างทางการเมืองไปปรับปรุงเนื้อหา และเป็นการร่วมรับประทานอาหารกลางวันเป็นปกติ โดยตนมาให้กำลังใจนายมีชัยด้วย ส่วนประเด็นของข้อเสนอแนะให้ปรับปรุงแก้ไขรัฐธรรมนูญยอมรับว่ามีเนื้อหาที่ไม่ตรงกัน ซึ่งนายมีชัยต้องนำวิธีการทั้งหมดไปสังเคราะห์เพื่อหาวิธีที่ดีที่สุด ทั้งนี้ตนให้ความเคารพกับการทำงานของนายมีชัย เพราะท่านเป็นผู้อาวุโส และมีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายและประสบการณ์ในด้านต่างๆ ดังนั้นตนให้เกียรติกับกรธ.ที่จะทำงาน ส่วนข้อเสนอต่างๆ เช่นให้มีส.ว.สรรหาทั้งหมด เพราะเป็นข้อเสนอจากประสบการณ์ ที่ผ่านมาตนชอบส.ว. ที่มาจากการเลือกตั้งและสรรหา แต่เมื่อเข้ามาทำหน้าที่แล้วไม่ได้เป็นแบบนั้น และเมื่อร่างรัฐธรรมนูญของกรธ. หาวิธีใหม่เพื่อให้ได้มาซึ่งส.ว. ยังไม่ทราบว่าดีหรือไม่ ดังนั้นเมื่อของเดิมดีอยู่แล้ว แต่มีข้อเสียอยู่บ้าง ดังนั้นควรนำรูปแบบเดิมมาปรับปรุงข้อเสียให้ดีขึ้น จะเป็นผลดีกว่าหาวิธีการใหม่ๆ ที่ยังไม่ทราบผลว่าจะดีหรือไม่
“ข้อเสนอของคณะรัฐมนตรีที่ให้ว่าต้องทำการเมืองสมดุลช่วงเปลี่ยนผ่าน ถือเป็นความคิดหนึ่ง ที่ว่าในที่สุดเรามีการเลือกตั้งจะกลับไปสู่สถานการณ์เดิมเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 หรือไม่ หากเราไม่อยากให้กลับไปสู่ความขัดแย้ง นักการเมืองเลวร้าย และนำมาสู่วัฎจักรการปฏิวัติอีก ต้องจัดการให้เบ็ดเสร็จ ให้ได้นักการเมืองที่ดีๆ มาให้ได้ ส่วนกลไกในร่างรัฐธรรมนูญของกรธ. ที่กำหนดเงื่อนไขคนไม่ดีเข้าสู่วงการการเมืองนั้น ผมพอใจ แต่ควรเพิ่มเงื่อนไขใหม่ คือ คนที่กระทำการขัดกับรัฐธรรมนูญไม่ควรอยู่ในสังคมการเมือง ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยแล้ว เพราะถือว่านักการเมืองที่กระทำการขัดรัฐธรรมนูญถือเป็นคนเลวที่ไม่สมควรเข้ามาถืออำนาจรัฐ และอาจทำให้ประชาชนเกิดความทุกข์ยากได้ในอนาคต” พล.อ.สมเจตน์ กล่าว
พล.อ.สมเจตน์ กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่นักการเมืองของพรรคเพื่อไทยที่ออกมาให้สัมภาษณ์ ตนมองว่าไม่สมควรพูด เพราะคนในกลุ่มคนนี้เป็นผู้ที่ทำลายประชาธิปไตย ดังนั้นไม่มีเครดิตเพียงพอที่จะเสนอทางออก หรือเรียกร้องใดๆ
