ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน
http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05121150958&srcday=2015-09-15&search=no
| วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 27 ฉบับที่ 607 |
บัญชีชาวบ้าน
วิโรจน์ เฉลิมรัตนา virojch@yahoo.com
กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.)
กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ได้เปิดกองทุนให้มีผู้เข้าไปสมัครได้ ตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม 2558 ที่ผ่านมา โดยสามารถเข้าไปสมัครได้ที่ธนาคาร 3 แห่ง คือ ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
ผู้ที่มีสิทธิในการเป็นสมาชิกคือ มีสัญชาติไทย อายุ 15-60 ปี ไม่อยู่ในกองทุนตามกฎหมายอื่นที่ได้รับเงินสมทบจากรัฐหรือนายจ้าง และไม่อยู่ในระบบบำเหน็จบำนาญภาครัฐหรือเอกชน
นั่นหมายถึงว่า ผู้สมัครต้องไม่ใช่ผู้ที่อยู่ในระบบประกันสังคม หรือมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือเป็นข้าราชการ หรือมีโครงการบำเหน็จบำนาญในภาครัฐหรือองค์กรเอกชน
อันที่จริงช่วงอายุที่เขากำหนดคือ 15-50 ปี แต่กฎหมายเปิดช่องไว้ว่าในปีแรกที่เปิดกองทุน คนอายุ 50 ปีขึ้นไป มีสิทธิสมัครสมาชิกและเป็นสมาชิกต่อไปได้อีก 10 ปี นับตั้งแต่วันที่สมัคร
ส่วนผู้ที่เคยเป็นผู้ประกันตนในกองทุนประกันสังคม มาตรา 40 สามารถโอนย้ายมา กอช. ได้ โดยทางเลือกที่ 1 สามารถสมัครเป็นสมาชิก กอช. ได้เลย ทางเลือกที่ 2 (มีบำเหน็จ) ต้องย้ายไปอยู่ทางเลือกที่ 1 ก่อน จึงจะมีสิทธิเป็นสมาชิก กอช. ได้ ทางเลือกที่ 3 (ชราภาพ มีบำนาญ) ทางเลือกที่ 4 (มีเงินบำนาญ) และทางเลือกที่ 5 (มีเงินบำเหน็จและบำนาญ) มีสิทธิโอนมาเป็นสมาชิกของ กอช. ตามความสมัครใจ
ผู้ที่อยู่ในประกันสังคม มาตรา 40 ทั้ง 5 ทางเลือกต้องแสดงความจำนงขอโอนมาเป็นสมาชิก กอช. ภายใน 180 วัน (ประมาณภายใน 6 เดือน นับจากวันที่ 20 สิงหาคม 2558) โดยสามารถโอนเงินสะสมทั้งจำนวนจากกองทุนประกันสังคม มาเป็นเงินสะสมในบัญชีรายบุคคลของสมาชิกในกองทุน กอช. แต่รัฐบาลไม่ต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุน
ที่ต้องมีรายละเอียดดังกล่าว เนื่องจากผู้ที่อยู่ในกองทุนประกันสังคม ทางเลือกที่ 1 มีสิทธิประโยชน์คุ้มครอง 3 กรณี คือ ประสบอันตราย/เจ็บป่วย ทุพพลภาพ และตาย แต่ไม่มีสิทธิประโยชน์เกี่ยวกับชราภาพ ในขณะที่ ทางเลือกที่ 2 มีสิทธิประโยชน์ 3 กรณี บวกกับมีบำเหน็จ (ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกรณีชราภาพ) ทางเลือกที่ 3 ชราภาพ มีเงินบำนาญ ทางเลือกที่ 4 มีสิทธิประโยชน์ 3 กรณี บวกกับมีบำนาญ ทางเลือกที่ 5 มีสิทธิประโยชน์ 3 กรณี บวกกับมีบำเหน็จ และบำนาญ
ส่วนผู้ประกันตนตาม มาตรา 33 (มีนายจ้าง) และ มาตรา 39 (เคยทำงานในระบบต่อมาลาออก และยังส่งเงินประกันสังคมเอง) นั้น หากเราดูจากถ้อยคำที่ กอช. ระบุว่า “ผู้สมัครต้องไม่เป็นผู้ประกันตนตามกฎหมายว่าด้วยประกันสังคม ซึ่งส่งเงินเพื่อได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ” ก็ดูเหมือนจะไม่มีสิทธิ์สมัคร ประเด็นนี้อาจจะต้องลองสอบถามหรือติดตามคำชี้แจงเพิ่มเติมจาก กอช. ต่อไป
การจ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนนั้น สมาชิกต้องเริ่มสะสมเงินงวดแรกพร้อมไปกับการสมัครสมาชิก และต้องสะสมไม่น้อยกว่าครั้งละ 50 บาท แต่เมื่อรวมกันแล้วไม่เกินกว่า 13,200 บาท ต่อปี (หากเฉลี่ยดู เท่ากับเงินสะสมขั้นสูงสุดที่สมาชิกสามารถสะสมได้คือ 1,100 บาท ต่อเดือน)
เมื่อเราส่งเงินสะสม รัฐจะจ่ายเงินสมทบให้ภายในสิ้นเดือนถัดไป โดยเงินสมทบจะเป็นสัดส่วนของเงินที่สะสมแต่ละงวด และสัมพันธ์กับอายุของสมาชิกในขณะที่ส่งเงินสะสม โดยมีเพดานเงินสมทบของรัฐกำหนดไว้
ถ้าอายุ 15-30 ปี เงินสมทบที่รัฐบาลจ่ายให้คือ 50% ของเงินสะสม ไม่เกิน 600 บาท ต่อปี
ถ้าอายุ 30-50 ปี เงินสมทบที่รัฐบาลจ่ายให้คือ 80% ของเงินสะสม ไม่เกิน 960 บาท ต่อปี
ถ้าอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป เงินสมทบที่รัฐบาลจ่ายให้คือ 100% ของเงินสะสม ไม่เกิน 1,200 บาท ต่อปี
เงินสะสมไม่จำเป็นต้องส่งทุกเดือน และไม่ต้องสะสมเท่ากันทุกครั้ง นอกจากว่าหากปีใดไม่สามารถนำส่งเงินสะสมได้ กอช. จะคงสิทธิ์ไว้ และรัฐจะไม่ส่งเงินสมทบให้ ในจุดนี้เท่ากับสมาชิกสามารถวางแผนการออมด้วยตนเองเพื่อให้สอดคล้องกับรายได้ของตนเอง และหากช่วงใดมีรายได้แล้วสมาชิกก็ควรพิจารณาเพิ่มเงินสะสมเพื่อชดเชยช่วงเวลาที่ไม่ได้ส่งเงินสะสม เพื่อให้แผนการออมเป็นไปตามเป้าหมาย และไม่เสียประโยชน์จากเงินสมทบที่รัฐจะจ่ายให้
เมื่อเราส่งเงินสะสมไปจนอายุครบ 60 ปี จะได้รับเงินบำนาญรายเดือน และเราไม่สามารถถอนเงินออกมาใช้ก่อน นอกจากจะลาออกจากสมาชิกแล้วเท่านั้น จำนวนเงินบำนาญจะมีจำนวนเงินตามสัดส่วนจำนวนเงินสะสมที่เรามีอยู่เมื่ออายุครบ 60 ปี ดังนั้น หากเราส่งเงินสะสมน้อยเกินไป จำนวนเงินบำนาญที่เราจะได้ก็จะไม่เพียงพอสำหรับการใช้จ่ายในช่วงบั้นปลายชีวิต
ผมอยากให้เราคิดง่ายๆ ว่า การเป็นสมาชิก กอช. นั้น คือเราได้ใช้กลไกของกองทุนการออมแห่งชาติในการบังคับตนเองให้เริ่มเก็บออมเงินตั้งแต่ช่วงอายุน้อยๆ และช่วงที่มีรายได้ เราต้องวางแผนการออมควบคู่ไปกับการกำหนดเป้าหมายเงินสะสมตอนอายุ 60 ปี ไว้ด้วย คิดเสมือนหนึ่งเราเก็บออมเงินด้วยตัวเราเอง แต่กรณีเป็นสมาชิกจะดีกว่าที่รัฐจะจ่ายเงินสมทบให้เราเพิ่มเติม ตัวเลขการออมและเป้าหมายหรือจำนวนเงินบำนาญที่เราจะได้รับตอนอายุครบ 60 ปี เราสามารถสอบถาม ตรวจสอบตัวเลขกับเจ้าหน้าที่ได้โดยตรง กอช. จะมีตารางที่คำนวณไว้เป็นแนวทางให้เราประกอบการวางแผนและตัดสินใจ และที่สำคัญเราต้องมีวินัยในการนำส่งเงินสะสมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการออมเพื่อไว้ใช้ในยามชราอย่างแท้จริง