ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน
| วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 27 ฉบับที่ 607 |
กศน. ทั่วไทย
ดอกลำดวน
ศาลาขนมต้ม : บ้านหนังสือชุมชน แหล่งเรียนรู้เคียงคู่แม่ไม้มวยไทย
ศาลาขนมต้ม ตั้งอยู่ที่ 038/1 ถนนศรีสมบูรณ์ ตำบลปากพนัง อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เดิมเป็นบ้านพักอาศัยของ คุณสมหมาย เรืองรัตน์ ซึ่งได้จัดตั้งค่ายมวยมาตั้งแต่ปี 2520 ครั้งแรกใช้ชื่อค่ายว่า “ค่ายมวยลูกบางเพ้ง” เป็นชื่อของชุมชนแห่งนี้สมัยอดีต มีนักมวย 4 คน คือ ชาละวัน ไกรทอง ทองดี และ รัตนชัย หลังจากนั้น มีนักมวยเข้ามาสมัครเพิ่มเติม นักมวยได้ร่วมกันตั้งชื่อค่ายว่า “ค่ายมวยศิษย์ครูหมาย”
คุณสมหมาย เรืองรัตน์ ให้ความสำคัญกับแม่ไม้มวยไทย โดยมองว่า มวยไทยนั้นเป็นศิลปะประจำชาติไทย และเป็นอาวุธในการป้องกันตนเองของคนสมัยก่อน คนในชุมชนจึงได้ฝึกหัดมวยไทย การเตะ ถีบ คู่ต่อสู้ ทำให้คู่ต่อสู้เสียหลัก เป็นการป้องกันตัวเอง ที่สามารถทำให้คู่ต่อสู้แพ้ได้ ต่อมาเมื่อมีอาวุธที่ทันสมัยมากขึ้น มวยไทยใช้สำหรับการต่อสู้ระยะประชิดตัวเท่านั้น ทำให้มวยไทยกลายมาเป็นกีฬา และส่วนหนึ่งนำมาแสดงโชว์เพื่อความบันเทิง เป็นการชกมวยเพื่อความสนุกสนาน หรือหากมีการท้าทายกัน ก็มีการพนันขันต่อกันระหว่างนักมวยที่เก่งจากหมู่บ้านหนึ่งกับนักมวยที่เก่งจากอีกหมู่บ้านหนึ่ง มาประลองฝีมือการชกกันในช่วงที่มีงานเทศกาลต่างๆ เช่น ประเพณีงานเดือนสิบ ประเพณีชักพระแข่งเรือเพรียว เป็นต้น
ต่อมาคุณสมหมายได้เปิดชมรมมวยไทยของโรงเรียนศรีสมบูรณ์ เพื่อฝึกให้ลูกหลานได้มีความรู้เรื่องแม่ไม้มวยไทย มีนักมวยค่ายศิษย์ครูหมายที่มีชื่อเสียง คือ ทองดีน้อย พรนารายณ์ เป็นแชมป์จังหวัดนครศรีธรรมราช น้องเล็ก สิทธิชัย แชมป์สมาคมมวยอาชีพภาคใต้ และนักมวยสร้างชื่อเสียงมากที่สุด คือ วันเผด็จ เป็นแชมป์เวทีมวยราชดำเนิน และเวทีมวยลุมพินี นอกจากนี้ ยังมี คมกฤษ ต.พิทักษ์ ศิษย์ครูหมาย ใช้ชื่อ คมกฤษ ต.พิทักษ์ เป็นแชมป์เชลล์ริมูล่า สำหรับสนามมวยช่อง 3 นักมวยศิษย์โรงเรียนศรีสมบูรณ์ที่มีชื่อเสียงในขณะนั้น ได้แก่ พงศ์พิทักษ์ ศิษย์ศรีสมบูรณ์ สมิงหนุ่ม เชิงชัย และ ธนะศร แชมป์จังหวัดนครศรีธรรมราช
ศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนอำเภอปากพนัง (ชื่อ กศน. อำเภอปากพนัง ในขณะนั้น) ได้สนับสนุนให้เยาวชนได้เรียนรู้มวยไทย จึงเปิดสอนหลักสูตรระยะสั้นมวยไทย ณ วัดศรีสมบูรณ์ มีผู้เรียน จำนวน 20 คน ทำให้กิจกรรมการเรียนการสอนมวยไทยศิษย์ศรีสมบูรณ์เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป มีนักมวยที่สร้างชื่อเสียงไปถึงต่างประเทศคือ ชลแดน เทคโนดุสิต ได้ไปเป็นครูสอนมวยไทยที่ประเทศญี่ปุ่น และ คมกฤษ ต.พิทักษ์ ไปเป็นครูสอนมวยไทย ประเทศไต้หวัน
ศาลาขนมต้ม มีรูปแบบเป็นศาลาทรงไทยประยุกต์ ต่อเติมศาลาขึ้นจากบ้านเดิมเพื่อเก็บเรือพาย และวัตถุโบราณที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ ตั้งชื่อว่า “ศาลาสาวนุ้ย” เพื่อเป็นที่ระลึกกับชื่อหลานคนแรก และตรงกับชื่อเรือ อีกทั้งยังเป็นสถานที่ซ้อมมวยไทย เมื่อปี พ.ศ. 2546 คุณสมหมายได้สร้างศาลาทรงไทยภาคใต้ ชื่อว่า “ศาลาขนมต้ม” เพิ่มเติม อีก 1 หลัง โดยปรับปรุงบริเวณบ้านให้ร่มรื่นสวยงาม เพื่อเปิดเป็นร้านขายไอศกรีม กาแฟสด น้ำปั่น ตั้งแต่วันที่ 23 ธันวาคม 2553 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน เปิดบริการตั้งแต่ เวลา 11.00-21.00 น. ทุกวันไม่เว้นวันหยุด
งบประมาณที่ใช้ดำเนินการครั้งแรกเป็นค่าวัสดุ อุปกรณ์ ประมาณ 200,000 บาท สมาชิกในครอบครัวแบ่งหน้าที่กันตามความถนัด เป็นทั้งผู้ปรุง พนักงานขาย โดยมี คุณสมหมาย เรืองรัตน์ และ คุณพิกุล เรืองรัตน์ เป็นเจ้าของกิจการ และมี คุณสุพิศ เรืองรัตน์ คุณชนกพร เอมเอก คุณฤทัย หนูขจร ร่วมกันดูแล คุณสมหมาย เล่าว่า วัตถุประสงค์ของการสร้างร้านศาลาขนมต้มก็เพื่อสร้างอาชีพให้แก่ลูกหลานให้มีรายได้เลี้ยงครอบครัว เป็นศูนย์รวมการทำกิจกรรมของลูกหลานช่วงปิดภาคเรียน เป็นอาชีพสำรองหลังจากเกษียณอายุราชการ
เมื่อ กศน. อำเภอปากพนัง นำโดย คุณสุรศักดิ์ อนันต์ ผู้อำนวยการ กศน. อำเภอปากพนัง ได้มอบหมายให้ คุณลำดวน คล้ายโสม ครูอาสาสมัคร กศน. สำรวจบ้านหนังสือที่มีความพร้อมพอที่จะเป็นมุมอ่านหนังสือ พิจารณาบ้านหนังสืออัจฉริยะที่มีความพร้อมในการให้บริการส่งเสริมการอ่าน สามารถเสริมสร้างความรู้ที่หลากหลาย สนองความต้องการในเรื่องที่บุคคลอยากเรียนรู้ และมีเจ้าของบ้านที่มีจิตอาสา จะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนได้ จากการสำรวจและประสานงาน คุณสมหมายเป็นคนหนึ่งที่เห็นความสำคัญของการศึกษา มีความประสงค์ให้ประชาชนทั่วไป ลูกศิษย์ และผู้มาใช้บริการในร้านขนมต้ม ได้อ่านหนังสือไประหว่างนั่งดื่มน้ำชา กาแฟ ไอศกรีม ถือเป็นการติดอาวุธทางปัญญาให้กับผู้มาใช้บริการ บ้านอัจฉริยะชุมชนศรีสมบูรณ์แห่งนี้ จึงได้จัดตั้งอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2556 เป็นต้นมา
การดำเนินงานด้านการส่งเสริมการอ่านของประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมายเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อ สำนักงาน กศน. จังหวัดนครศรีธรรมราช โดย คุณเกษร ธานีรัตน์ ผู้อำนวยการ สำนักงาน กศน. จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ส่งเสริมให้สถานศึกษาในสังกัดจัดกิจกรรมตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ โดยมุ่งหวังให้คนไทยมีนิสัยรักการอ่าน ให้การสนับสนุนบ้านหนังสืออัจฉริยะ โดยจัดหาหนังสือและสื่อสิ่งพิมพ์อื่นสำหรับบ้านหนังสือตามความต้องการของทุกกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ ประสานความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายในการจัดกิจกรรมเสริมสร้างนิสัยรักการอ่านของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อส่งเสริมการอ่านให้เข้าถึงทุกครอบครัว รวมทั้งสร้างความรู้ ความเข้าใจ ให้ผู้ใช้บริการเกี่ยวกับระเบียบวินัยและข้อพึงปฏิบัติในการใช้บ้านหนังสือ การเคารพสิทธิผู้อื่น ตลอดจนการช่วยกันดูแลรักษาและพัฒนาบ้านหนังสือเสริมสร้างอัจฉริยภาพของประชาชนในชุมชนอย่างยั่งยืน เพื่อเป็นกลไกในการส่งเสริมการอ่านให้เกิดขึ้นกับประชาชนอย่างกว้างขวางและต่อเนื่องทุกพื้นที่
ต่อมาในปี พ.ศ. 2558 สำนักงาน กศน. ได้เปลี่ยนชื่อบ้านหนังสืออัจฉริยะ เป็นบ้านหนังสือชุมชน โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญในการเปิดบ้านหนังสืออัจฉริยะหรือบ้านหนังสือชุมชน เพื่อกระตุ้นและเสริมสร้างนิสัยรักการอ่านให้กับประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในถิ่นทุรกันดารห่างไกล ตลอดจนเพื่อสร้างโอกาสให้ประชาชนได้เข้าถึงแหล่งเรียนรู้ในรูปแบบบ้านหนังสือชุมชนหรือห้องสมุดประชาชนหมู่บ้านได้อย่างต่อเนื่อง
ตั้งแต่ได้จัดตั้งบ้านหนังสือชุมชน “ศาลาขนมต้ม” หรือ “บ้านหนังสืออัจฉริยะชุมชนบ้านศรีสมบูรณ์” มาถึงปัจจุบันได้รับความร่วมมือร่วมใจของประชาชนในชุมชนมาใช้บริการบ้านหนังสือ ถือเป็นตัวอย่างที่ดี ซึ่งแสดงออกถึงความร่วมมือระหว่างเจ้าของร้านไอศกรีม กับส่วนราชการ และประชาชนในชุมชน โดยเจ้าของร้านให้การสนับสนุนสถานที่ หนังสือ ส่วนราชการซึ่งมี ครูลำดวน คล้ายโสม ครูอาสาสมัคร กศน. ตำบลปากพนัง เป็นผู้ดำเนินการประสานงาน สอบถามความต้องการเป็นระยะ เพื่อให้จัดกิจกรรมการจัดการศึกษาตามอัธยาศัยให้กับชุมชนแห่งนี้มีความหลากหลายมากขึ้น
โดย กศน. อำเภอปากพนัง ได้สนับสนุนหนังสือและวารสารเพิ่มเติม เป็นหนังสือพิมพ์รายวัน วันละ 2 ฉบับ หนังสือรายปักษ์ เดือนละ 2 ฉบับ และหนังสือรายสัปดาห์ เดือนละ 4 ฉบับ และได้จัดชั้นวางหนังสือ โต๊ะ และเก้าอี้ ขนาดกะทัดรัด มาเพิ่มเติมให้ส่วนหนึ่ง ทำให้คนในชุมชนหันมาอ่านหนังสือกันมากขึ้น เพราะการอ่านหนังสือนับเป็นปัจจัยสำคัญที่เอื้อให้การรับทราบข่าวสารต่างๆ เป็นไปอย่างทันเหตุการณ์ ก่อให้เกิดองค์ความรู้ ซึ่งสามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันและสามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นในอนาคตต่อไป
คุณสมหมาย เจ้าของบ้านหนังสือชุมชนแห่งนี้ มีแนวความคิดที่ดีที่จะพัฒนาเยาวชนในลุ่มน้ำปากพนังให้เป็นนักอ่าน ให้ความร่วมมือกับเครือข่ายส่งเสริมการอ่าน จัดหาหนังสือประเภทต่างๆ นำหนังสือที่สะสมอยู่ในบ้านมากมาย และนิตยสาร วารสารรายสัปดาห์ เช่น มติชนรายสัปดาห์ เทคโนโลยีชาวบ้าน ขวัญเรือน คู่สร้างคู่สม วารสารมวย พระเครื่อง หนังสือธรรมะ หนังสือสารคดีต่างๆ ที่เห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้มาใช้บริการ เก็บสะสมมาไว้ให้ผู้สนใจได้อ่าน และบริการอินเตอร์เน็ต Wi-Fi เพื่อให้ลูกค้าได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
ศาลาขนมต้มยังเป็นแหล่งเรียนรู้ที่น่าสนใจ มีการตกแต่งบริเวณทั้งภายในและภายนอก โดยได้จัดทำป้ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตและความเป็นมาของร้าน ให้ความรู้แก่ผู้มาใช้บริการ เช่น อาชีพทำนา คนในสมัยโบราณ ได้คิดเครื่องมือเครื่องใช้ในการทำนา การประดิษฐ์อุปกรณ์ไถนาขึ้นเอง ซึ่งต้องใช้ไม้เนื้อแข็งที่มีความเหนียว และมีลักษณะที่ใกล้เคียงกับชิ้นส่วนที่ต้องการทำ แต่ละชิ้นจะมีลักษณะและชื่อเรียกที่แตกต่างกันไป เช่น ชื่อโครงสร้างเครื่องเรือนช่วงบน ได้แก่ หัวหมู หางยาม คันไถ แอก ลูกแอก เชิงกก สายทม สานไถ นกจอก สายอ้อม ป้ายชื่อที่ติดไว้ทุกส่วน ช่วยให้คนรุ่นหลังได้รู้จักการทำนาด้วยวัวหรือควาย ในสมัยก่อน นอกจากนี้ ยังมีส่วนประกอบโครงสร้างของบ้านช่วงบน ได้แก่ ขื่อ แป จันทัน เสาเรือน ดั้ง อกไก่ พานหนู ค้ำยัน เป็นต้น
คุณครูชมภู ชุตินันทกุล หัวหน้ากลุ่มโซน มองว่า จุดเด่นของร้านที่ทำให้เป็นแหล่งเรียนรู้ได้ดี คือ ลูกค้าและผู้มาใช้บริการเดินทางมาสะดวก อยู่ติดถนนใหญ่ การจัดบรรยากาศร่มรื่นเหมาะกับการอ่าน เจ้าของบ้านเป็นกัลยาณมิตร และเป็นตัวอย่างในการเป็นนักอ่าน มีมุมที่เป็นซุ้มไม้ นั่งดื่มและสั่งอาหารในบรรยากาศสบายๆ ไม่ต้องรีบร้อน สามารถนั่งได้เป็นเวลานาน ที่สำคัญมีทั้ง Wi-Fi สำหรับผู้ที่ต้องการใช้เครื่องมือสื่อสาร มีหนังสือให้เลือกอ่านได้หลายช่วงวัย ถือเป็นสถานที่ที่ใครเข้ามาใช้บริการแล้วได้อิ่มท้อง ได้เรียนรู้ไปพร้อมๆ กัน มีทั้งความทันสมัยและแฝงด้วยวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวปากพนัง
คุณสมหมาย เรืองรัตน์ กล่าวว่า “หนังสือเป็นประโยชน์ต่อคนทุกเพศทุกวัย บางคนไม่มีโอกาสได้เรียนสูงๆ ก็ได้อาศัยหนังสือเป็นตัวเพิ่มพูนความรู้ให้เจ้าตัว อย่างที่ศาลาขนมต้มแห่งนี้ สังเกตว่าคนที่มาอ่านหนังสือเป็นประจำคือ กลุ่มผู้สูงอายุ อยู่บ้านว่างๆ ไม่มีอะไร ก็จะมาขอยืมหนังสือไปอ่าน ทำให้ได้ความรู้ต่างๆ เพิ่มเติม เรื่องใกล้ตัว พืชผัก สมุนไพร หนังสือธรรมะ พวกเขาก็ได้ความรู้เพิ่มเติมไปใช้ในชีวิตประจำวันได้
ผู้มาใช้บริการอีกกลุ่มหนึ่งคือ กลุ่มเด็ก เยาวชน ผู้ปกครอง นักเรียน นักศึกษา ประชาชนทั่วไป องค์กร ผู้นำชุมชน คณะครูโรงเรียนต่างๆ การประชุมสัมมนากลุ่มเล็ก สมาคมต่างๆ ในชุมชน แรงจูงใจของเจ้าของร้านที่สนับสนุนให้ประชาชนรักการอ่าน กลั่นกรองผ่านเป็นคำพูดที่น่าประทับใจว่า “อ่านหนังสือ เปิดความคิด ชีวิตเปลี่ยน” เพราะท่านทราบข้อมูลว่าคนไทยอ่านหนังสือน้อยมาก และหนังสือก็เป็นอาวุธทางปัญญาที่ท่านต้องการให้อ่าน เพราะจะทำให้เป็นคนรอบรู้และทันสมัย พร้อมกับนำความรู้ไปพัฒนาตนเองได้อย่างมากมาย ทำให้ชีวิตมีความสุข คลายเครียด คลายเหงา ดับทุกข์ แล้วแต่ว่าแต่ละคนจะนำมาใช้ให้เข้ากับตนเอง เพื่อให้ตนเองได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้
กศน. อำเภอปากพนัง ขอขอบคุณ คุณสมหมาย เรืองรัตน์ เจ้าของร้านศาลาขนมต้ม ภาคีเครือข่ายที่มีส่วนสำคัญในการปลูกฝังการอ่านและการเรียนรู้ตลอดชีวิต ซึ่งกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ เป็นทศวรรษแห่งการอ่าน พ.ศ. 2552-2561 ที่ร่วมกันรณรงค์ให้ประชาชนคนไทยได้อ่านหนังสือให้มากขึ้น