บอนไซดี ที่ราชบุรี

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05038150958&srcday=2015-09-15&search=no

วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 27 ฉบับที่ 607

ไม้ดอกไม้ประดับ

ธีรวุฒิ เหล่าสงคราม

บอนไซดี ที่ราชบุรี

บอนไซ ไม่ได้เป็นแค่ต้นไม้ แต่ยังได้รับการยกย่องให้เป็นศิลปะแห่งสันติภาพที่เป็นสะพานเชื่อมสู่สันติภาพของโลกและยังแสดงถึงความพากเพียรของผู้เลี้ยง

ประวัติของบอนไซโลกและบอนไซไทย

เมื่อพูดถึง “บอนไซ” หลายๆ ท่านคงคิดว่าเป็นต้นไม้ชนิดหนึ่ง แต่ที่จริงแล้ว “บอนไซ” เป็นชื่อที่ใช้เรียก ต้นไม้ย่อส่วน หรือไม้แคระนั่นเองครับ

คำว่า “บอนไซ” เป็นคำทับศัพท์ของภาษาญี่ปุ่น หรือแปลเป็นไทยว่า “ไม้แคระ” บอนไซนี้มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน มีการเพาะเลี้ยงก่อนสมัยสงครามโลก ครั้งที่ 2 โดยเริ่มในราชวงศ์จิ้น ราวปี พ.ศ. 808-963 โดย ดูหยาน-หมิง จินตกวีชาวจีนที่เป็นผู้ริเริ่มปลูกต้นไม้ ไม้ดอกในกระถางเป็นท่านแรก ต่อมาในราชวงศ์ถังได้เรียกไม้ย่อส่วนนี้ว่า “เผิน วัน” ซึ่งได้รับความนิยมมากในราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิง ซึ่งรู้จักกันในนาม “เผิน ชิง”

ในช่วงต้นสมัยสาธารณรัฐประชาชนจีน ช่วงปี พ.ศ. 2443 ได้มีการเปลี่ยนแปลง การปลูกเลี้ยงและการตัดแต่งกิ่งบอนไซเกิดขึ้น คือรูปแบบและรูปทรงต้นไม้ย่อส่วน ประกอบด้วยลักษณะโบราณที่เต็มไปด้วยความงดงาม และวิธีการนี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อ “หลิงหนานพ่าย” ประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้แพร่กระจายเรื่องบอนไซ เเละความสามารถในการเล่นบอนไซได้เป็นที่รู้จักกันทั่วโลกคือ ประเทศญี่ปุ่น โดยเริ่มจากข้าราชการจีนที่ลี้ภัยไปอาศัยอยู่ที่ญี่ปุ่นและได้นำตำราบอนไซไปด้วย ต่อมาหลังสงครามโลก ครั้งที่ 2 บอนไซได้แพร่ไปยังฝั่งตะวันตก (ยุโรป) ซึ่งในประเทศญี่ปุ่นได้มีการตั้งสมาคมบอนไซหลายสมาคม แต่ที่ใหญ่ที่สุด ชื่อ Nippon Bonsai Association (สมาคมบอนไซแห่งประเทศญี่ปุ่น) ต่อมาได้จัดตั้งสหพันธ์บอนไซโลก World Bonsai Federation และได้ยกย่องให้บอนไซเป็นศิลปะแห่งสันติที่เป็นสะพานเชื่อมสู่สันติภาพของโลก

บอนไซ เข้ามาในช่วงสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยพ่อค้าชาวญี่ปุ่น เป็นผู้นำเข้ามา แต่ในสมัยกรุงรัตนโกสินไม่ค่อยได้รับความนิยม และเพิ่งจะกลับมาได้รับความนิยมเมื่อ 30 ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ก็ถือว่า บอนไซ นี้มีความเป็นมาในประเทศไทยนานมากเลยนะครับ

บอนไซ ที่ราชบุรี

ก่อนจะไปรู้จัก บอนไซ ที่ราชบุรี ผมต้องบอกก่อนว่า ตอนแรกผมคิดว่าบอนไซนั้นเป็นชื่อต้นไม้ชนิดหนึ่ง อยู่มาวันหนึ่งผมไปเดินตลาดนัดจตุจักร และได้เห็นต้นไม้ที่มีขนาดและรูปทรงที่แปลกตา ได้เข้าไปสอบถามกับคนขาย ทำให้ทราบว่า ต้นไม้ทั้งหมดคือ “บอนไซ” ตอนนั้นผมถึงบางอ้อทันที “บอนไซ” ที่จริงเป็นชื่อที่ใช้เรียก “ต้นไม้แคระ” แล้วนำบอนไซพวกนี้มาจากไหน คนขายบอกว่า บอนไซเหล่านี้มาจากราชบุรีนี่เอง มันประจวบเหมาะกับที่ผมได้รับมอบหมายงานพอดี ผมจึงกลับไปหาข้อมูล บอนไซ ที่ราชบุรี อยู่ตรงไหนกัน ค้นไปค้นมาก็ได้ทราบว่าอยู่ที่ ตำบลเกาะพลับพลา จังหวัดราชบุรี ซึ่งใกล้กับบ้านผม ผมจึงไปสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับบอนไซในบริเวณนั้นมาเพื่อทุกท่านครับ

คุณครูสมพงษ์ บัวผัน อายุ 72 ปี และ คุณครูทัศนัย บัวผัน อายุ 68 ปี (ภรรยา) อาศัยอยู่ที่ 139/1 หมู่ที่ 8 ตำบลเกาะพลับพลา อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี 70000 ในอดีตทั้งสองท่านได้เคยประกอบอาชีพครูสอนหนังสือและขายไม้ประดับ ประเภท ข่อยช่อ ตะโกช่อ มาก่อน

แรงบันดาลใจให้คุณครูเริ่มทำบอนไซ คุณครูกล่าวว่า “เมื่อได้ย้ายมาสอนที่โรงเรียนวัดโสดาประดิษฐาราม ตำบลเข้าแรง ซึ่งเป็นแหล่งของบอนไซ แล้วมีพ่อแม่ของนักเรียนนำมาขายให้ ครูได้ซื้อไว้ บวกกับครูสอนวิชาเกษตรและได้นำบอนไซนี้ไปเป็นผลงานของนักเรียนในงานแสดงผลงานนักเรียน ซึ่งนักเรียนส่วนใหญ่ช่วยพ่อแม่ทำบอนไซ จึงมาถามครูว่า ผมเอาอันนี้ไปแสดงได้ไหมครับ ก็เลยนำบอนไซไปแสดงในงานจัดแสดงผลงานนักเรียน และด้วยความที่คลุกคลีมาเป็นเวลานาน จึงเกิดเป็นความชอบและเพาะเลี้ยงบอนไซเรื่อยมา พอครูเกษียณก็เลยนำบอนไซกลับมาไว้ที่บ้าน ด้วยความที่สะสมมานาน ทำให้บอนไซมีจำนวนมาก เพราะจำนวนมากจึงเกิดการขาย เพราะเราต้องใช้ต้นทุนในการเลี้ยงบอนไซ”

วิธีการทำบอนไซ…คุณครูได้มาจากการไปสอบถามและคลุกคลีกับผู้ปกครองของเด็กนักเรียนที่คุณครูสนิท จึงทำให้คุณครูรู้วิธีการทำบอนไซ การขายของคุณครูเริ่มจากการแลกเปลี่ยนกันภายในชุมชน และคุณครูเคยขายข่อยช่อ ตะโกช่อ มาก่อน บวกกับบ้านอยู่ติดถนน ทำให้มีคนรู้จักและคนที่เดินทางเข้า-ออก มาในบริเวณนั้นเห็นได้ จึงทำให้มีคนเข้ามาติดต่อซื้อ-ขาย บอนไซ

ต้นไม้อะไรบ้าง

ที่สามาถทำบอนไซได้

ต้นไม้ที่สามารถเอามาทำบอนไซได้นั้น เป็นต้นไม้ชนิดใดก็ได้ แต่ต้องเป็นไม้ยืนต้น มีใบขนาดเล็ก มีเปลือกสวยงาม ชนิดที่ได้รับความนิยมที่บ้านของคุณครูมี บอนไซตะโก บอนไซมะสัง บอนไซหมากเล็กหมากน้อย สิ่งที่ทำให้ทั้ง 3 ชนิดนี้ได้รับความนิยม เพราะเป็นพันธุ์ไม้ที่หายาก และต้องใช้เวลาในการเลี้ยงนาน จุดเด่นของ บอนไซตะโก จะเป็นไม้เก่า ผิวสวย เป็นไม้ในวังในวัดมาก่อน ใครเห็นก็ติดใจ รองลงมาเป็นบอนไซมะสัง จุดเด่นอยู่ที่หนาม ใบ และเกล็ดที่ต้น บอนไซมะสังถ้าโตเต็มที่เกล็ดจะมีลักษณะคล้ายเกล็ดของขาไก่ จะคล้ายกับบ๊อกวูด แต่จะต่างกันที่บอนไซมะสังจะมีเกล็ดแค่บริเวณด้านล่างของต้น ต่อมาเป็นบอนไซหมากเล็กหมากน้อย มีจุดเด่นที่ ใบ ราก ลำต้น และอปุนิสัยที่เลี้ยงง่าย

ทรงต้นที่ได้รับความนิยม

และการขายบอนไซ

คุณครูบอกว่า “ได้รับความนิยมทุกทรงต้น แต่ทรงต้นที่ครูได้รับรางวัลจากการประกวด เป็นทรงต้น ไม้ตกกระถาง” ได้รับรางวัลในงาน พฤกษาสยาม SIAM BOTANICAL SHOW ครั้งที่ 16 จัดขึ้นที่ เดอะมอลล์ สาขาบางกะปิ ได้รับรางวัล บอนไซ ชนะการประกวด ประเภทน้องใหม่ เมื่อ วันที่ 5-7 มิถุนายน พ.ศ. 2558 ที่ผ่านมา

ส่วนการขาย คุณครูว่า “มันบอกยาก ต้องอยู่ที่ความเก่า ความใหญ่ ฟอร์มสวย แล้วก็ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของผู้ซื้อและผู้ขายมาตกลงกัน แต่คิดจาก ถ้าเขาจ้างเลี้ยง จะมีราคา 200 บาท ต่อเดือน (เลี้ยงจากไม้ขนาดใหญ่) ถ้า 100 บาท ต่อเดือน (เลี้ยงจากไม้ขนาดเล็ก) รวมอุปกรณ์ทุกอย่าง จะใช้เวลาในการเลี้ยง 5-20 ปี แล้วแต่สายพันธุ์ เพราะเหตุนี้จึงทำให้ประเมินราคาขายได้ยาก”

บอนไซ เลี้ยงยากหรือไม่

คุณครูกล่าวว่า “บอนไซ เลี้ยงไม่ยาก แต่ต้องคอยหมั่นสังเกต เพราะเหมือนลูกอ่อน และเป็นไม้ที่เราบังคับเขา แต่จะตามใจไม่ได้ จะทำให้ กิ่งบวม ลำต้นยืด มันจะไม้สวย” การดูแล ให้น้ำ 1 ครั้ง ต่อวัน ถ้าเป็นฤดูร้อน ให้ 2 ครั้ง ต่อวัน ให้ปุ๋ย 3-4 เดือนครั้ง โดยผู้เลี้ยงจะต้องหมั่นสังเกตลักษณะอาการ สภาพของบอนไซว่า มีลักษณะเป็นอย่างไร และให้ดูแลรักษาตามอาการที่แสดงออกมา

ดินของบอนไซจะเปลี่ยนปีละ 1 ครั้ง แต่บอนไซต้องอยู่ในดินเก่า 6 เดือนขึ้นไป สำหรับกระถาง คุณครูกล่าวว่า “กระถางนี้ จะต้องดูฟอร์มของไม้เป็นเกณฑ์ว่าไม้สามารถไปได้แค่ไหน ที่ทำอยู่ไม้เร็ว จะอยู่ที่ 2-3 ปี เปลี่ยนที แต่ถ้าเป็นไม้ช้า อาจจะ 3-5 ปี เปลี่ยนกระถางที”

โรคและแมลงที่พบมี โรครากเน่า เกิดจากเชื้อราภายในดิน อาการใบของบอนไซจะเริ่มมีสีเหลือง และต้นจะโตช้า วิธีป้องกัน ให้กำจัดทิ้งทันที เพื่อไม่ให้ระบาดไปยังต้นอื่น แมลงเจาะต้น วิธีป้องกัน ใช้สารชีวภาพ ซึ่งเป็นสารสกัดสมุนไพรจากธรรมชาติ หรือใช้สารเคมีกำจัดแมลง (ใช้ในปริมาณที่เหมาะสม) ฉีดพ่นในบริเวณที่พบสาเหตุ

สำหรับผู้ที่เริ่มเลี้ยงบอนไซ

คุณครูบอกว่า สำหรับคนที่เริ่มเลี้ยง อย่าเพิ่งท้อ สามารถเข้าไปปรึกษาคุณครูได้ และแนะนำให้เลี้ยงไม้เนื้ออ่อนก่อน เพราะมันโตเร็ว แล้วจะทำให้ผู้เลี้ยงมีกำลังใจ

นอกจากบอนไซแล้ว คุณครูยังจำหน่าย ข่อยช่อ ตะโกช่อ และสำหรับผู้ที่สนใจบอนไซและอยากได้คำปรึกษา ติดต่อได้ที่ 139/1 หมู่ที่ 8 ตำบลเกาะพลับพลา อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี 70000 โทรศัพท์ (032) 369-083, (081) 944-3645 Facebook : บอนไซ-ไม้ดัด ครูสมพงษ์ Sompong Bonsai

Leave a comment