ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน
http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05044150958&srcday=2015-09-15&search=no
| วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 27 ฉบับที่ 607 |
เทคโนโลยีการเกษตร
ทะนุพงศ์ กุสุมา ณ อยุธยา
อดีตราษฎรอาสาฯ ทองกาว ยงพฤกษา ทำสวนเกษตรผสมผสาน บนเขาค้อ
การเกษตรแบบผสมผสาน เป็นระบบเกษตรกรรมแบบดั้งเดิมด้วยการนำกิจกรรมทางด้านเกษตร ทั้งพืช ผัก ผลไม้ สัตว์ มาอยู่ในบริเวณเดียวกัน เพื่อทำให้เกิดการผสม กลมกลืน เกื้อกูลกันตามธรรมชาติ ทั้งนี้ อาจเป็นเพราะชาวบ้านมองว่าเป็นการลดความเสี่ยง และประกันความแน่นอนในเรื่องรายได้
“สวนป่ายงพฤกษา” ตั้งอยู่ เลขที่ 73 หมู่ที่ 9 ตำบลหนองแม่นา อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ บริเวณภายในสวนแห่งนี้มีเนื้อที่ทั้งหมด 30 ไร่ ได้จัดแบ่งกลุ่มกิจกรรมทางการเกษตรไว้อย่างมีระเบียบ ทั้งไม้ป่าเศรษฐกิจ ไม้ยืนต้น ไม้ล้มลุก ไม้ผล ตลอดถึงการเลี้ยงสัตว์หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นไก่พื้นบ้าน หมู และปลา ในลักษณะการเกษตรแบบผสมผสาน
คุณทองกาว ยงพฤกษา เจ้าของสวนป่ายงพฤกษา และอดีตเคยเป็นราษฎรอาสาสมัครพิทักษ์ป่า หรือ รสทป. เผยว่า ภายหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจในฐานะเป็นรุ่นสุดท้ายแล้ว ได้เริ่มต้นชีวิตเกษตรกรรมด้วยการปลูกพืชไร่ อย่าง ข้าวโพด พริก หรือผักต่างๆ แต่ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร เนื่องจากสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมบนเขาค้อที่มีความสมบูรณ์เต็มไปด้วยต้นไม้และป่า มีอากาศชื้น จึงไม่เอื้อต่อการปลูกพืชบางชนิด จากนั้นจึงเปลี่ยนมาทดลองปลูกไผ่ตง เป็นเวลา 3 ปี แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเช่นกัน
ขณะเดียวกันเมื่อมีโครงการจากทางราชการเพื่อส่งเสริมให้ชาวบ้านปลูกไม้เศรษฐกิจ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำมาใช้สอย และห้ามขาย จึงทำให้ คุณทองกาว ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการ พร้อมกับได้รับมอบที่ดิน จำนวน 15 ไร่ ไว้เพื่อปลูกไม้เศรษฐกิจ อาทิ ต้นสัก ต้นมะค่า ต้นชิงชัน ต้นพะยูง และต้นประดู่
คุณทองกาว มองว่าการปลูกไม้เหล่านี้ถึงแม้จะขายไม่ได้ แต่กลับมีคุณค่ากับคนรุ่นหลังที่ควรนำมาเรียนรู้ศึกษา เพราะหลายคนไม่เคยเห็นของจริง คงเพียงแต่ได้ยินชื่อ และเห็นในรูปภาพเท่านั้น พร้อมกับกล่าวแสดงความผิดหวังว่า มีพันธุ์ไม้หลายชนิดที่ทางราชการแจกจ่ายฟรีให้กับชาวบ้าน แต่หลายคนกลับไม่รู้คุณค่าของไม้เหล่านั้นจึงปล่อยทิ้งไว้ให้ตายไปโดยสูญเปล่า
ไม้เศรษฐกิจเหล่านั้นปลูกอย่างเป็นระเบียบเต็มพื้นที่ จำนวน 15 ไร่ อีกทั้งพื้นที่ว่างระหว่างต้น คุณทองกาวไม่ปล่อยให้เสียเปล่า เขาได้นำต้นปาดิกั้ง ซึ่งเป็นพืชสมุนไพรมาปลูก เพื่อเก็บดอกขาย เป็นการสร้างรายได้ ขายกิโลกรัมละ 120 บาท
ทั้งนี้ ต้นปาดิกั้ง เป็นไม้เมืองหนาวที่มักเกิดตามซอกหิน ในที่ร่มชื้น ชาวบ้านมักนำไปปรุงเป็นอาหาร และถ้าเมื่อใดมีจำนวนมากในท้องตลาด ราคาจะอยู่ที่ 80 บาท ต่อกิโลกรัม
ไม่เพียงเท่านั้น พื้นที่อีก จำนวน 15 ไร่ ยังถูกจัดเพื่อใช้สำหรับปลูกพืช ไม้ผล และเลี้ยงสัตว์ เช่น ไก่พื้นบ้าน หมู เป็ด และปลา เพื่อใช้บริโภคและจำหน่าย
ไก่พื้นเมืองเป็นสัตว์เลี้ยงที่คุณทองกาวชื่นชอบมาก เขาเลี้ยงไก่พื้นเมืองด้วยความเอาใจใส่ เลี้ยงอย่างมีระบบ ระยะแรกเลี้ยงจำนวนน้อย แล้วค่อยๆ เพิ่มจำนวนมากขึ้น และจากความที่เลี้ยงไก่พื้นเมืองอย่างมีคุณภาพ จึงเป็นผลทำให้ทางปศุสัตว์ให้การส่งเสริมด้วยการจัดตั้งเป็นสถานที่เรียนรู้ จนนำมาสู่การจัดตั้งเป็นศูนย์เรียนรู้ ไก่พื้นเมืองในเวลาต่อมา
“จากนั้นได้ให้ชาวบ้านที่สนใจเข้ามาอบรม กระทั่งมีการขยายผลทำให้อีกหลายส่วนเข้ามาเพิ่มเติม ทั้งนี้เพราะเห็นว่าทางเราทำเป็นตัวอย่าง จนในที่สุดกลับกลายมาเป็นศูนย์เรียนรู้เกษตรผสมผสานจนทุกวันนี้”
คุณทองกาว เลี้ยงไก่พื้นเมือง จำนวน 100 กว่าตัว โดยมีเหตุผล 2 อย่าง คือ ถ้าเป็นไก่ที่มีความสมบูรณ์ดีจะแยกขายเป็นไก่ชน แต่ถ้าตัวไหนไม่สมบูรณ์ก็จะขายให้ชาวม้งไปใช้ในพิธีกรรม ซึ่งพวกเขานิยมใช้ไก่ที่มีขนาดตัวละประมาณกิโลกรัมเท่านั้น คนกลุ่มนี้ใช้ไก่ประกอบพิธีกรรมบ่อยมาก จะมาหาซื้อบ่อย ทั้งนี้เพราะหลายคนเห็นว่าเป็นไก่ที่เลี้ยงอย่างมีคุณภาพ
นอกจากการเลี้ยงไก่พื้นเมืองแล้ว คุณทองกาว ยังเลี้ยงหมูเหมยซานด้วย และเป็นการเลี้ยงแม่เพื่อขายลูก ขณะนี้มีแม่พันธุ์อยู่ จำนวน 4 ตัว และพ่อพันธุ์ จำนวน 2 ตัว ส่วนลูกหมูก็ขายให้พวกชาวม้งเช่นกัน
ทางด้านไม้ผล คุณทองกาว บอกว่า ปลูกไว้หลายชนิด บางอย่างมีผล บางอย่างไม่ได้ผล หรือบางชนิดออกผลล่าช้ากว่าตามท้องตลาด เลยทำให้ราคาต่ำ และตรงกันข้ามมีไม้ผลบางอย่างถึงแม้จะออกล่าช้ากว่า แต่กลับทำให้ขายได้ราคาสูง
ถ้าถามถึงรสชาติ เจ้าของสวนรายนี้บอกได้เลยว่าเยี่ยม ทั้งนี้เป็นเพราะมาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นสภาพทางธรรมชาติ อย่าง ดิน น้ำ อากาศ หรือความสมบูรณ์ของพืชทุกชนิดที่ผ่านการปลูกโดยการใช้ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ที่นำมาจากมูลไก่ มูลหมู สำหรับใส่ในพันธุ์ไม้ชนิดต่างๆ ทั้งนี้ถึงแม้จะได้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านั้นก็ตาม แต่อาจไม่เทียบเท่ากับการทุ่มเททั้งกายและใจลงไปกับทุกอย่าง
“กรณีที่ชัดเจน อย่าง เงาะโรงเรียน ที่ปลูกไว้จำนวน 100 กว่าต้น มีรสชาติดีมาก มีความกรอบ แห้ง เป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่เดินทางเข้ามาดูงาน หรือบางคนแวะเวียนมาซื้อจากต้น โดยขายในราคา กิโลกรัมละ 20 บาท
หรือแม้แต่ มะไฟ ที่ปลูกไว้ จำนวน 30 กว่าต้น เป็นมะไฟเหรียญทอง ให้ผลผลิตช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ผลมีขนาดใหญ่กว่าปกติมาก แม่ค้านิยมมาซื้อไปขาย เพราะได้ราคาดี ในคราวที่แล้วขายได้เงินเป็นหมื่น นอกจากนั้นยังมี ทุเรียน พันธุ์มาจากมาเลเซีย และกล้วย รวมถึงกาแฟอะราบิก้า ที่ปลูกไว้ในพื้นที่ 2 ไร่ จำนวน 800 ต้น”
สวนป่ายงพฤกษา ถือเป็นสวนเกษตรแบบผสมผสานที่ประกอบด้วยหลายสิ่งหลายอย่างที่จัดไว้ได้อย่างลงตัว สอดคล้องกับการเกื้อกูลทางธรรมชาติอย่างเหมาะสม จนสามารถเติมเต็มการขาดหายไปของธรรมชาติได้อย่างดี
หากท่านมีโอกาสเดินทางไปเขาค้อ อย่าลืมแวะไปเยี่ยมเยียนสวนเกษตรผสมผสานของ ลุงทองกาว ยงพฤกษา เพราะที่นั่นเป็นแหล่งความรู้เกษตรที่ในตำราอาจไม่มี แล้วถ้าโชคดีท่านอาจได้ชิมไม้ผลหลายชนิดที่มีรสชาติอร่อยอีกด้วย แต่ก่อนแวะไป ต้องโทรศัพท์นัดล่วงหน้าก่อน เพื่อประกันความผิดหวัง ที่หมายเลขโทร. (083) 955-2096