ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน
http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05060011058&srcday=2015-10-01&search=no
| วันที่ 01 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 27 ฉบับที่ 608 |
เทคโนโลยีการเกษตร
ผศ. ดีเซลล์ สวนบุรี ศูนย์วิจัยสำรวจธรณีประยุกต์ ภาควิชาวิทยาศาสตร์พื้นพิภพ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โทร. (081) 496-9744 E-mail : fscidss@ku.ac.th, desell@yahoo.com
การจัดการสู้ภัยแล้ง สูตร “มก. – โมเดล” เริ่มที่ 4 อำเภออีสาน จังหวัดกาญจนบุรี
มก. ได้มีส่วนร่วมแก้ปัญหาสู้ภัยแล้งให้กับชุมชนที่กำลังเดือดร้อน ช่วยเหลือสังคมที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ตามแนวทางการจัดการสู้ภัยแล้งแบบ “มก. – โมเดล” เฟสแรกแบบเร่งด่วน จำเป็นต้องมีส่วนร่วมจากทั้ง 3 ฝ่าย คือนอกเหนือจาก มก. ที่เป็นผู้จัดการ ประสานงานหาผู้ใจดีบริจาคทุนดำเนินการแล้ว ชุมชนท้องถิ่น ผู้นำชุมชนต้องมีส่วนเข้าร่วมบริหารจัดการ ทั้งในการดำเนินงานสนาม และร่วมออกค่าใช้จ่ายด้วยบางส่วน และที่สำคัญคือแหล่งทุนสนับสนุนเพื่อให้การดำเนินงานจนสามารถพัฒนาน้ำใต้ดิน มาช่วยเหลือชุมชนในด้านอุปโภคบริโภคประสบผลสำเร็จ
การจัดการสู้ภัยแล้ง เริ่มใน 4 อำเภอ วิกฤตภัยแล้งของจังหวัดกาญจนบุรี คือ อำเภอบ่อพลอย อำเภอห้วยกระเจา อำเภอหนองปรือ และอำเภอเลาขวัญ ที่ได้ชื่อว่าเป็นพื้นที่หาน้ำยาก และกำลังเดือดร้อนขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค จนท้องถิ่นเองให้ฉายาว่าเป็นอีสานแห่งภาคตะวันตก
มก. ยังดำเนินการสู้ภัยแล้งอย่างยั่งยืน โดยระดมนักวิจัยของ มก. ดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่องในเฟสต่อไป โดยเป็นการร่วมบูรณาการอย่างเข้มข้น เช่น จากคณะสิ่งแวดล้อม คณะเกษตร และคณะวนศาสตร์ เป็นต้น และจากอีกหลายหน่วยงานของ มก. เพื่อช่วยเหลือชุมชนในหลายมิติเป็นมุมกว้างต่อไป สอดคล้องกับเอกลักษณ์ของ มก. คือ มุ่งสร้างศาสตร์แห่งแผ่นดิน เพื่อความกินดีอยู่ดีของชาติ
รูปแบบการจัดการสู้ภัยแล้ง สูตร มก. – โมเดล เฟสแรก
มก. เป็นแกนประสานงานทุกมิติ ทำหน้าที่ระดมหาทุนจากผู้ใจดี และหน่วยงานเอกชนร่วมกันบริจาคเป็นค่าดำเนินการ ช่วยเลือกเน้นพื้นที่การขาดแคลนน้ำใช้อุปโภคบริโภคค่อนข้างรุนแรง และต่อเนื่องเป็นเวลานาน และทำความเข้าใจเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชน ผู้นำชุมชน รวมทั้งช่วยบริหารจัดการในระดับท้องถิ่น และจุดเด่นอีกอย่างของ มก. คือ การพัฒนางานวิจัยที่ประยุกต์ด้านเทคนิค และเครื่องมือวิจัยในการหาแหล่งน้ำใต้ดินอย่างมีประสิทธิภาพ
ลำดับขั้นตอนของรูปแบบการจัดการสู้ภัยแล้ง มีดังนี้
1. เริ่มที่ระดับผู้บริหาร นักวิจัย สถาบันวิจัยและพัฒนาแห่ง มก. รวมทั้งสมาคมนิสิตเก่า มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมบริหาร วางแผนการจัดการทุกขั้นตอน ประชาสัมพันธ์จัดหาทุนสนับสนุนเพื่อให้โครงการสัมฤทธิ์ผล ในช่วงเวลาที่ชาวบ้านต้องการความช่วยเหลือ
2. การเลือกพื้นที่เป้าหมาย โดยมี ปลัดสุพจน์ บำรุงกลาง (ปลัด อบต. หนองปรือ) เป็นผู้ประสานงานกับหน่วยงานปกครองท้องถิ่นทั้ง 4 อำเภอ หมู่บ้านที่ได้รับการเลือกดำเนินการ เป็นพื้นที่ประสบภัยแล้ง แล้งซ้ำซากเป็นประจำทุกปี ซึ่งพบว่ามีปัญหาภัยแล้งจริงๆ จากนั้นเริ่มทำความเข้าใจผู้เข้าร่วมโครงการ ตั้งแต่การเลือกและจัดลำดับพื้นที่ที่พบว่าเป็นพื้นที่วิกฤตภัยแล้ง จึงทำให้การดำเนินงานในแต่ละหมู่บ้าน เป้าหมายเป็นไปตามทุกขั้นตอน ราบรื่น รวดเร็ว และได้ผลเป็นไปตามแผนที่วางไว้
พื้นที่ 9 หมู่บ้าน ของอำเภอหนองปรือ ภายใต้การบริหารจัดการของ อบต. หนองปรือ ผ่านการพิชิตภัยแล้งอย่างสมบูรณ์ ที่ประสบความสำเร็จจากการสำรวจชี้ตำแหน่งแหล่งน้ำใต้ดิน และการเจาะจนได้น้ำมาใช้แล้วตามแผนทุกขั้นตอน
การดำเนินการสู้ภัยแล้งกำลังดำเนินต่อเนื่องอีก 15 หมู่บ้าน ของ 3 อำเภอ คือ อำเภอบ่อพลอย อำเภอห้วยกระเจา และอำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี ที่เผชิญสภาวะภัยแล้งขาดแคลนน้ำอุปโภคขณะนี้
3. หาตำแหน่งที่เป็นแหล่งน้ำใต้ดิน เน้นพื้นที่ที่เป็นที่สาธารณะ หรือใช้สำหรับส่วนกลาง เช่น บริเวณใกล้ที่ตั้งหอถังน้ำประปาของหมู่บ้าน เป็นการศึกษาลักษณะอุทกธรณีวิทยาน้ำใต้ดิน ศักยภาพ และชั้นน้ำใต้ดิน ลักษณะแหล่งน้ำใต้ดินในบางพื้นที่จำเป็นต้องได้รับการแนะนำจากผู้อำนวยการ สิทธิศักดิ์ มั่นอยู่ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล ส่วนการชี้ตำแหน่งที่เป็นแหล่งน้ำใต้ดินสำหรับการเจาะ ดำเนินการโดย ผศ. ดีเซลล์ สวนบุรี หน่วยวิจัยสำรวจธรณีประยุกต์ คณะวิทยาศาสตร์ มก. ประยุกต์เทคโนโลยีเพื่อใช้หาแหล่งน้ำใต้ดิน เครื่องมือวิจัยจะอ่านค่าอัตโนมัติ 60 ขั้ว (Multi-electrode) แบบเชิง 2 มิติ แล้ววิเคราะห์ข้อมูล แบบเชิง 1 มิติ ที่ตำแหน่งทุกๆ 10 เมตร สามารถแสดงประเภทแหล่งน้ำใต้ดิน ความหนา ความลึก จำนวนชั้นน้ำในรอยแตกของหินแข็ง เป็นการกำหนดตำแหน่งแหล่งน้ำใต้ดินอย่างมีประสิทธิภาพ (รายละเอียดเทคนิค และวิธีการของการสำรวจหาแหล่งน้ำใต้ดินวิธีนี้ สามารอ่านเพิ่มเติมใน มติชนเทคโนโลยีชาวบ้าน ฉบับวันที่ 1 กรกฎาคม 2558 หน้า 80-81)
4. การเจาะและพัฒนาแหล่งน้ำใต้ดิน มก. ร่วมประสานงานกับผู้ร่วมสนับสนุนการดำเนินการเพื่อบรรลุผลสำเร็จขั้นตอนการเจาะน้ำ รวมทั้งติดตั้งปั๊มน้ำพร้อมได้น้ำสู่ชุมชน และร่วมบริหารจัดการน้ำให้กับชุมชน เช่น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จะช่วยสนับสนุนพื้นที่ อำเภอห้วยกระเจา ซึ่งอยู่ในเขตประกาศภัยแล้ง และส่วนการสนับสนุนพื้นที่อื่น เช่น อำเภอเลาขวัญ คุณสกล มงคลธรรมากุล นายกสมาคมนิสิตเก่า มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมช่วยสนับสนุน และประชาสัมพันธ์เชิญชวนนิสิตเก่าร่วมบริจาค เป็นทุนดำเนินการช่วยแก้ปัญหาภัยแล้งต่อไป
ด้านความรู้เรื่องการเจาะน้ำในแต่ละพื้นที่นั้น ได้รับความร่วมมือจาก คุณศุภผล จริงจิตร นายกสมาคมน้ำบาดาลไทย และสมาชิก ที่ช่วยแนะนำเทคนิคการเจาะน้ำและการจัดการแหล่งน้ำให้สอดคล้องกับลักษณะของชั้นน้ำบริเวณนั้นๆ รวมทั้งการคัดเลือกผู้เข้าร่วมดำเนินโครงการ หรือจะร่วมกันพัฒนาบ่อน้ำใต้ดินในลำดับต่อไป
5. น้ำที่ได้จากผลสำเร็จแล้ว จะนำมาเป็นน้ำดิบสำหรับประปาหมู่บ้าน เรื่องคุณภาพน้ำนับว่าสำคัญมาก เพราะน้ำใต้ดินที่ได้ในเขตพื้นที่แต่ละหมู่บ้าน มีคุณภาพแตกต่างกันตามสภาพพื้นที่ที่ความหลากหลาย เช่น เป็นชั้นน้ำในเขตหินแกรนิต มีคุณภาพที่ต่างกันจากหินปูน หรือจากชั้นตะกอนหินร่วน การตรวจวัดคุณภาพน้ำก่อนที่จะนำมาเป็นน้ำดิบสำหรับประปาหมู่บ้าน โดย ดร. กิตติชัย ดวงมาลย์ คณะสิ่งแวดล้อม มก. ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม จะดำเนินการเก็บตัวอย่างน้ำ และการวิเคราะห์ เน้นศึกษาตามลักษณะแหล่งน้ำใต้ดิน เช่น บริเวณที่เป็นหินแกรนิต ก็จะเน้นหาโลหะหนักและสารหนู เป็นต้น เมื่อทราบผลวิเคราะห์จึงมีการแนะนำแนวทางการบำบัดอย่างถูกวิธี เพื่อสุขภาพที่ดีของคนของในชุมชน
6. ปริมาณการสูบใช้น้ำควรสัมพันธ์กับการรักษาสภาพของบ่อให้ใช้งานได้สอดคล้องกับธรรมชาติของน้ำใต้ดินบริเวณนั้นๆ เมื่อสูบทดสอบปริมาณน้ำ จะช่วยแนะนำการสูบใช้น้ำในปริมาณที่เหมาะสม เช่น ระยะเวลา ปริมาณการสูบใช้งาน การติดตั้งขนาดปั๊มน้ำ ทั้งนี้ เพื่อรักษาความสมดุลของระบบน้ำใต้ดินมีความสำคัญต่อการใช้น้ำให้ยั่งยืน เพื่อให้บ่อน้ำบาดาลคงสภาพการใช้งานได้ยาวนาน
ผลสำเร็จในการสู้ภัยแล้ง ของอำเภอหนองปรือ
การจัดการสู้ภัยแล้งของพื้นที่อำเภอหนองปรือ จากบทบาทเด่นของ อบต. หนองปรือ เมื่อคัดเลือกหมู่บ้านที่เป็นผลกระทบจากภัยแล้ง ได้ 9 หมู่บ้าน (จาก 22 หมู่บ้าน) สามารถดำเนินการเจาะน้ำต่อเนื่องทันที เมื่อทราบผลการสำรวจแหล่งน้ำ ลักษณะแหล่งน้ำใต้ดินของแต่ละหมู่บ้านเป้าหมายมีความหลากหลายแตกต่างกัน ดูได้จากแผนที่น้ำบาดาล (รูปที่ 4) การดำเนินงานสนามของ หน่วยวิจัยสำรวจธรณีประยุกต์ มก. ยังจัดให้นิสิตภาควิชาวิทยาศาสตร์พื้นพิภพ ร่วมฝึกงานสำรวจแหล่งน้ำใต้ดิน ฝึกเทคนิคการประยุกต์ การใช้เครื่องมือวิจัยขั้นสูงในสนาม รวมทั้งการประมวลผลและแปลความหมายข้อมูล (รูปที่ 5)
ตัวอย่างผลการสำรวจด้วยเทคนิคเชิง 2 มิติ โดยเลือกมาแสดงจาก 2 หมู่บ้าน คือ บ้านหนองสาหร่าย หมู่ที่ 6 และบ้านหนองใหญ่ หมู่ที่ 11 ที่มีลักษณะของชั้นน้ำใต้ดินแตกต่างกัน คือหมู่ที่ 6 เป็นชั้นน้ำตะกอนหินร่วน ส่วนหมู่ที่ 11 ได้น้ำจากรอยแตกของหินปูนที่เป็นหินดานในพื้นที่ (รูปที่ 6 และ 7) จนสามารถชี้ตำแหน่งจุดเจาะ และได้ปริมาณน้ำ 20 และ 6 ลูกบาศก์เมตร ต่อชั่วโมง ตามลำดับ ผลการเจาะน้ำโดยรวม ได้น้ำใช้ทั้ง 9 หมู่บ้าน เป็น 100% ปริมาณที่ได้ก็แตกต่างกันตามลักษณะแหล่งน้ำใต้ดิน (ดูรายละเอียดในตารางที่ 1) ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานช่วงแรก ได้รับการสนับสนุนจาก บริษัท ธัส ไมนิ่ง จำกัด จึงทำให้การจัดการสู้ภัยแล้งของอำเภอหนองปรือ ประสบผลสำเร็จในระยะเวลาที่สามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของชาวบ้านได้ทันท่วงที
การดำเนินโครงการสู้ภัยแล้ง สูตร มก. – โมเดล ต้องทำงานกันเป็นทีม หลายฝ่าย ทั้งกับชุมชนท้องถิ่น และผู้สนับสนุนทุนดำเนินการเกี่ยวข้องกันหลายด้าน การใช้พื้นที่ การสำรวจ และการเจาะ แม้ว่าจะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการสู้ภัยแล้งเพื่อชุมชนที่เดือดร้อนขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค ยังต้องการผู้ใจดีอีกจำนวนมาก ร่วมบริจาคเข้าหมายเลขบัญชี 043-741327-1 “เกษตรศาสตร์ช่วยภัยแล้ง” ธนาคารกรุงเทพ สาขามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อเป้าหมายแรกประสบผลสำเร็จ ก็จะพัฒนานำเอาแนวทางเดียวกันนี้ไปดำเนินการต่อเนื่อง เช่น ขยายจำนวนหมู่บ้าน หรือขยายพื้นที่ไปจังหวัดอื่นๆ ต่อไป