นายสรสิทธิ์ สุนทรเทศ กรรมการและเลขานุการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค.59 เป็นต้นไป การคุ้มครองเงินฝากของประชาชนจะลดระดับจาก 25 ล้านบาทต่อราย ลงมาเหลือ 1 ล้านบาทต่อราย ตามที่กฎหมายกำหนด โดยในช่วงที่ผ่านมา สคฝ.ได้ทำความเข้าใจกับสถาบันการเงินและผู้ฝากเงินรายใหญ่เพื่อให้เกิดความรู้และความเข้าใจในการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้อย่างต่อเนื่อง จึงคาดว่า หลังจากวันที่ 11 ส.ค.59 ไปแล้ว จะไม่เกิดปัญหาเรื่องการย้ายเงินฝากของสถาบันการเงิน ซึ่งปัจจุบันประชาชนที่ฝากเงินกับสถาบันการเงินทั้งหมด 36 แห่ง มียอดเงินต่ำกว่า 1 ล้านบาท มีประมาณ 98% ส่วนที่เหลืออีก 1-2% เป็นผู้ฝากรายใหญ่

“ยอดเงินฝาก ณ สิ้นปี 58 มีอยู่ประมาณ 12 ล้านล้านบาท มีประชาชนฝากเงินกับสถาบันการเงินมากกว่า 69 ล้านบัญชี โดยในจำนวนนี้ มีเงินฝากต่ำกว่า 1 ล้านบาทถึง 98% ที่เราสามารถดูแลและคุ้มครองเงินฝากได้”

นายสรสิทธิ์กล่าวต่อว่า ปัจจุบันผู้ฝากเงินรายใหญ่มีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องเงินฝากมากขึ้น นอกจากนี้ สถาบันการเงินเกือบทุกแห่งยังเปิดบริการดูแลลูกค้าเงินฝากรายใหญ่ จึงทำให้ความกังวล หรือข้อสงสัยต่างๆลดลงจากอดีตที่มีการคุ้มครองเงินฝาก ครั้งแรกเมื่อปี 2550 ที่คุ้มครองเงินฝาก 100% ลดลงมาเหลือ 25 ล้านบาท และ 1 ล้านบาทในที่สุด

“ผู้ฝากเงินรายใหญ่มีความรู้มากกว่าในอดีตมาก โดยมีการกระจายเงินฝาก หรือนำเงินฝากไปลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นที่มีผลตอบแทนสูงมากขึ้น ทำให้ความเสี่ยงจากการลงทุนลดลง”

นอกจากนี้ สคฝ.ยังอยู่ระหว่างการแก้ไขกฎหมายเพื่อเพิ่มความคล่องตัวให้แก่ผู้ฝากเงิน กรณีได้รับเงินคืนเนื่องจากมีการปิดสถาบันการเงิน ซึ่งจากเดิมต้องใช้ระยะเวลาในการคืนประมาณ 120 วัน จะลดลงเหลือ 30 วัน เนื่องจากปัจจุบันข้อมูลคอมพิวเตอร์มีการเชื่อมโยงและทันสมัยมากขึ้น ทำให้ สคฝ.สามารถคืนเงินให้แก่เจ้าของเงินได้ทันที โดยเจ้าของเงินไม่ต้องแจ้ง หรือยื่นเรื่องขอเงินคืนกับ สคฝ.อีกต่อไป.