‘บิ๊กป้อม’เตรียมยกคณะเยือนรัสเซีย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/detail/20160221/222833.html

การเมือง : ข่าวทั่วไป
วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2559
‘บิ๊กป้อม’เตรียมยกคณะเยือนรัสเซีย

‘บิ๊กป้อม’ เตรียมยกคณะเยือนรัสเซียหารือความร่วมมือด้านความมั่นคง-เศรษฐกิจ 23-27ก.พ. ปูทาง‘บิ๊กตู่’ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน-รัสเซียพ.ค.นี้ ฉลองครบรอบสัมพันธ์20ปี

       21 ก.พ. 59 พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมคณะ มีกำหนดการเดินทางเยือนสหพันธรัฐรัสเซีย และสาธารณรัฐเบรารุส อย่างเป็นทางการ ระหว่าง 23-27 ก.พ.59โดยการเดินทางเยือนสหพันธรัฐรัสเซีย อย่างเป็นทางการครั้งนี้ เป็นการขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงและด้านเศรษฐกิจ รวมทั้งการค้า การลงทุน ระหว่างกันให้เกิดเป็นรูปธรรมมากขึ้น หลังการเยือนไทยของ นาย ดมิทรี เมดเวเดฟ ( Dimitry Medvedev ) นายกรัฐมนตรีรัสเซีย เมื่อเม.ย.58 ที่ผ่านมา อีกทั้งเป็นการเตรียมการก่อนการเดินทางของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน – รัสเซีย ในพ.ค.59 ณ เมืองโซชิ ซึ่งเป็นโอกาสของการสถาปนาความสัมพันธ์รัสเซีย – อาเซียน ครบ 20 ปี ตามคำเชิญของ ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ( Vladimir Putin )
       พล.ต.คงชีพ กล่าวว่า ในโอกาสนี้ พล.อ.ประวิตร พร้อม นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนรม. มีกำหนดเข้าเยี่ยมคำนับและหารือกับ นาย ดมิทรี เมดเวเดฟ ( Dimitry Medvedev ) นายกรัฐมนตรีรัสเซีย และ นายเดนิส แมนทูรอฟ ( Denis Manturov) รมว.อุตสาหกรรมและการค้ารัสเซีย เพื่อหารือขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงและการค้าการลงทุนระหว่างกันจากนั้น พล.อ.ประวิตร และคณะ มีกำหนดการเข้าพบหารือกับ พล.อ.เซอร์เกย์ โชย์กู ( Sergei Shoigu ) รมว.กห.รัสเซีย นายนิโคไล ปาตูเชฟ ( Nikolai Patrushev ) ลมช.รัสเซีย และนายดมิทรี โรโกซิน ( Dmitry Rogozin ) รองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย เพื่อหารือความร่วมมือด้านความมั่นคง การทหารและอุตสาหกรรมป้องกันประเทศระหว่างกัน
       พล.ต.คงชีพ กล่าวอีกว่า ต่อจากนั้น พล.อ.ประวิตรพร้อมคณะ มีกำหนดการเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐเบลารุส อย่างเป็นทางการตามคำเชิญของเบลารุส โดยมีกำหนดการเข้าเยี่ยมคำนับ นายอเลกซานเดอร์ ลุกาเซนโก ( Alexander Lukashenko ) ประธานาธิบดีเบลารุส พร้อมกับเข้าพบและหารือความร่วมมือด้านความมั่นคงและการทหารกับ พล.ท.อังเดร ราฟคอฟ ( Andrei Ravkov ) รมว.กห.เบลารุส และพล.ท.เซรเกย์ กูรรูเรฟ ( Sergei Gurulev ) ประธานคณะกรรมการว่าด้วยอุตสาหกรรมทางทหารเบลารุส
       พล.ต.คงชีพ กล่าวว่า โดยการเดินทางเยือนสหพันธรัฐรัสเซียและสาธารณรัฐเบรารุส อย่างเป็นทางการ ของ พล.อ.ประวิตรครั้งนี้ จะเป็นโอกาสอันดีที่ประเทศไทย จะได้กระชับความสัมพันธ์และขยายความร่วมมือทางทหาร. รวมทั้งขยายความร่วมมือด้านการค้า. การลงทุนที่เป็นประโยชน์ร่วมกันกับทั้งสองประเทศ ในลักษณะพึ่งพา ส่งเสริมซึ่งกันและกัน ในภาวะที่เศรษฐกิจโลกมีความผันผวน ซึ่งมีความจำเป็นต้องพึ่งพากันมากขึ้นในปัจจุบัน
‘ประวิตร’ สั่งทุกหน่วยถกทุกเดือน เร่งประชาสัมพันธ์แลนด์มาร์คเจ้าพระยา
       รายงานข่าวจากกระทรวงมหาดไทยแจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการอำนวยการโครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน มีพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมหารือถึงความคืบหน้าในโครงการ ซึ่งเป็นการประชุมต่อจากคณะกรรมการฯบริหารจัดการสิ่งก่อสร้างรุกล้ำลำน้ำสาธารณะ
       โดยผู้เกี่ยวข้องชี้แจงความคืบหน้าล่าสุดว่า การอนุมัติงบประมาณในการจ้างที่ปรึกษา และประชาสัมพันธ์โครงการ กระทรวงมหาดไทย ในฐานะอนุกรรมการด้านการบริหารโครงการ ได้อนุมัติจัดสรรงบฯรายจ่ายประจำปี 2558 งบฯกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน หรือจำเป็น จำนวน 76 ล้านบาท พร้อมเซ็นสัญญา ส่วนที่เหลืออีก 56 ล้านบาท ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนของสำนักงบฯนั้นนายกรัฐมนตรี ได้อนุมัติให้ใช้งบฯจำนวนดังกล่าวแล้ว คาดว่า จะสามารถจัดสรรได้ภายในสัปดาห์นี้
       ส่วนการจัดจ้างที่ปรึกษา เดิมที่ใช้วิธีคัดเลือก โดยมีผู้ยื่นเสนอตัว และผ่านการคัดเลือกเข้ามา 2 ราย แต่มีผู้ยื่นขอยกเลิก 1 ราย จึงจำเป็นต้องยกเลิกวิธีคัดเลือก เพราะอาจจะล่าช้า ไม่ประสบผล จึงได้เปลี่ยนวิธีเป็นการจ้างโดยวิธีตกลง ซึ่งได้เชิญตัวแทนจากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าฯ เจ้าคุณทหารลาดกระบัง ที่ตอบตกลง เข้ามาเป็นที่ปรึกษา ร่วมกับมหาวิทยาลัยขอนแก่น และได้มีการต่อรองได้ในราคา 119 ล้านบาท จากงบฯกทม.ที่มี 120 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการขออนุมัติว่าจ้าง คาดว่า ไม่เกินสัปดาห์หน้าจะอนุมัติได้ และลงนามในสัญญาภายไม่เกินสิ้นเดือนนี้ สำหรับค่าก่อสร้าง ทางกทม.ได้จัดทำคำของบฯปี 60 แล้ว กำลังอยู่ในขั้นการพิจารณาของสำนักงบฯ คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในปีงบฯ 60
       ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้จากที่เคยประสานทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้มาเป็นที่ปรึกษาโครงการ แล้วถูกปฏิเสธ เพราะติดด้วยข้อกำหนดของผู้ว่าจ้างนั้น อยากให้เปิดโอกาสเข้ามาแสดงความเห็นผ่านคณะอนุฯด้านการออกแบบ และภูมิสถาปัตย์ ที่มีปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน ถ้าเขาอยากเสนออะไรก็รับไว้ให้มีช่องทาง ไม่ใช่ว่าเสนอมาแล้วได้ทั้งหมดให้พึงพอใจคงไม่ใช่
       “ในเรื่องของกรอบเวลา หรือ ไทม์เฟรมเดิม เราคาดกันว่า รัฐบาลจะอยู่ในระยะเวลาเดิม แต่รัฐธรรมนูญ ฉบับท่านบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ได้ร่างขณะนั้น เราคิดว่ามันจะผ่าน แล้วมีผลบังคับใช้ สิ่งที่เราอยากจะทำขณะนั้นก็คือ ให้ทุกอย่างจบ และลงนามในสัญญาก่อน เพื่อที่จะพ้นเรื่องข้อครหานินทาต่างๆ อย่างไรก็ตามสถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป กรอบเวลาจึงมีช่องว่างมากขึ้น เราจะมีการเลือกตั้งในประมาณปี 60 กลางปี หรือ ปลายปีเป็นอย่างช้า แล้วแต่ขั้นตอนการดำเนินการของรัฐธรรมนูญจะเสร็จเมื่อไหร่ เราก็จะมีเวลามากขึ้น ขณะที่เรื่องงบฯ ในปี 59 ถ้าเราจะขอ ต้องขอเป็นงบฯกลางเท่านั้น เพราะมันไม่ทัน และที่ทำได้เร็วที่สุดคืองบประมาณปี 60 ที่จะทัน หรือไม่ทัน ถึงอย่างไรงบฯปี 59 อย่างเต็มที่ ในเดือนตุลาคมนี้ ถึงจะมีงบประมาณ เป็นไปตามที่เราจะเสนอกรอบระยะเวลาใหม่” รมว.มหาดไทย กล่าว
       ขณะที่ตัวแทนอนุฯด้านกฎหมาย ชี้แจงความคืบหน้าว่า ขณะนี้ได้ร่างหลักเกณฑ์ที่จะช่วยเหลือ เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบแล้ว อยู่ระหว่างเตรียมส่งต่อให้คณะอนุฯด้านการบริหารโครงการ พิจารณากลั่นกรองกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แล้วเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติต่อไป ส่วนผู้บุกรุก ที่ปกติแล้วเราจะจ่ายค่าชดเชย หรือยกเว้น ก็จะนำเสนอครม.ด้วย
       อย่างไรก็ตามในช่วงท้าย พล.อ.ประวิตร มีข้อสั่งการว่า เรื่องที่สำคัญคือการสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน และการกำหนดแนวทางในการประชาสัมพันธ์ ซึ่งทางกระทรวงพัฒนาสังคมฯ ได้ชี้แจงแล้วว่ามี 2 ระดับ ได้แก่ ระดับล่าง คือเกี่ยวกับเรื่องของประชาชน และระดับที่เกี่ยวกับผู้ที่มีความรู้ คือพวกนักวิชาการ และนักโบราณคดี โดยมีความจำเป็นที่จะต้องกำหนด เพื่อให้เกิดความชัดเจน และสร้างการรับรู้ รวมถึงในส่วนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต้องทำการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA)ด้วย โดยให้เร่งรัดประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับประชาชนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และให้นำความต้องการและความเห็นที่เป็นประโยชน์มาเป็นข้อมูลในการดำเนินการให้กับฝ่ายต่างๆ
       “ในการก่อสร้างครั้งนี้ ต้องสร้างการรับรู้ให้ประชาชน ว่าทำไปทำไม ให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนยังไง เราก็ได้แต่บอกว่า ให้ประชาชน ให้ประชาชน แต่การเข้าถึงริมแม่น้ำเจ้าพระยาจะทำอย่างไรได้บ้าง เราก็คงจะต้องใช้สถานีวิทยุโทรทัศน์ที่เรามี ช่วยในการประชาสัมพันธ์ บอกถึงความก้าวหน้าในการดำเนินการ เพราะฉะนั้นด้านการประชาสัมพันธ์ต้องทำให้เยอะๆหน่อย ประชาชนจะได้รู้ว่ามันจริงหรือไม่จริง” พล.อ.ประวิตร กล่าว
       พล.อ.ประวิตร สั่งการต่อว่า ให้อนุกรรมการฝ่ายต่างๆนั้นไปปรับปรุง และขับเคลื่อนการดำเนินการตามกรอบระยะเวลาใหม่ที่ได้รับความเห็นชอบ และนำแนวทางการขับเคลื่อนของโครงการตามมติที่ประชุม ไปดำเนินการให้บรรลุผลสำเร็จ โดยให้รายงานผลการดำเนินการต่อคณะกรรมการอำนวยการให้ทราบทุกเดือน และสรุปรายงานต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.)ให้ทราบด้วย
       “เพราะฉะนั้นเราคงจะต้องมีการประชุมทุกเดือน เพื่อที่จะรายงานให้ครม.ได้รับทราบ รวมถึงให้คณะอนุกรรมการด้านการบริหารโครงการ กำกับและติดตามการดำเนินการของคณะอนุกรรมการฝ่ายต่างๆ ให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดและกรอบระยะเวลาใหม่ด้วย” รองนายกฯ และรมว.กลาโหม กล่าวทิ้งท้าย
       รายงานข่าวแจ้งว่า เนื่องจากการจัดจ้างที่ปรึกษา ทำให้กรอบระยะเวลาคลาดเคลื่อนออกไป เพราะฉะนั้นกรอบระยะเวลาใหม่ จะตั้งเป้าหมาย เริ่มจากการลงนามสัญญาจ้าง ปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ เป็นอย่างช้า โดยเนื้องานของการจ้างที่ปรึกษา จะดำเนินการเสร็จสิ้นประมาณปลายเดือนกันยายนนี้ ก่อนขึ้นปีงบประมาณใหม่ ซึ่งจะมีการสำรวจพื้นที่ด้านกายภาพ และการทำแผนแม่บทควบคู่กันไป นอกจากนี้ภายหลังการเซ็นสัญญาจ้างที่ปรึกษา 2 เดือน เราจะเริ่มออกแบบรายละเอียด คาดว่าจะสามารถเข้ากระบวนการประกวดราคาได้ประมาณเดือนตุลาคมนี้ และสามารถลงนามในสัญญาจ้างได้ในเฟสแรก และเริ่มก่อสร้างในเดือนมกราคม ปี 60 ส่วนระยะเวลาก่อสร้าง ในเบื้องต้นกำหนดไว้ 18เดือน หลังจากลงนามสัญญาจ้างเรียบร้อยแล้วในช่วงแรก จะทยอยลงนามสัญญาประกวดราคาในช่วงต่อไป ภายในงบประมาณปี60 ส่วนในการก่อสร้างที่ทราบว่ามีผู้ต่อต้านไม่เห็นด้วยมีหลายกลุ่ม ได้จัดเสวนาหลายครั้งนั้น ฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ส่งตัวแทนเข้าไปร่วมรับฟังข้อคิดเห็น หรือท้วงติง เพื่อรับมาเป็นข้อมูล นำไปศึกษา ให้เป็นไปตามที่กลุ่มคัดค้านต้องการด้วย และยังมีการติดตามผ่านสื่อต่างๆ
       “ชุมชนที่ได้รับผลกระทบจริงๆนั้น มีจำนวนไม่เยอะ แต่กลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านเป็นจำนวนมากนั้น จะเป็นกลุ่มชนชั้นกลาง หรือนักวิชาการ ต่างกับโครงการคลองลาดพร้าวที่มีประชาชนออกมาเคลื่อนไหวมากกว่านักวิชาการ ถ้าจะโครงการแม่น้ำเจ้าพระยา สิ่งสำคัญคือต้องไม่ให้ความเห็นของนักวิชาการ กับความเห็นของผู้ได้รับผลกระทบไปรวมกัน มันจะถูกหยิบยกเป็นข้ออ้างว่าชาวบ้านได้รับผลกระทบ แต่ก็ยังมีนักวิชาการเข้าไปเจาะ เป็นรายบุคคล ฉะนั้นการช่วยเหลือเยียวยาต้องทำให้ชัดเจน ให้เกิดความมั่นใจ เพื่อที่ประชาชนจะได้ไม่ไปรวมกลุ่มกับชนชั้นกลาง” รายงานข่าวระบุ
‘บิ๊กป้อม’ ปลื้ม! กทม.เล็งเอาคืนที่สาธารณะรุกคลองลาดพร้าว
       รายงานข่าวจากกระทรวงมหาดไทยแจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการอำนวยการร่วมกำหนดนโยบายการบริหารจัดการสิ่งก่อสร้างรุกล้ำลำน้ำสาธารณะ ที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน มีพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมหารือถึงความคืบหน้าในโครงการ ที่ผ่านมา
       ในที่ประชุมมีการรายงานแผนงานการก่อสร้างเขื่อนคลองลาดพร้าว โดยผู้เกี่ยวข้องของหน่วยงาน กทม. ให้ข้อมูลว่า เราจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้เลย ในระยะ 8 กิโลเมตร ส่วนที่เหลือจะขอประสาน พม.ในเรื่องที่อยู่อาศัย เพื่อนำประกอบกับแผนการก่อสร้าง สำหรับการตรวจสอบพื้นที่ก่อสร้าง ล่าสุดได้ดำเนินการร่วมกับ พม. กองทัพบก และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) พบว่า มีพื้นที่ว่างของกรมทหารราบที่ 11 ที่ดินราชพัสดุ บริเวณถนนประเสริฐมนูกิจ ซอยรัชดาภิเษก 36 ซอยลาดพร้าว80 และที่ดินเอกชนจำนวน 3 แปลง เป็นที่ดินว่างริมคลองทั้งหมด โดยอาจจะใช้เป็นพื้นที่ในการสับหลีก หรือเคลื่อนย้ายชุมชน เพื่อให้การก่อสร้างดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง
       ด้านผู้เกี่ยวข้องของกระทรวงพัฒนาสังคมฯ กล่าวชี้แจงถึงการพัฒนาที่อยู่อาศัยของผู้ที่ได้รับผลกระทบว่า คลองลาดพร้าวที่มีความยาวทั้งหมด 22 กิโลเมตร มีชุมชนที่รุกล้ำริมคลองอยู่ทั้งหมด 43 ชุมชน 7,314 หลังคาเรือน โดยมีการทำแผนเคลื่อนย้ายชาวบ้านขึ้นจากริมคลอง เพื่อส่งมอบพื้นที่ให้กทม. และมี 3 ชุมชน ได้แก่ ชุมชนบางบัวฯ ชุมชนร่วมสามัคคี และชุมชนสะพานไม้หนึ่ง ที่ดำเนินการตามโครงการบ้านมั่นคง รวมถึงย้ายขึ้นจากคลองไปแล้ว ระยะทางประมาณ 1.1 กิโลเมตร จะสามารถส่งมอบให้ กทม.ดำเนินการก่อสร้างเขื่อนได้ในระยะต่อไป นอกจากนี้ยังมีแผนในปี 59 อีก 17 ชุมชน 2,344 หลังคาเรือน ปี 2560 อีก 14 ชุมชน 2,940 หลังคาเรือน และปี 61 อีก 10 ชุมชน 1,322 ครัวเรือน สำหรับระยะต่อไปที่จะรื้อย้ายชุมชน เพื่อส่งมอบให้ กทม. ภายในเดือนเมษายนนี้ ประกอบด้วย 10 ชุมชน 1,355 ครัวเรือน มีความยาวประมาณ 8.1 กิโลเมตร
       “แผนในปี 59 ที่มี 17 ชุมชน เราได้สร้างความเข้าใจ กับพี่น้องประชาชนไปครบทั้ง 17 ชุมชนแล้ว มีการสำรวจข้อมูลไปแล้ว 14 ชุมชน ออกแบบวางผัง 8 ชุมชน มีการอนุมัติงบประมาณรอไว้แล้วตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อขออนุญาตก่อสร้าง ใช้ที่ดินได้ทันที 7 ชุมชน มีการเริ่ม หรือย้ายการก่อสร้างบ้านเอง โดยไม่ใช้งบฯของเรา มี 1 ชุมชน” ตัวแทนกระทรวง พม. ระบุ
       ขณะที่พล.อ.ประวิตร มีข้อสั่งการ และซักถามในที่ประชุมว่า พม.ต้องเตรียมการในเรื่องที่อยู่อาศัย เพื่อส่งมอบในพื้นที่ดำเนินการสร้างเขื่อนคลองลาดพร้าว แต่ยังมีอีก 1 พื้นที่ที่จะดำเนินการก่อสร้างที่อยู่ถาวรให้ประชาชน จะเริ่มเมื่อไหร่ ควรจะเริ่มในทันทีได้หรือไม่ เพราะเราเริ่มก่อสร้างเขื่อนฯแล้ว น่าจะสร้างอาคารที่จะให้ประชาชนเข้าไปอาศัยแบบถาวรได้ทันทีด้วยเช่นกัน ตนอยากให้ดำเนินการแบบนี้ จะทำได้เลยหรือไม่
       “เรื่องที่พักชั่วคราวไม่ค่อยเป็นปัญหาเท่าไหร่ แต่ผมอยากให้หาที่ในการสร้างอาคารถาวร ให้ประชาชนไปอยู่ได้มันมีมั้ยล่ะ ถ้ามี ผมอยากให้ก่อสร้าง แล้วก็คัดเลือกคนที่เขาดีๆเข้ามาอยู่เลย ให้ประชาชนเขาเกิดความมั่นใจ ไม่จำเป็นต้องเป็นพื้นที่ที่ต้องไปสร้างเขื่อน ทำได้มั้ย แบบเป็นตึกสองตึก จะทำได้มั้ย ไปหาที่ให้ได้เลย ถ้าเขาออกไปแล้ว ก็จะไปอยู่ที่ตรงนี้ คราวหน้ากลับมาต้องชัดเจน จะสร้างยังไง เท่าไหร่” พล.อ.ประวิตร ถาม
       ด้าน พม.ตอบข้อซักถามว่า ใน 8 กิโลเมตรแรก ที่ดำเนินการสร้างเขื่อนฯ จะอยู่ฝั่งตะวันออกของคลองลาดพร้าว เป็นที่ดินติดกับเอกชน ไม่มีที่ว่างดำเนินการ เพราะข้อจำกัด พอเป็นที่ของเอกชน ทำให้ชาวบ้านบุกรุกไม่ได้ เหลือแค่พื้นที่เฉพาะสร้างเขื่อนฯ สำหรับการสร้างที่อยู่แบบถาวร เรามีพื้นที่ช่วงเขตห้วยขวาง ระยะทาง 800 เมตร ไม่มีประชาชนบุกรุก ซึ่งเดิมจะทำเป็นที่พักชั่วคราว ก็จะปรับมาเป็นที่พักถาวรในทันทีเลย
       ด้านผู้แทนจากปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานอนุกรรมการด้านการประชาสัมพันธ์ ชี้แจงว่า แนวทางในการประชาสัมพันธ์ เราจะมีโปสเตอร์ แผ่นพับ และออกสื่อ ในสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้ประชาชน แต่ทางกรมประชาสัมพันธ์ ในฐานะอนุฯ กลับไม่มีข้อมูลในการชี้แจงที่ชัดเจน เพียงแต่บอกว่า มีรายการพบประชาชน รายงานความคืบหน้าอยู่ตลอดเท่านั้น
       ทำให้พล.อ.ประวิตร กล่าวในเชิงติติงว่า “ไหนรายงาน นำมาหรือไม่ ทีหลังนำมาขึ้นแสดงให้ดูด้วย ว่าคุณทำอะไรไปบ้าง จะสร้างการรับรู้ยังไง แล้วประชาชนเขาตอบรับยังไง ต้องบอกด้วย ไม่ใช่รายงานแบบนี้ ต้องให้เห็นชัดเจน ว่ามีผลการปฏิบัติ เพราะมันมีงบประมาณไปแล้ว ต้องทำให้ชัดเจน มารายงานแบบนี้เฉยๆไม่ได้ ไม่ใช่พอเราเริ่มก่อสร้าง เดี๋ยวมีผู้คัดค้านออกมา ก็วุ่นอีก ไปไม่ได้อีก เพราะฉะนั้นผมฝากด้วย คราวหน้าต้องมาให้ชัดเจนกว่านี้”
       ต่อมาที่ประชุมโดยส่วนเกี่ยวข้องได้รายงานถึงปัญหาอุปสรรคของโครงการว่า ยังมีประชาชนที่อยู่ในเขตการก่อสร้าง ได้ประสานพม.ไปแล้ว และทางกทม.อยากได้แผนที่การก่อสร้างที่ชัดเจนจากกระทรวงพัฒนาสังคมฯ เพื่อก่อสร้างที่อยู่ถาวรต่อไป สำหรับการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชน ที่ได้รับผลกระทบ ยังมีประชาชนประมาณ 416 ราย ที่ยังไม่เข้าใจ แบ่งเป็น2ลักษณะ 1.ประชาชนที่มีบ้านหลังใหญ่ พอจะจัดระเบียบให้อยู่ร่วมกัน ก็มีการออกมา ต่อต้าน และ2. กลุ่มนักการเมืองท้องถิ่น หรือในพื้นที่ ที่ออกมาเคลื่อนไหวให้ข้อมูลแก่ชาวบ้าน ทำให้เกิดการเข้าใจผิด ซึ่งแก้ไขโดยจัดชุดที่มีทหาร ร่วมกับฝ่ายเกี่ยวข้องลงไปพูดคุย ถ้ายังไม่ได้ผล ก็จะดำเนินคดี ตามด้วยมาตรการทางภาษี อย่างไรก็ตามเราจะจัดชุดลงไปพูดคุยอีกครั้งในสัปดาห์หน้า หากยังไม่ได้ผลก็จะดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว ซึ่งขณะนี้กลุ่มนักการเมืองท้องถิ่น ได้ประสานขอมามีส่วนร่วมแล้ว
       พล.อ.ประวิตร กล่าวขึ้นมาในประชุมว่า “ผมบอกไปแล้ว ให้ประสานกันทำงาน ถ้าไม่ประสานกัน จะทำให้การก่อสร้างไปไม่ได้ ถามคนละที คนละที มันก็ไปไม่ได้ซะที ต้องกำหนดให้ชัดเจน จะสร้างเมื่อไหร่ วางเสาเข็มเมื่อไหร่ ถ้าไม่ทำแบบนี้มันก็ไม่ได้ซะที ส่วนเรื่องนักการเมืองท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ด้านประชาสัมพันธ์จะต้องลงไปร่วมมือด้วย เพื่อที่จะได้รู้แนวทางแก้ไข แล้วนำมาประชาสัมพันธ์ ถ้ายังเดินไม่ได้ก็ถือว่าไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะฉะนั้นเอาประชาสัมพันธ์เข้าไปด้วย รวมถึงตำรวจ ไปดูในเรื่องการดำเนินคดี ทำให้เป็นชุดทีเดียวไปเลย เดี๋ยวก่อสร้างไป ประชาชนก็มาคัดค้านอีก ผมว่าประชาสัมพันธ์ยังทำงานน้อยนะ ประชาสัมพันธ์มันไม่ค่อยออกมา ฉะนั้นต้องเข้าไปร่วมกับเขา”
       อย่างไรก็ตามในช่วงท้าย พล.อ.ประวิตร มีข้อสั่งการว่า 1.ให้ทางกรุงเทพฯเข้าไปเร่งดำเนินการก่อสร้างในส่วนที่ไม่ติดปัญหาอุปสรรค และให้กระทรวงพัฒนาสังคมฯ เร่งดำเนินการจัดทำผังที่อยู่อาศัยตลอดแนวคลองลาดพร้าวภายในขอบเขตผังของกรุงเทพฯ และ2.กำหนดและดำเนินการจัดหาที่อยู่อาศัยให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างนี้
       “ผมได้บอกแล้วว่า ให้ดำเนินการคู่ขนานกัน ระหว่างที่พักชั่วคราวและที่พักถาวร ส่วนเขื่อนก็ทำไปในส่วนที่ทำได้ เพราะมันไม่สามารถที่จะทำได้ตามลำดับ ก็ฝากให้ช่วยทำคู่ขนานกันไป” พล.อ.ประวิตร กล่าวทิ้งท้าย

Leave a comment