ปลาหมอแปลงเพศ และงานดีๆ ที่วิทยาลัยเกษตรฯ อุดร

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05089150958&srcday=2015-09-15&search=no

วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 27 ฉบับที่ 607

เทคโนโลยีการประมง

ทะนุพงศ์ กุสุมา ณ อยุธยา

ปลาหมอแปลงเพศ และงานดีๆ ที่วิทยาลัยเกษตรฯ อุดร

วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีอุดรธานี สถานศึกษาอาชีวศึกษาต้นแบบเกษตรอินทรีย์และประมง ได้รับการรับรองคุณภาพการศึกษา จากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) และได้ผลิตบุคลากรเป็นกำลังสำคัญด้านการเกษตรเพื่อพัฒนาประเทศ สถาบันแห่งนี้มีอายุครบ 80 ปี ไปเมื่อปี 2556

วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีอุดรธานี จัดตั้งและจัดการเรียนการสอนครั้งแรก เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2476 โดยมีเจตนารมณ์เพื่อเป็นสถานที่อบรมสั่งสอนบุตรหลานเกษตรกรให้มีความรู้ด้านเกษตรไปถ่ายทอดต่อบิดา มารดา หรือเครือญาติที่มีอาชีพทำการเกษตร อันจะเป็นแนวทางในการพัฒนาประเทศอีกทางหนึ่ง

ทั้งยังเป็นสถานศึกษาที่มีความพร้อมในการจัดการศึกษาอาชีวศึกษาเกษตร เนื่องจากมีพื้นที่เพื่อการศึกษาและงานฟาร์ม จำนวน 486 ไร่ มีการจัดการเรียนการสอนในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) และในระดับปริญญาตรีสายปฏิบัติการด้านเกษตรกรรมและบริหารธุรกิจ โดยให้บริการผู้เรียนทั้งในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน

เมื่อคราวทีมงานเทคโนโลยีชาวบ้านลงพื้นที่จังหวัดอุดรธานี ได้มีโอกาสเข้าเยี่ยมสถานศึกษาแห่งนี้ พร้อมกับได้รับฟังข้อมูลเกี่ยวกับหลักสูตรการเรียนการสอนในปัจจุบัน ตลอดจนวิสัยทัศน์ที่น่าสนใจจากคณาจารย์และผู้บริหาร

อาจารย์อุดมภูเบศวร์ สมบูรณ์เรศ ผู้อำนวยการสถาบันการศึกษาแห่งนี้ กล่าวว่า วิทยาลัยแห่งนี้เริ่มก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2476 เรื่อยมา จนถึงเวลาหนึ่งต้องหยุดไปเป็นเวลา 24 ปี จากนั้นเริ่มมาเปิดดำเนินการอีกครั้งเมื่อปี 2504 พร้อมกับจัดแผนการเรียนการสอนแบบใหม่ ดังนั้น ในปี 2558 นี้ จึงนับเป็นปีที่ 82 ของการก่อตั้งวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีอุดรธานี

สำหรับกระบวนการจัดการเรียนการสอนมีตั้งแต่ระดับ ปวช., ปวส. หลายสาขา อีกทั้งในปี 2558 นี้ ได้เปิดระดับปริญญาตรี สาขาประมง ขณะเดียวกันทางสถาบันได้ตระเตรียมเพื่อจะเปิดสอนระดับปริญญาตรี สาขาเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ซึ่งถือเป็นสาขาดีเด่นของวิทยาลัยแห่งนี้

นอกจากนั้น งานฟาร์มที่โดดเด่นจะเป็นทางด้านประมง เพราะสามารถตอบสนองต่อเกษตรกรในพื้นที่หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นที่อุดรธานี หนองคาย เนื่องจากชาวบ้านยึดอาชีพเลี้ยงปลากันจำนวนมาก โดยเฉพาะบริเวณลุ่มแม่น้ำโขงที่เลี้ยงปลากระชัง

ปัจจุบัน มีนักศึกษารวมทั้งสิ้น 600 คน มีสาขาที่เปิดสอน ได้แก่ ประเภทวิชาเกษตรกรรม วิชาพาณิชยกรรม วิชาประมง วิชาบริหารธุรกิจ และหลักสูตรปริญญาตรีเทคโนโลยีบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ

“ในกระบวนการสอนจะเน้นให้นักศึกษาทุกคนปฏิบัติจริง อีกทั้งทุกคนต้องมีโครงการเป็นของตัวเอง เป็นการบูรณาการด้านการเรียนการสอนเข้าด้วยกัน พร้อมไปกับโครงการหารายได้ระหว่างเรียนด้วย อาทิ ถ้านักศึกษากำลังทำโครงการเลี้ยงปลาจะต้องถอดบทเรียนออกมาให้เป็นรูปธรรมของหลักวิชาการที่ชัดเจนและจับต้องได้ มิได้ต้องการให้เลี้ยงปลาเพื่อสร้างเงินเท่านั้น”

ปลาหมอแปลงเพศ “ปลาหมอ…นะฮ้า”

ปลาหมอไทย เป็นปลาพื้นบ้านของประเทศที่มีรสชาติดี ทั้งยังเป็นที่นิยมบริโภคของประชาชนทั่วทุกภาค ปัจจุบันปลาหมอไทยในแหล่งธรรมชาติมีจำนวนลดลง อันเป็นผลมาจากสภาพแวดล้อมที่เสื่อมโทรม ความแห้งแล้ง ขณะเดียวกันมีการจับปลาเพื่อบริโภคเพิ่มมากขึ้น กระทั่งทำให้จำนวนปลาหมอไทยไม่เพียงพอแก่ความต้องการ

อาจารย์วิชาญ อิสิชัยกุล หัวหน้าแผนกวิชาประมง กล่าวว่า เหตุผลที่ทางวิทยาลัยต้องมีการเพาะ-ขยายพันธุ์ปลาหมอ เป็นเพราะปลาตามแหล่งทางธรรมชาติลดลงอย่างมาก จนชาวบ้านมักจับปลาที่มีขนาดเล็กมาบริโภค ถ้าเป็นเช่นนี้การแพร่ขยายพันธุ์ปลาอาจไม่ทันต่อความต้องการ ขณะเดียวกันถ้าต้องการจับปลาขายในเชิงพาณิชย์จะต้องเป็นปลาที่มีขนาดใหญ่

ทำไม ต้องแปลงเพศ

ขนาดของปลาหมอไทยเพศเมียจะโตกว่าเพศผู้ 3-4 เท่า อีกทั้งยังมีราคาสูงกว่า ดังนั้น จึงจำเป็นต้องแปลงเพศปลาหมอทุกตัวให้เป็นเพศเมียด้วยการผสมฮอร์โมนเพศเมียในอาหาร เพื่อให้ลูกปลาหมอกิน จึงจะทำให้ได้ลูกปลาหมอเพศเมียมากกว่า 85 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนั้นแล้ว ปลาหมอที่แปลงเพศเมียจะมีการเจริญเติบโตดีกว่าปลาหมอทั่วไป

การแปลงเพศปลาหมอจะต้องคัดสายพันธุ์จากปลาที่มีขนาดตัวใหญ่ ดังนั้น จึงนำสายพันธุ์มาจากทางจังหวัดสุราษฎร์ธานีและชุมพร เนื่องจากปลาหมอทางภาคใต้มีลักษณะใหญ่ คือประมาณ 200 กรัม ต่อตัว หรือประมาณ 5 ตัว ต่อกิโลกรัม

กระบวนการแปลงเพศจะเริ่มตั้งแต่ช่วงที่ปลามีอายุประมาณ 2-3 วัน โดยจะให้อาหารปลาที่ผสมฮอร์โมนเพศเมีย และจะให้ปลากินอาหารเช่นนั้นอยู่นานประมาณ 21 วัน จึงจะทำให้ปลาทุกตัวเป็นเพศเมีย อย่างไรก็ตาม ถ้าอุณหภูมิในน้ำต่ำจะมีผลต่อการแปลงเพศ เพราะทำได้น้อยลง

ต้นทุนเฉลี่ย อยู่ที่ตัวละ 30 สตางค์ ประมาณ 30 วัน จึงขายได้ ราคาตัวละ 80 สตางค์ ใช้เวลารวมทั้งสิ้น 4 เดือน สามารถจับขายส่งตลาดได้ ที่ผ่านมาทางวิทยาลัยขายเอง ราคากิโลกรัมละ 80-100 บาท ส่วนตลาดทั่วไป ขายกิโลกรัมละ 120-150 บาท แล้วที่แม่ค้าปิ้งขายกัน 3 ตัว 100 บาท

สถานที่เพาะสามารถทำได้ทั้งในวงบ่อซีเมนต์หรือในกระชัง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความพร้อมของสถานที่ แต่นิยมเลี้ยงในบ่อดินมากกว่า ถ้าเป็นบ่อพลาสติกก็เลี้ยงได้เพราะปลาชนิดนี้มีอวัยวะช่วยในการหายใจ เลี้ยงได้เช่นเดียวกับปลาดุก แม้แต่พื้นที่แคบก็สามารถเลี้ยงได้ ปัญหาเรื่องโรคที่ผ่านมายังไม่พบ เนื่องจากโดยธรรมชาติปลาหมอเป็นปลาประจำถิ่นที่มีความอดทน แข็งแรง และเลี้ยงง่าย

“การแปลงเพศปลาหมอ ดำเนินมา 2 ปีแล้ว ตอนนี้ตลาดมีความต้องการมาก ผลิตไม่ทัน ลูกค้าเป็นเกษตรกรที่นำไปทดลองเลี้ยง คาดว่าจำนวนความต้องการจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ทั้งนี้เพราะยอดสั่งจองเข้ามามากแล้ว ผู้อ่านท่านใดสนใจสามารถติดต่อได้ที่ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีอุดรธานี โทรศัพท์ (042) 266-103-4”

แนะแนวส่งเสริมให้ชาวบ้านเพาะเห็ดสร้างรายได้

การเพาะเห็ด เป็นอาชีพมีความสำคัญในทางเศรษฐกิจอาชีพหนึ่ง เนื่องจากการเพาะเห็ดทำให้สมาชิกในครอบครัวได้บริโภคอาหารที่ปลอดภัย หรือสามารถพัฒนาให้เป็นอาชีพหลัก สร้างรายได้อย่างดีในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ ทั้งนี้เพราะเป็นการลงทุนต่ำที่ได้รับผลตอบแทนคุ้มค่า

แต่เนื่องจากมีชาวบ้านจำนวนมากที่ยังไม่มีความรู้ถึงการเพาะเห็ดที่ถูกต้อง อาจารย์อุไร เชี่ยวชาญ หัวหน้างานแนะแนวอาชีพและจัดหางานฟาร์มธุรกิจเห็ดบอกว่า ทางวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีอุดรธานีได้จัดให้มีการแนะแนวและส่งเสริมให้ชาวบ้านเพาะเห็ดหลายชนิดที่ตลาดต้องการ อย่างที่ทำง่ายและลงทุนน้อยก็เป็นการเพาะเห็ดในท่อนไม้ เพราะหาได้ง่ายตามหมู่บ้าน และใช้เวลาเพียง 1-2 เดือน เก็บผลผลิตได้แล้ว

หรือแม้แต่การเพาะเห็ดในถุงพลาสติกเพราะเป็นที่นิยมกันมาก โดยจะใช้ขี้เลื่อยไม้ยางพาราเป็นหลัก ทั้งนี้สมัยก่อนอาจหาไม่ง่ายและราคาสูง แต่ในปัจจุบันหาได้ง่ายและราคาไม่สูง นอกจากนั้น อาจใช้อาหารเสริมที่มีอยู่แล้วในท้องถิ่น เช่น ปลายข้าว เปลือกมันสำปะหลังเพื่อลดต้นทุน และอีกอย่างที่ต้องการจะแนะนำและส่งเสริมคือ การเพาะเห็ดในตะกร้า หรือในกระสอบ

สำหรับขั้นตอนการอบรม อาจารย์อุไรให้รายละเอียดว่า จะเริ่มตั้งแต่การผสมขี้เลื่อยเพื่อทำก้อนเชื้อ สอนวิธีนึ่ง การเขี่ยเชื้อเห็ด ตลอดจนการขาย การตลาด ทั้งนี้จะใช้วิทยากรในวิทยาลัยให้ความรู้ในทุกขั้นตอน โดยใช้เวลารวมทั้งสิ้น ประมาณ 4-5 วัน โดยผลที่เกิดขึ้นหวังว่าจะเป็นการแนะนำสำหรับไว้ใช้เป็นอาหารในครัวเรือน หรือถ้าบางรายสนใจต้องการต่อยอดใช้ประกอบอาชีพสร้างรายได้

“การแนะแนวและส่งเสริมนี้ ทำมาแล้วเป็นเวลา 8 ปี มีพื้นที่ซึ่งออกเดินทางไปแนะนำส่งเสริม เป็นจังหวัดแถวเลย หรือหนองบัวลำภู ฯลฯ อย่างไรก็ตาม ความถี่หรือจำนวนครั้งในการออกไปส่งเสริมจะมากน้อยขึ้นอยู่กับงบประมาณในแต่ละคราวที่ทางวิทยาลัยได้รับ นอกจากนั้น ยังเป็นหลักสูตรหลักที่เปิดสอนในวิทยาลัยอยู่แล้ว อีกทั้งยังเปิดสอนให้บุคคลภายนอกที่สนใจด้วย ที่ผ่านมามีหลายคนยึดเป็นอาชีพแล้วประสบความสำเร็จ”

ปลูกผักอินทรีย์แบบไร้ดิน จากน้ำในบ่อเลี้ยงปลา

ปลอดภัยทั้งสุขภาพ พร้อมสร้างรายได้ที่ดี

ในปัจจุบัน ผัก เป็นพืชเศรษฐกิจที่มีความสำคัญต่อเกษตรกรไทยเป็นอย่างมาก เนื่องจากการผลิตผักให้ผลตอบแทนเร็วกว่าพืชชนิดอื่น สามารถผลิตได้หลายครั้งในรอบปี และการที่ผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพ เห็นความสำคัญของการบริโภคผัก ทำให้ความต้องการบริโภคผักเพิ่มสูงขึ้น ผลผลิตผักที่ออกมาจึงไม่พอกับความต้องการของผู้บริโภค ฉะนั้นมีเกษตรกรบางรายมองเห็นผลตอบแทนตัวเงินมากกว่าความสำคัญต่อความปลอดภัยของผู้บริโภค จึงนำสารเคมีมาใช้เพื่อเร่งผลผลิตให้เร็ว

เกษตรอินทรีย์ เป็นระบบเกษตรทางเลือกหนึ่งที่ใช้พื้นฐานของหลักการทางนิเวศวิทยามาประยุกต์กับการทำเกษตร โดยมีจุดประสงค์หลักในการทำเกษตรแบบยั่งยืน ให้ผลผลิตที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภคและผู้ผลิต และในขณะเดียวกันก็ช่วยอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพแวดล้อม

โดยใช้หลักการสร้างความหลากหลายทางชีวภาพ ก่อให้เกิดการผลิตที่เน้นการผสมผสานเกื้อกูลซึ่งกันและกัน เป็นการหมุนเวียนการใช้ทรัพยากรในไร่นาให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การใช้เศษพืชเป็นอาหารสัตว์และใช้มูลสัตว์และวัตถุอินทรีย์อื่น เป็นสารบำรุงดิน

ด้วยเหตุนี้การแปลงเพศปลาหมอจึงผุดเป็นแนวคิดต่อยอดถึงการนำน้ำในบ่อเลี้ยงปลามาใช้ประโยชน์ด้วยการปลูกผัก รวมถึงยังมุ่งศึกษาถึงความเหมาะสมของต้นทุน ทั้งนี้ยังถือเป็นโจทย์สำคัญของกรณีศึกษาโครงการชีววิถีเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนในวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีอุดรธานี เพื่อเป็นแนวทางในการวางแผนการผลิต การตลาด และการกำหนดราคาจำหน่ายผักอินทรีย์ต่อไป

คุณพิศ หมอยาดี รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารทรัพยากร เปิดเผยถึงวัตถุประสงค์ ตลอดจนขอบเขตและวิธีการวิจัยของแนวคิดนี้ว่า เพื่อต้องการศึกษาระบบการปลูกผักไร้ดินแบบอินทรีย์โดยใช้น้ำจากการเลี้ยงปลา และต้องการศึกษาต้นทุนการผลิตระบบปลูกผักไร้ดิน โดยใช้ท่อ พีวีซี ของบริษัท อุตสาหกรรมท่อน้ำไทย จำกัด ชนิดผักที่เหมาะสมและเจริญเติบโตได้ดีกับรูปแบบการผลิตผักอินทรีย์ ต้นทุนการผลิตผักอินทรีย์เฉลี่ย โดยจะครอบคลุมผัก จำนวน 4 ชนิด อันได้แก่ ผักบุ้ง ผักกาดขาว ผักสลัดม่วง และผักขึ้นฉ่าย อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่าผักที่ตอบสนองได้ดีคือ ผักขึ้นฉ่าย

“หลังจากได้นำผลงานชิ้นนี้ไปออกแสดงที่งานต่างๆ ได้รับความสนใจมาก เพราะแนวทางที่ทำนั้นเกษตรกรหลายพื้นที่ซึ่งเลี้ยงปลาอยู่สามารถนำไปปรับใช้ได้ทันที ถึงแม้ไม่ใช่บ่อซีเมนต์ แต่เป็นบ่อพลาสติกก็ทำได้ เพียงนำท่อ พีวีซี มาต่อแล้วเจาะหลุมเพื่อใช้ปลูกผักเท่านั้น แต่ถ้าในพื้นที่นั้นมีไม้ไผ่อยู่สามารถนำไม้ไผ่มาแทนท่อ พีวีซี ได้”

รองผู้อำนวยการ กล่าวเพิ่มเติมว่า อายุปลูกผักใช้เวลา 45 วัน สามารถเก็บได้ แต่ถ้าเป็นการปลูกลงดินต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน จึงเก็บได้ อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างหรือความสมบูรณ์ของผักอาจขึ้นอยู่กับส่วนผสมของปุ๋ยคอก แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถหาข้อสรุปที่ชัดเจนของอัตราปุ๋ยคอก เพราะเป็นเพียงช่วงเริ่มต้นของการทดลอง

ทั้งยังระบุว่า ข้อดีของแนวทางนี้คือเป็นการลงทุนปลูกผักแบบใช้ทุนหมุนเวียน เพราะต้นทุนแทบจะใช้ไม่มาก เพราะทุกอย่างมีอยู่ในพื้นที่แล้ว เพียงลงทุนซื้ออุปกรณ์หรือเมล็ดพันธุ์เท่านั้น อย่างที่เลี้ยงปลาหมอในวิทยาลัย มีจำนวน 600 ตัว ต้นทุน 50 บาท ต่อกิโลกรัม ขายในราคา 80-90 บาท ต่อกิโลกรัม มีกำไรดี แล้วยังนำน้ำกลับมาใช้หมุนเวียน

ท่านผู้อำนวยการสถาบันแห่งนี้เพิ่มเติมว่า อีกไม่นานแนวทางเดียวกันนี้จะทดลองทำในลักษณะ ทรีอินวัน (3 in 1) หมายถึง ใน 1 ภารกิจ จะได้ผลลัพธ์ถึง 3 อย่าง กล่าวคือ ชั้นล่างเป็นบ่อเลี้ยงปลา ถัดขึ้นมาทำเป็นที่เลี้ยงไก่ แล้วชั้นบนสุดเป็นที่ปลูกผัก

“จุดประสงค์ของแนวคิดนี้จะทำให้ลดต้นทุนได้อย่างมาก ขณะเดียวกันจะได้ผลตอบแทนสูง อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้อยู่ระหว่างการปรับสูตรปุ๋ยคอกเพื่อให้เหมาะกับพืชแต่ละชนิด”

ท้ายนี้ทางทีมงานเทคโนโลยีชาวบ้าน ใคร่ขอขอบพระคุณ อาจารย์อุดมภูเบศวร์ สมบูรณ์เรศ ผู้อำนวยการวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีอุดรธานี พร้อมทั้งคณาจารย์ท่านอื่น ได้แก่ คุณพิศ หมอยาดี รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารทรัพยากร คุณนิศิษฐ์ เชี่ยวชาญ รองผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนากิจการนักเรียน นักศึกษา ครูอุไร เชี่ยวชาญ หัวหน้างานแนะแนวอาชีพและการจัดหางานฟาร์มธุรกิจเห็ด ครูวิชาญ อิสิชัยกุล หัวหน้าแผนกวิชาประมง และ ครูสุรศักดิ์ โนราช หัวหน้างานโครงการพิเศษและบริหารชุมชน

ผู้อ่านท่านใดที่สนใจต้องการผลิตภัณฑ์การเกษตรที่เป็นผลงานของวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีอุดรธานี หรือสนใจแนวทางการทำเกษตรแบบใด สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทรศัพท์ (042) 266-103-4 หรือ http://www.udcat.ac.th

Leave a comment