พฤกษาต่างถิ่น คือแขกผู้กล้าหาญ หรือ…อันธพาลผู้มาเยือน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05028150958&srcday=2015-09-15&search=no

วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 27 ฉบับที่ 607

พฤกษากับเสียงเพลง

มานพ อำรุง

พฤกษาต่างถิ่น คือแขกผู้กล้าหาญ หรือ…อันธพาลผู้มาเยือน

จากแดนไกลในหล้ามาต่างถิ่น

ได้ยลยินทั่วไปในไพรสณฑ์

กระจายพันธุ์ทั่วป่ากล้าผจญ

แล้วผู้คนก็ขยายเป็นไม้งาม

เธอคือผู้มาเยือนเป็นเพื่อนพ้อง

กลายเป็นน้อง เป็นพี่ แม้มีหนาม

ทั้งมีดอก ออกใบ เรียกชื่อนาม

มีคำถาม พืชพรรณนี้ ดีหรือเลว

บ้างรุกรานบ้านเรือนเหมือนเจ้าของ

เข้าครอบครองหนองบึงถึงก้นเหว

คลุมเนินเขาเนืองนองเหมือนทองเปลว

เติบโตเร็ว เต็มลำน้ำ ยามขึ้นลง

มีหลากสีหลายพันธุ์นั้นนำเข้า

ด้วยคนเราเห็นงามตามประสงค์

ครั้นแพร่พันธุ์มากไปไม่ตกลง

เกินจำนงหรือควรกำจัดไป

เป็นข้อคิดอิสระน่าวิเคราะห์

ปลูกพอเหมาะหรือขยายได้แค่ไหน

เป็นผู้เยือนเหมือนแขกแตกดอกใบ

แต่ทำไม รุกรานหว่านเหล่ากอ

หากเปรียบเทียบเป็นเหมือนเพื่อนใกล้ชิด

ให้ชวนคิดมุมมองใหม่ดีไหมหนอ

หรือจะเรียก ผู้บุกรุก ขอหยุดพอ

แล้วสานต่อ ก่อประโยชน์ ไม่โทษใคร

ได้เกิดแรงบันดาลใจจากการได้อ่านรายงานการประชุมทางวิชาการ เรื่อง “ชนิดพันธุ์ต่างถิ่น” จัดพิมพ์โดย สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งประชุมที่โรงแรมมารวย การ์เด้น กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2549 แม้ว่าเวลาของสถานการณ์ระดมสมองร่วมกันวิเคราะห์ จะล่วงเลยมาจนเกือบ 10 ปี แต่สถานการณ์จริงของแขกผู้มาเยือนต่างชนิดพันธุ์นั้น แพร่หลายมานานมากแล้ว เพราะมีพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ. 2507 ซึ่งสำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช ที่เป็นหน่วยงานในกรมวิชาการเกษตร ดำเนินการสำรวจพืชต่างถิ่นในประเทศไทย ตั้งแต่ พ.ศ. 2542 จึงอนุมานได้ว่า “ชนิดพันธุ์ต่างถิ่น” น่าจะมีมาตั้งแต่ก่อนพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ. 2507 และเป็นที่มาของแรงบันดาลใจในการเขียนบทกลอนสะท้อนความรู้สึกกับรายงานการประชุมในครั้งนั้น

ในรายงานการประชุมทางวิชาการ เรื่อง ชนิดพันธุ์ต่างถิ่น ฉบับนี้ มีเรื่องราวทั้งชนิดพันธุ์ของพืชต่างถิ่น สัตว์น้ำต่างถิ่น ทั้งพืช สัตว์ ต่างถิ่นนี้ มีทั้งสัตว์ต่างถิ่นที่นำเข้ามาเพื่อการค้า และวัชพืชต่างถิ่นที่รุกรานเข้ามา ทั้งให้ประโยชน์และโทษด้านต่างๆ ด้วย สำหรับในครั้งนี้ ขออนุญาตนำเสนอชนิดพันธุ์ต่างถิ่น ที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทย เฉพาะเกี่ยวกับพันธุ์พืชหลากหลาย ซึ่งเข้ามาอยู่ในเมืองไทย เป็นสมาชิกในท้องถิ่น ในภูมิภาคต่างๆ จนคิดว่าเป็นพันธุ์พืชในบ้านเมืองเราไปแล้ว โดยขอนำข้อมูลจากการประชุมทางวิชาการดังกล่าวมาเสนอให้ได้ทราบถึงพืชพรรณชนิดต่างๆ ที่เราน่าจะคุ้นเคยได้ทราบที่มา

สำนักความหลากหลายทางชีวภาพ ได้จัดพิมพ์เผยแพร่ข้อมูลวิชาการผ่านสื่อออนไลน์ต่อเนื่อง ถ้าติดตามทางเว็บไซต์ปัจจุบัน จะได้ทราบถึงข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องราวของชนิดพันธุ์ต่างถิ่นมากมาย และในปัจจุบัน มีหน่วยงานที่เป็นที่รู้จักกันแพร่หลาย ที่มีผลงานเกี่ยวข้องกับข้อมูลเหล่านี้ คือผลงานจาก “กลุ่มงานความมั่นคงทางชีวภาพ” และ “ฝ่ายความหลากหลายทางชีวภาพ” ซึ่งได้เผยแพร่ข้อมูลผ่านทางเว็บไซต์ไว้มากมาย หากติดตามก็จะได้รับทราบความเคลื่อนไหวถึงพัฒนาการ หรือวิวัฒนาการที่เป็นประโยชน์ต่อการตั้งตัว รับมือกับสถานการณ์ในอนาคต เพื่อจะได้สอดคล้องกับระบบนิเวศ หรือความหลากหลายทางชีวภาพ ที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และจะได้เป็นช่องทางเพื่อนำความรู้ ความเข้าใจนั้นมาแปรเปลี่ยน เป็นประโยชน์ในพื้นฐานทางธรรมชาติได้

อย่างไรก็ตาม ชนิดพันธุ์พืชต่างถิ่นที่เราน่าจะรู้จัก หรือรู้จักคุ้นเคยอยู่แล้ว โดยคิดไม่ถึงว่า สายพันธุ์เดิมมาจากแห่งหนตำบลใด ประเทศใดนั้น ในรายงานการประชุมที่บันทึกไว้ในเอกสารดังกล่าว ได้กล่าวไว้โดยละเอียดน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง จึงขออนุญาตนำมาสรุปบอกกล่าว เพื่อเป็นกรอบพื้นฐานที่จะติดตามรายละเอียดในเรื่องราวแห่งความมั่นคง และความหลากหลายทางชีวภาพต่อไปได้ เนื่องจากการแพร่ระบาดของชนิดพันธุ์ต่างถิ่น ทั้งพืช และสัตว์ ซึ่งมีมาเป็นเวลานาน บางพื้นที่ภูมิภาค ปัจจุบันได้กลายเป็นปัญหาคุกคามต่อระบบนิเวศ และเศรษฐกิจของโลกอย่างร้ายแรง ก่อให้เกิดความเสียหายต่อความหลากหลายทางชีวภาพ และการเกษตร มีผลกระทบต่อสุขอนามัยของผู้คนมากขึ้น เช่น อาจจะแพร่ระบาดเข้าไปเปลี่ยนโครงสร้าง และองค์ประกอบชนิดต่างๆ ของระบบนิเวศหนึ่งๆ โดยการแข่งขัน และทำลายชนิดพันธุ์ดั้งเดิม ทั้งโดยตรงและโดยอ้อม เช่น แย่งแหล่งอาหาร แหล่งที่อยู่ หรือแปรเปลี่ยนวงจรสารอาหารในระบบนิเวศนั้น โดยเฉพาะในยุคโลกาภิวัตน์ ที่มีการค้า การเดินทางคมนาคมขนส่งสะดวก รวดเร็ว กลายเป็นปัจจัยเอื้อต่อการแพร่ระบาดได้ดี

การแพร่ระบาดของสายพันธุ์บางชนิด จะกลายพันธุ์เป็นชนิดพันธุ์ที่เด่นขึ้นมาของชนิดพันธุ์ต่างถิ่น จนทำให้ระบบนิเวศเดิมที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง หรือมีชนิดพันธุ์เฉพาะถิ่น เปลี่ยนแปลงเป็นลักษณะเหมือนกันหมดทุกภาคถิ่น ดังนั้น การแพร่ระบาดของชนิดพันธุ์ต่างถิ่น จึงเป็นปัญหาท้าทาย ซึ่งคุกคามความหลากหลายทางชีวภาพ ที่มีผลกระทบต่อสังคม เศรษฐกิจ สุขภาพ ธรรมชาติข้ามพรมแดน หรือกระจายทุกภูมิภาคทั่วโลก เพียงแต่ว่าเหตุผลในการนำเข้าชนิดพันธุ์ต่างถิ่น ส่วนใหญ่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดประโยชน์เชิงเศรษฐกิจ และการค้าหลายกรณี พบว่า ชนิดพันธุ์ต่างถิ่น ก็ได้สร้างรายได้มากมายให้แก่เกษตรกร หรือท้องถิ่นนั้นๆ ถ้าหากมีการบริหารจัดการดี ไม่ให้มีปัญหากับระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม แต่บางครั้งหากนำเข้ามา หรือแพร่ระบาดมาโดยบังเอิญ หรือปล่อยปละละเลยชนิดพันธุ์ใด ให้ดำรงชีวิตและสร้างผลผลิตประชากรสายพันธุ์อยู่ในสิ่งแวดล้อมมากมาย จนส่งผลต่อชนิดพันธุ์ท้องถิ่น และระบบนิเวศ ชนิดพันธุ์เหล่านั้นจะกลายเป็นแขกต่างถิ่นที่รุกรานให้เสียหาย

การแพร่ระบาดของชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกราน เป็นประเด็นปัญหาการกำจัด หากเป็นวัชพืชในไร่นา ก็ต้องใช้เงินทุน แรงงานจำนวนมาก หากมีเชื้อโรคติดมาแพร่ระบาดด้วย ก็ยิ่งสร้างความเสียหายยิ่งขึ้น รวมทั้งต้องลงทุนในระบบป้องกันอีก รัฐบาลบางประเทศต้องใช้หรือสูญเสียงบประมาณจำนวนมากในการป้องกัน และกำจัดสถานการณ์เลวร้ายเหล่านี้ แต่อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ หรือสถานภาพของพืชพรรณแต่ละสายพันธุ์ หลายชนิดมิได้เป็นพืชรุกรานในประเทศไทยเสมอไป หลายชนิดเป็นพืชที่ให้ประโยชน์ เป็นพืชสมุนไพร ไม้ผล ไม้ประดับ ไม้ดอก พืชผัก ซึ่งเป็นที่ต้องการทั้งด้านโภชนาการ และด้านอุตสาหกรรมบางชนิด เช่น หัตถกรรมจักสาน หรือด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยว รวมทั้งด้านการเกษตรกรรมที่เกี่ยวข้อง

สำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช กรมวิชาการเกษตร โดย ดร. ศิริพร ซึงสนธิพร ได้กล่าวถึง วัชพืชกับชนิดพันธุ์พืชต่างถิ่นที่รุกราน ได้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ. 2507 โดยการดำเนินงานโครงการสำรวจพืชต่างถิ่นในประเทศไทย ด้วยการเริ่มสำรวจ ในปี พ.ศ. 2542 เพื่อหาข้อมูล และแนวทางป้องกันการเกิดวัชพืชร้ายแรงชนิดใหม่ รวมทั้งให้เกิดความระมัดระวังการนำเข้าพืชต่างถิ่นที่อาจจะกลายเป็นพืชที่รุกราน และก่อให้เกิดความเสียหายต่อการเกษตร และความหลากหลายทางชีวภาพ เนื่องจากการจำแนกหรือจัดชนิดพืชว่าเป็นวัชพืชนั้นขึ้นอยู่กับพืชที่ต้องการหรือไม่ต้องการ หรือประโยชน์การใช้สอย ดังนั้น พืชชนิดเดียวกันอาจจะเป็นวัชพืชถิ่นหนึ่ง หรือประโยชน์อีกถิ่นหนึ่ง หรืออาจจะเป็นสมุนไพร ไม้ดอก ไม้ประดับ เช่น การปลูกถั่วหลังทำนาข้าว เมล็ดข้าวตกหล่นงอกในแปลงถั่ว ก็เป็นวัชพืช ฟางข้าวคลุมแปลงผัก ต้นข้าวงอกก็เป็นวัชพืชได้ จึงต้องพิจารณาจากคุณสมบัติ ผลกระทบ วงจรชีวิต และการกระจายของผู้รุกรานนั้นๆ เพราะวัชพืชมีผลกระทบได้ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ ทางการเกษตร ด้านสิ่งแวดล้อม และผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ

ดร. ดอกรัก มารอด อาจารย์คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้กล่าวถึงชนิดพันธุ์พืชต่างถิ่น ที่รุกรานที่สุดในประเทศไทย มีการสำรวจไว้ ได้ศึกษาประเมิน เปรียบเทียบกับทะเบียนร้อยชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกรานของโลก สำหรับที่รุกรานในประเทศไทย (พ.ศ. 2549) มี 14 ชนิด ที่คาดว่าเป็นชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกรานประเทศไทย โดยจัดอยู่ในทะเบียน 100 ชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกรานของโลก จำนวน 8 ชนิด ได้แก่ กระถินยักษ์ สาบเสือ ผกากรอง ผักตบชวา ไมยราบยักษ์ หญ้าคา ขี้ไก่ย่าน อ้อ และอีก 6 ชนิด ไม่ได้จัดอยู่ในทะเบียน 100 ชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกรานของโลก ได้แก่ สาบหมา บัวตอง หญ้าขจรจบ ธูปฤๅษี ผักเป็ดน้ำ และ จอก

กระถินยักษ์ ถิ่นเดิมคือ ประเทศเม็กซิโก และประเทศแถบอเมริกากลาง นำเข้ามาเพื่อเป็นพืชอาหารสัตว์ และฟื้นฟูป่า แต่มีการละเลยจัดการ จึงทำให้แพร่กระจาย

สาบเสือ มีถิ่นกำเนิดในแถบอเมริกาใต้และกลาง ขึ้นเป็นกลุ่มแน่นในป่าที่ถูกทำลาย แต่จะตายเมื่อมีร่มเงามากขึ้น ปกติจะมีอายุประมาณ 3 ปี มีรายงานว่า สาบเสืออาจมีสารยับยั้งการเจริญของพืชชนิดอื่น และทำให้ดินชุ่มชื้น มีผลให้ดินดี

ผกากรอง ถิ่นเดิมอยู่ในประเทศเม็กซิโก เจริญในทุกสภาพดิน ระบาดไม่รุนแรง แต่ส่งผลกระทบต่อการลดความหลากหลายทางชีวภาพท้องถิ่น เพราะเติบโตหนาแน่น

ไมยราบยักษ์ ถิ่นกำเนิดในอเมริกากลาง และอเมริกาใต้ตอนเหนือ นำเข้าประเทศไทย เมื่อ พ.ศ. 2490 โดยนำเมล็ดจากอินโดนีเซีย เพื่อใช้เป็นปุ๋ยพืชสดไร่ยาสูบ

ขี้ไก่ย่าน มีถิ่นกำเนิดทางอเมริกาใต้ ไม่มีหลักฐานนำเข้า แพร่กระจายตามริมน้ำ เกษตรกรเชื่อว่า ขี้ไก่ย่าน จะแก่งแย่งธาตุอาหารและน้ำกับพืชที่ปลูก

หญ้าคา ถิ่นเดิมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กระจายตั้งแต่พื้นที่แล้งถึงน้ำขัง ขึ้นปกคลุมหนาแน่น พบทุกจังหวัด ทำลายยาก มักจะต้องใช้สารเคมี เชื่อกันว่า ปล่อยสารยับยั้งพืชอื่น มีรากแผ่หนาแน่นจนพืชอื่นเจริญไม่ได้ เป็นเชื้อเพลิงต่อไฟป่าหน้าแล้ง

อ้อ มีถิ่นกำเนิดในแถบเมดิเตอร์เรเนียน พบตามริมน้ำที่ชุ่มน้ำ กระจายกีดขวางเส้นทางเดินน้ำ ทำให้เกิดน้ำท่วมริมตลิ่งได้ง่าย อ้อ เป็นชนิดพันธุ์ต่างถิ่น ที่สร้างปัญหาในประเทศสหรัฐอเมริกามาก ในประเทศไทยอาจมีปัญหาในอนาคต

สาบหมา มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกากลาง ไม่มีหลักฐานการนำเข้า แต่คาดว่าระบาดมาเป็นเวลา 40 ปี ที่ผ่านมา โดยเข้ามาทางประเทศพม่า และจีนตอนใต้ ชอบที่ราบสูง และอาจจะส่งผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ ส่งผลต่อระบบนิเวศเฉพาะถิ่น

บัวตอง ถิ่นเดิมอยู่ในประเทศเม็กซิโก ไม่ได้จัดอยู่ในทะเบียน 100 ชนิดพันธุ์พืชต่างถิ่นที่รุกรานของโลก แต่ระบาดในไทยทางภาคเหนือ ทำความเสียหายต่อต้นน้ำ แต่ในพื้นถิ่นที่ส่งเสริมการท่องเที่ยว มีการจัดการส่งเสริมเศรษฐกิจ โดยตัดบัวตองเมื่อถึงช่วงที่หมดฤดูออกดอก ให้มีดอกใหญ่ กิ่งที่ถูกตัดจะแตกกิ่งใหม่ และให้ดอกทุกกิ่ง กำลังศึกษากันว่า ปล่อยสารยับยั้งการเจริญของพืชอื่นหรือไม่ แต่พบว่าเจริญได้เร็วมาก

หญ้าขจรจบ ถิ่นเดิมมาจากประเทศแอฟริกา นำเข้าไทย พ.ศ. 2495 เป็นพืชอาหารสัตว์ แต่ไม่ได้ผล จึงปล่อยสู่ธรรมชาติ ระบาดมากทางแถบตะวันตก และภาคเหนือ

ธูปฤๅษี ถิ่นเดิมทวีปยุโรป และสหรัฐอเมริกา ขึ้นที่ชื้นทุกภูมิภาค แต่ระบาดในภาคกลาง ทำให้น้ำเน่าเสีย ตื้นเขิน จัดเป็นวัชพืชดัชนีชี้ความเสียหาย ทำลายระบบนิเวศ

ผักเป็ดน้ำ ไม่มีหลักฐานการนำเข้า ขึ้นตามแหล่งน้ำชื้นแฉะ ในแหล่งปลูกพืชยืนต้น ระบาดในภาคกลาง และเริ่มพบในภาคเหนือ แก่งแย่งธาตุอาหารพืช

จอก เป็นพืชพื้นเมืองของทวีปอเมริกากลาง ลอยอิสระอยู่บนผิวน้ำนิ่ง ปกคลุมหนาแน่นผิวน้ำ ขยายพันธุ์รวดเร็ว และทำลายระบบนิเวศแหล่งน้ำ

สำหรับพืชน้ำชื่อดังที่ยึดพื้นที่ในแม่น้ำลำคลองทั่วประเทศ ได้รับความหวาดผวาทั้งหน้าแล้ง และหน้าน้ำหลาก คือ ผักตบชวา ซึ่งมีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาใต้ นำเข้ามาในประเทศไทย เพื่อปลูกเป็นไม้ประดับสวยงาม ตั้งแต่ พ.ศ. 2444 จากประเทศอินโดนีเซีย ปลูกครั้งแรกในประเทศไทย ที่วังสระปทุม เมื่อเกิดน้ำท่วม จึงแพร่กระจายกลายเป็นวัชพืชน้ำที่รุกรานรุนแรง เจริญปกคลุมผิวน้ำ ทำให้ออกซิเจนต่ำ น้ำเน่าเสีย สิ่งมีชีวิตตาย ระบาดมากรุนแรงในภาคกลาง แต่อีกมุมมองบางท้องถิ่น ก็เป็นวัตถุดิบงานหัตถกรรม และในเชิงวิชาการควบคุม ก็ทำให้แหล่งน้ำสะอาดได้ และสามารถนำมาใช้ในงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์

ก็ถือว่าพันธุ์ไม้ต่างๆ เหมือนชีวิตคนเรา ที่กระจายต่างถิ่น ต่างเหล่าตระกูล ทั้งดีและไม่ดีปะปนกัน ต่างกันที่ใครจะสร้างความดีมีประโยชน์ชื่อเสียงสืบไป

เพลง อยู่เพื่อความดี

สุเทพ วงศ์กำแหง ขับร้อง

ไม้พันธุ์ล้วนมีต่างกันอยู่มากมาย ลับล่อพระพายกระจายประทิน ชื่นเชยล้วนกลิ่นมาลี สดสีมีอยู่เกลื่อนไป อันมาลีนี้เหมือนคนเรา มีแต่จะอับจะเฉา เฝ้าวันลับโรยลงไป สิ้นอินทรีย์คงอยู่แต่ที่ทำไว้ หากดีฝังตรึงดวงใจ คนอยู่ต่อไปได้ชื่นได้ชม เหมือนไม้กลิ่นเลิศเลอประทินทวนลม ร่วงโรยลับไปยังพรม หอมตามลมไปไกล (ซ้ำทั้งหมดอีก 1 ครั้ง)

บทเพลงเนื้อร้องสั้นๆ แต่อุปมาชีวิตคนกับบุปผามาลีได้อย่างเห็นภาพ และแทบจะได้กลิ่นหอมในบทเพลง ท่วงทำนองที่บอกอารมณ์ ให้ตระหนักถึงพฤติกรรมที่พึงปฏิบัติ เพื่อคงอยู่กับความดีที่ตนควรจะสร้างสมไว้

พันธุ์ไม้ต่างพรรณ ทั้งสวย สีสดอิ่ม และกลิ่นหอมที่กระจายตัวผ่านสายตา หรือชื่นนาสิก ทุกคนชื่นชม แต่ก็ย่อมถึงวันที่โรยรา แม้จะหอมหวนทวนลมได้ไกล ส่วนชื่อเสียงคนเราก็กระจายได้ทั้ง “หอมและหึ่ง” ต้นไม้น้อยค่า แต่ไม่ไร้คุณประโยชน์ คนเราก็ต้องไม่ให้สูญค่าเพราะสวยเพียงหน้าตาก็ไม่ยั่งยืน พันธุ์ไม้รุกรานกระจายพันธุ์ ก็ยังไม่เรียกว่า อันธพาล เพราะนำมาสืบสานประโยชน์อื่นๆ ได้ คนเราที่กลับตัวกลับใจทำความดีลบล้างความชั่ว ยังชื่อได้ว่า “โจรกลับใจ”

Leave a comment