ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/scoop/192737
ในบรรดา “ความเสี่ยง” ด้านสาธารณสุขทั้งหมด ความเสี่ยงหนึ่งที่ต้องเฝ้าระวัง โดยเฉพาะในกลุ่ม “ผู้สูงอายุ” คือ “พลัดตกหกล้ม” เพราะถ้าหกล้มแล้วอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนมากมาย ขณะที่ “สำนักโรคไม่ติดต่อ” กรมควบคุมโรค ระบุว่า ผู้สูงอายุในไทย“ตาย” จากการพลัดตกหกล้มเป็นอันดับ 2 ในกลุ่มของการบาดเจ็บโดยไม่ตั้งใจ รองจากอุบัติเหตุทางถนน
ถือเป็นอีกหนึ่ง “มัจจุราช” ที่ไม่อาจมองข้าม!!!
“นพ.อำนวย กาจีนะ” อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีประชากรกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป ร้อยละ 14.9 หรือราว 10 ล้านคน ซึ่งปัญหาสุขภาพที่พบบ่อย คือ การบาดเจ็บจากการ “พลัดตกหกล้ม” ถือเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 2 ในกลุ่มของการบาดเจ็บโดยไม่ตั้งใจ รองจากการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนน โดยปี 2557 ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากการพลัดตกหกล้มสูงถึง 2,007 คน หรือเฉลี่ยวันละ 6 คน เป็นกลุ่ม “ผู้สูงอายุ” 909 คน หรือเฉลี่ยวันละ 3 คน
นอกจากนี้ ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา หรือตั้งแต่ปี 2548-2557 เพศชายมีอัตราการเสียชีวิตจากการพลัดตกหกล้มสูงกว่าเพศหญิง 3.4 เท่า และจากรายงานการสำรวจสุขภาพประชาชนไทย โดยการตรวจร่างกาย พบว่า เพศชายร้อยละ 60 หกล้มนอกบ้าน ขณะเดินทาง เช่น ถนนในซอย บนสะพาน และในสถานที่ทำงาน ไร่ นา ส่วนเพศหญิงมากกว่าครึ่ง หรือร้อยละ 55 หกล้มในบ้าน เช่น ห้องนอน ห้องครัว ห้องน้ำ เป็นต้น
“สาเหตุ” ส่วนใหญ่เกิดจากตัวผู้สูงอายุ ได้แก่ ร่างกาย และความสามารถที่ลดลง เช่น มองเห็นไม่ชัด สายตาผิดปกติ เดินเซ รับรู้ช้า มีโรคประจำตัว หรือโรคเรื้อรัง มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม เช่น ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ออกกำลังกาย สวมใส่รองเท้าและเสื้อผ้าที่ไม่พอดี รวมถึงเกิดจาก “สิ่งแวดล้อม” เช่น พื้นและบันไดลื่น พื้นต่างระดับไม่เรียบ แสงสว่างไม่เพียงพอ ไม่มีราวจับบริเวณบ้าน บันได และห้องน้ำ โดยการ “บาดเจ็บ” มีตั้งแต่อาการเล็กน้อย เช่น ฟกช้ำ แผลถลอก กระดูกหัก จนถึงขั้นรุนแรง “เสียชีวิต” ได้
“นพ.อำนวย” ระบุว่า การ “ป้องกัน” และลดปัจจัยเสี่ยงต่อการพลัดตกหกล้มของผู้สูงอายุ มีดังนี้ 1.สังเกตความผิดปกติของการมองเห็น เช่น มองเห็นไม่ชัดเจน ตาพร่ามัว บอกระยะห่างไม่ได้ เป็นต้น 2.สังเกตความผิดปกติของการเดิน การทรงตัว เนื่องจากผู้สูงอายุมีกลไกการทำงานที่ควบคุมการทรงตัวของระบบอวัยวะต่างๆ ลดลง 3.สังเกตความผิดปกติทางด้านการรับรู้ เช่น หลงลืมวัน เวลา สถานที่ หรือตอบสนองช้าลง 4.ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการใช้ยาที่ทำให้เสี่ยงต่อการพลัดตกหกล้ม ได้แก่ ยาที่ทำให้ง่วงซึม ยากล่อมประสาท ยาลดความดันโลหิต เป็นต้น
5.ประเมินที่อยู่อาศัย ทั้งในบ้านและบริเวณบ้าน โดยเฉพาะ “ห้องน้ำ” ควรกว้าง 1.5-2 เมตร ไม่มีธรณีประตู ใช้ “โถส้วม” ชนิดนั่งราบหรือนั่งห้อยขา มีราวจับในห้องน้ำ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 4 เซนติเมตร เป็นต้น ส่วน “ห้องนอน” ผู้สูงอายุควรอยู่ชั้นล่าง เพื่อความปลอดภัย 6.ควรออกกำลังกาย เน้นการทรงตัวและทักษะการเคลื่อนไหว เช่น โยคะ ไทเก๊ก เป็นต้น
7.ควรเปลี่ยนท่าช้าๆ เพื่อป้องกันภาวะความดันตกในท่ายืน หน้ามืด วิงเวียน จะเป็นลม ขณะลุกนั่งหรือยืนทุกครั้ง
และ 8.ผู้นำชุมชนและคนในชุมชน ควรร่วมกันสำรวจสิ่งแวดล้อมหรือ “จุดเสี่ยง” ในชุมชน เช่น พื้นทางเดิน ถนน กำหนดและร่วมปรับปรุงแก้ไขจุดเสี่ยงต่างๆ และสนับสนุนกิจกรรมป้องกันการพลัดตกหกล้มของผู้สูงอายุ เช่น การออกกำลังกายแบบไทเก๊ก โยคะ การรำมวยจีน การเดิน ว่ายน้ำ เป็นต้น
นี่คือ “8 คาถา” ป้องกันภัยจากการพลัดตกหกล้ม ที่คนใกล้ชิดผู้สูงอายุต้องใส่ใจ ก่อนทุกอย่างจะ “สายเกินไป”…