ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/582726
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 27 ก.พ. 2559 05:01

กุ้งเหยียด…! ทำไมต้องเป็นของป้าสุนทร?
กุ้งเหยียด ก็คือกุ้งหวาน เรียงตัวตรง ของป้าตอนนี้ดังไปทั่ว เวลาคนสั่งซื้อก็บอกว่าเอาของป้าสุนทร ต้องมียี่ห้อป้า ถึงจะใช่และแน่นอน…อร่อย
ป้าสุนทร ชื่อจริง สุนทร สุวรรณนาวิน อายุ 72 ปี บ้านเลขที่ 256 หมู่ 3 บ้านสาขลา ตำบลนาเกลือ อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ กว่าจะมาถึงวันนี้ ป้าสุนทรล้มลุกคลุกคลานมาพอสมควร
เมื่อก่อนคนแถวนี้ทำนาเกลือ ป้าสุนทรทำนาเกลือ พอขายเกลือไม่ได้ ก็เปลี่ยนมาทำวังกุ้ง
พอได้กุ้งมาก ป้าสุนทรคิดจะลองต้มกุ้ง ก็ชวนเพื่อนๆได้ 50 คน เก็บเงินคนละ 100 บาท รวมได้ 5,000 บาท ตั้งใจจะต้มกุ้งขาย แล้วไปบอกเจ้าหน้าที่เกษตร เป็นที่มาของกลุ่มแม่บ้านเกษตรนาเกลือพัฒนาสาขลา
หน้าที่ประธานกลุ่มป้าสุนทร เริ่มสอนแม่บ้านให้ทำกุ้ง ตอนนั้นยังไม่ทันตั้งชื่อกุ้งอะไร แรกๆขายไม่ค่อยดี วันหนึ่งไปประชุมกลุ่มแม่บ้านเกษตร 76 จังหวัด ที่พัทยา ก็เอากุ้งไปขาย คนซื้อกันมาก
ป้าสุนทรโทรศัพท์บอกลูกชายให้เอากุ้งมาเพิ่ม
ทำไมกุ้งถึงตัวตรง? คำถามจากคนชิมกุ้ง
“กุ้งมันขี้เกียจน่ะสิ มันถึงไม่ยอมงอ” ป้าสุนทรว่า
คำตอบของป้า กุ้งขี้เกียจ ก็กลายเป็นกุ้งเหยียดมานับแต่นั้น
ผ่านไปครึ่งปี การทำกุ้งเหยียดขาย มีกำไรในการแบ่งสรรปันส่วนไม่มาก แม่บ้านบางคนก็ออกไปรับจ้างงมหอยแครงบ้าง ออกไปทำขายเองบ้าง กลุ่มแม่บ้านก็เลยเลิก
แต่ป้าสุนทรก็ยังคงทำกุ้งเหยียดขายต่อไป เจ้าหน้าที่เกษตรบอกให้ส่งกุ้งเหยียดเข้าประกวดเป็นสินค้าโอทอป ได้รับรางวัลระดับ 3 ดาวและ 5 ดาวในเวลาต่อมา
“กุ้งเหยียดของป้า เป็นเจ้าเดียวที่มีตราโอทอป” ป้าสุนทรว่า
“เมื่อก่อนเราส่งสินค้าไปคัดสรร ถึงได้ดาวมา บางร้านแค่ไปจด ทะเบียนกับอำเภอ แต่ไม่ได้คัดสรรก็เอามาเขียนเป็นโอทอปมันไม่ถูก”
กุ้งเหยียดร้านป้าสุนทรมีสติกเกอร์ติดที่ถุง ป้าสุนทรบอกว่า ติดไว้ตั้งแต่ตอนได้ 3 ดาว ส่วนตอนได้ 5 ดาว ป้าสั่งทำสติกเกอร์ 3 ดาวไปมาก ก็ยังต้องใช้อันเก่า
ถือว่าลูกค้าได้กำไรไปสองดาว
ป้าสุนทรไปออกร้านครั้งแรกที่เมืองทอง ตั้งแต่เมืองทองยังไม่ดัง เจ้าหน้าที่ที่จัดงานมาเชิญไปต้มขาย ต้มกันอยู่ข้างล่างให้คนดู แล้วส่งขึ้นไปขายข้างบน
เอากุ้งไป 100 กิโล ใส่ถังน้ำแข็ง เอาเตา เอาหม้อไป คนช่วยต้มสามสี่คน จ้างคนละ 200 บาท ขายกิโลละ 300 บาท เรียกว่าต้มกันแทบไม่ทันเลยทีเดียว
เวลาไปออกร้าน มีเพื่อนไปเป็นทีม 4 คน ป้าสุนทรขายกุ้งเหยียด เพื่อนขายขนมเกสรลำเจียก ขนมจาก และปลาสลิด
“ตอนนี้ไม่ค่อยได้ไป ค่าโสหุ้ยแพง ค่าที่ก็สี่ห้าพัน ขายไม่ค่อยดี มีคนเลียนแบบเยอะ”
เมื่อก่อนไปไม่ต้องเสียค่าที่ ไปกลับแค่หกเจ็ดร้อย เดี๋ยวนี้ไปอย่างเดียวพันกว่า ไปกลับก็กว่าสองพัน ไหนจะค่าอะไรหลายอย่าง
ป้าสุนทรย้อนอดีต ก่อนจะมีกุ้งเหยียด…คนทำกุ้งเจ้าแรกของตำบลนาเกลือ เขาทำแบบไม่หวาน ตัวกุ้งงอ เรียกว่ากุ้งเค็ม
ส่วนการทำกุ้งเหยียดของป้าสุนทร คือเรียงกุ้งดัดให้ตัวตรงเรียงกันไป แต่ละชั้นโรยด้วยน้ำตาลใช้สี่กิโลครึ่ง ส่วนเกลือสามถุงเล็ก เสร็จแล้วเอาตะแกรงลงทับตรงช่วงหลังกุ้ง อย่าทับหัว
การตั้งไฟต้องใช้ไฟอ่อน พอครึ่งชั่วโมง น้ำในตัวกุ้งเริ่มออก หรี่ไฟปานกลาง ต้มไปอีกชั่วโมง พอน้ำงวดก็เปิดฝาตลบกุ้งขึ้น
เทคนิคสำคัญของการทำกุ้งเหยียด ถ้าน้ำยังไม่แห้งต้องปล่อยให้แห้ง ห้ามเปิดฝาดู ถ้าเปิดฝากุ้งจะตัวงอ ต้องคอยเฝ้า ถ้าลืมจนกุ้งไหม้ แม้ตัวสองตัวก็ไหม้หมดหม้อ เสร็จแล้วเทกุ้งใส่ตะกร้ารอให้เย็นถึงจะแพ็กได้
ตอนแรกๆไม่ได้ทำอย่างที่เล่า ป้าสุนทรใช้เขียงทับเอาครกวางบนเขียง คราวหนึ่งยกครกร่วงทับเท้าเจ็บ จึงคิดหาวิธีใหม่ไปซื้อปูนมาโบกกับตะแกรงแล้วมีเหล็กโค้งเป็นตัวจับ ได้เป็นที่ทับแทนครก
ตอนส่งสินค้าประกวดสินค้าโอทอปก็ไม่ใช้เขียง เพราะถ้าต้มไปนานๆจะมีเศษไม้ ต้องใช้ตะแกรงหิน
ฟังป้าเล่าจนเพลิน ถามป้าว่า ต้มขายกันเต็มไปหมด รสชาติเหมือนกันทุกร้านรึเปล่า?
“อยู่ที่สูตรมากกว่า” ป้าสุนทรโบกมือไปมา “ตัวกุ้งอาจดูเหมือน แต่รสชาติไม่เหมือน บางร้านขี้เหนียวก็เค็มไป บางร้านใส่ขัณฑสกร ใส่แบะแซ ก็หวานเกินไป”
ป้าไม่ได้รู้เรื่องนี้เอง วันนั้นกุ้งป้าหมด มีลูกค้าโทร.มา ป้าจะไปเอาร้านอื่นให้ เขาก็บอกเอา ป้าไปเอามาลองชิมดูถึงรู้ว่าเขาต้มแฉะไม่ได้ที่ รสชาติป้าใช้คำว่า “หวานเฉื่อย”
ป้าจึงรู้ว่ากุ้งเหยียดของป้าต่างจากเจ้าอื่น ตรงที่ต้องต้มให้ถึงน้ำตาล เคี่ยวนานจนแห้ง เพื่อให้น้ำตาลเกาะ หากต้มไม่นาน ตัวกุ้งจะแฉะ อยู่ได้แค่ 2 วันก็เสีย
“บางเจ้าต้มไม่เหมือนป้า ลูกค้าซื้อกุ้งไปแล้วเสียก็มาต่อว่า เราก็ถาม ตอนซื้อถุงยี่ห้อนี้ไหม ถ้าใช่ยี่ห้อนี้ก็รับ แต่คิดว่าไม่ใช่ยี่ห้อฉันแน่” ป้าสุนทรว่า
มีคนขอเรียนทำกุ้งเหยียด ป้าก็สอนไป ตอนนี้ไปต้มขายอยู่ที่วัดสมานรัตนาราม ฉะเชิงเทรา
เขาก็ไปทำขายอยู่ที่โน่น พอรู้ว่าป้าไปเที่ยวก็ตามหา พอเจอก็เรียกให้ไปชิมดู รสเดียวกับป้าไหม เพราะกว่าจะทำได้ ขาดทุนเพราะไหม้ไปหลายหม้อ
ป้าสุนทรยังไปสอนเด็กนักเรียน ที่โรงเรียนราฟาแอล ทางโรงเรียนทำโล่มาให้ ส่วนนักเรียนโรงเรียนเทศบาล 5 มาเรียนที่บ้านป้าแล้วไปประกวดที่มหาชัย ได้เหรียญทอง เขาก็ทำโล่มาให้เป็นโล่ที่สองป้ามีโล่ตั้งอยู่ที่บ้านจนเต็มบ้าน จนไม่อยากนับว่ามีเท่าใด
กุ้งเหยียดของป้าสุนทรดังมาก มีคนซื้อใส่กล่องไปกินเมืองนอก ออกทีวีหลายรายการ เช่น คู่เลิฟตะลอนทัวร์ ถึงพริกถึงขิง ฯลฯ ชื่อป้าสุนทรคนรู้จักมาขึ้นเรื่อยๆ จนได้รางวัลแม่ดีเด่นแห่งปี ในวันแม่แห่งชาติ สาขาการเกษตร เมื่อปี 2538
รางวัลแม่ดีเด่นไม่ได้มาง่ายๆ ป้าเล่าว่าเจ้าหน้าที่พาไปสอบที่สำนักงานเกษตรจังหวัดระยอง ไปเกือบไม่ทัน ตอนนั้นเหลือเวลา 5 นาทีจะตกคิวอยู่แล้ว
ป้าขอร้อง สัมภาษณ์ป้าเถอะ ป้ามาไกล มาจากสมุทรปราการ
แล้วป้าก็เล่าว่า ตอนนั้น ตอนลุงกับป้าอยู่ด้วยกันใหม่ๆ ทั้งบ้านมีเงินแค่บาทเดียว จะซื้ออะไรกินก็ไม่ได้ ก็เลยบอกให้ลุงออกไปหาสตางค์
ลุงออกไปขนเกลือขึ้นเรือ หาบเกลือได้วันละ 10 บาท ส่วนป้าช่วยซอยเกลือได้วันละ 7 บาท ทำอยู่หลายปี เก็บเงินจนมีเงินปลูกบ้าน และได้ทำนาเกลือของตัวเอง
กุ้งเหยียดของป้า ทุกวันนี้ยังทำกันในครอบครัว มีลูกสาวกับหลานสะใภ้ช่วย
ป้าเริ่มยกกิจการให้ลูกสาวบ้าง แต่กระนั้น ตัวป้าเองก็นั่งขายอยู่หน้าบ้าน งานของคนค้าขาย ต้องช่างพูดช่างเจรจา คนมาซื้อมักถามหาป้า ถ้าป้าอยู่คนมาซื้อเขาชอบ เขาว่าป้าใจดี พูดเก่ง ยิ้มเก่ง
ป้าคุยว่า วันอาทิตย์อยากให้มาเดินดู มองไปทางไหนเห็นคนนั่งขายกุ้งเต็มไปหมด จนชื่อตำบลนาเกลือ จะกลายเป็นตำบลกุ้งเหยียดไปแล้ว.