ซีพีเอฟ จับมือ กรมประมง ฝ่าวิกฤติโรค อีเอ็มเอส หนุนลูกกุ้งที่ปราศจากเชื้อ เลี้ยงแบบ “เพชรบุรีโมเดล”

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05083011058&srcday=2015-10-01&search=no

วันที่ 01 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 27 ฉบับที่ 608

เทคโนโลยีการประมง

ธนสิทธิ์ เหล่าประเสริฐ

ซีพีเอฟ จับมือ กรมประมง ฝ่าวิกฤติโรค อีเอ็มเอส หนุนลูกกุ้งที่ปราศจากเชื้อ เลี้ยงแบบ “เพชรบุรีโมเดล”

นางมนทกานติ ท้ามติ้ม ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งเพชรบุรี กรมประมง เผย การจัดการบ่อเลี้ยงกุ้งในรูปแบบ “เพชรบุรีโมเดล” ที่ใช้สาหร่ายทะเลช่วยบำบัดเชื้อโรค ร่วมกับการใช้ลูกพันธุ์กุ้งของ ซีพีเอฟ ที่มีคุณภาพ และปราศจากเชื้อ ได้มีส่วนช่วยให้การเลี้ยงกุ้งได้ผลสำเร็จที่น่าพอใจ พร้อมถ่ายทอดต่อเกษตรกรสามารถนำไปปรับใช้กับฟาร์มได้ทันที

ในปี 2557 ที่ผ่านมา ผลการศึกษาจากหลายหน่วยงานต่างยืนยันเป็นที่แน่นอนแล้วว่า โรค อีเอ็มเอส ในกุ้ง เกิดจากเชื้อแบคทีเรียวิบริโอ พาราฮีโมไลติคัส สายพันธุ์ AHPND ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งเพชรบุรี กรมประมง ได้พัฒนารูปแบบการเลี้ยงกุ้ง เรียกว่า “เพชรบุรีโมเดล” โดยนำธรรมชาติช่วยบำบัดเชื้อที่มาของโรคในกุ้ง ด้วยการนำสาหร่าย และจุลินทรีย์ ผนวกกับการใช้ลูกพันธุ์กุ้งที่มาจากโรงเพาะฟักกุ้งที่มีมาตรฐานและปราศจากเชื้อ ที่สามารถลดโอกาสการติดเชื้อโรคต่างๆ ที่สร้างความเสียหายให้กับกุ้งได้มากขึ้น นางมนทกานติ กล่าว

ด้าน น.สพ. สุจินต์ ธรรมศาสตร์ รองกรรมการผู้จัดการบริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ กล่าวว่า ซีพีเอฟ สนับสนุนศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งเพชรบุรี ด้วยการผลิตลูกพันธุ์กุ้งที่มีคุณภาพ ปราศจากโรค ได้มาตรฐานสูง รวมถึงใช้เครื่องมือตรวจสอบการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียที่แม่นยำทุกขั้นตอน โดยมองว่าความร่วมมือกับกรมประมงจะมีส่วนช่วยพัฒนากระบวนการฟาร์มเลี้ยงกุ้งที่ยั่งยืน สร้างความมั่นใจให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง ได้นำไปต่อยอดสร้างความสำเร็จในการเลี้ยงกุ้ง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมกุ้งของประเทศต่อไป

นางมนทกานติ กล่าวต่อว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งเพชรบุรี กรมประมง ได้พัฒนา “เพชรบุรีโมเดล” มาใช้กับการเลี้ยงกุ้งด้วยการจัดการบ่อเลี้ยงกุ้ง โดยนำธรรมชาติช่วยบำบัดเชื้อโรคในบ่อเลี้ยงด้วยสาหร่ายทะเลและจุลินทรีย์ พร้อมกับใช้เทคนิคการเลี้ยงแบบผสมผสาน ทั้งการให้อาหาร การลดปริมาณสารอินทรีย์ สร้างสภาพแวดล้อมของบ่อให้เกิดความสมดุลของปริมาณแบคทีเรีย เพื่อลดโอกาสการติดโรค สร้างภูมิต้านทานให้กับกุ้ง ซึ่งประกอบด้วย 4 ขั้นตอน ได้แก่ การเตรียมบ่อเลี้ยงกุ้ง การเตรียมน้ำที่ใช้เลี้ยง เทคนิคการให้อาหารกุ้ง และการจัดการระหว่างการเลี้ยง

การเตรียมบ่อเลี้ยงกุ้งของเพชรบุรีโมเดล ประกอบด้วย บ่อเลี้ยงกุ้ง 1 ไร่ ต่อบ่อพักน้ำที่มีการเลี้ยงสาหร่ายทะเล 1 ไร่ โดยทั้งสองบ่อจะบำบัดเชื้อโรคการฆ่าเชื้อล่วงหน้า ประมาณ 1 เดือน ด้วยการใส่วัสดุปูนร้อน เช่น ปูนเปลือกหอยเผา พร้อมกับจุลินทรีย์ คราดเลนออกจากก้นบ่อ พร้อมมีระบบเพิ่มอากาศก้นบ่อเลี้ยงกุ้ง เพื่อเตรียมบ่อให้สะอาดก่อนการปล่อยน้ำสำหรับการเลี้ยงกุ้ง และเลี้ยงสาหร่ายทะเลต่อไป

สำหรับบ่อพักน้ำที่ใช้เลี้ยงสาหร่ายทะเล ขนาด 1 ไร่ ติดตั้งราวไม้ไผ่ จำนวน 4 ราว สำหรับแขวนแผงเลี้ยงสาหร่ายทะเล หนักประมาณ 5-10 กิโลกรัม สำหรับชนิดของสาหร่ายทะเลต้องเลือกให้เหมาะสมกับระดับความเค็ม ซึ่งที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งเพชรบุรีเลือกใช้สาหร่ายพวงองุ่น ที่เหมาะกับความเค็ม 25-30 ส่วน ต่อน้ำทะเล 1,000 ส่วน

บ่อเลี้ยงสาหร่ายจะทำหน้าที่เป็นบ่อพักและบำบัดน้ำที่ผันเข้ามาเพื่อใช้เลี้ยงกุ้ง สาหร่ายทะเลจะช่วยให้น้ำสะอาด ใสขึ้น ช่วยควบคุมแบคทีเรียและแพลงตอนให้ลดลง รวมทั้งทำหน้าที่ผลิตออกซิเจนเติมให้กับน้ำอีกด้วย

โดยใช้เวลาพักและบำบัดน้ำและปรับความเค็ม 2 สัปดาห์ ก่อนถ่ายน้ำเข้าสู่บ่อเลี้ยงกุ้ง พักน้ำไว้ ประมาณ 7 วัน ก่อนปล่อยลูกกุ้งลงสู่บ่อเลี้ยง โดยใช้อัตราการปล่อยลูกกุ้ง 100,000 ตัว ต่อบ่อ 1 ไร่

ส่วนเทคนิคการเลี้ยง จะมีการปรับการให้อาหารเพื่อลดปริมาณสารอินทรีย์ในช่วงแรกของการเลี้ยง จึงให้อาร์ทีเมียตัวเต็มวัยแทนอาหารกุ้ง ใส่ในบ่อเลี้ยง ประมาณ 10 กิโลกรัม ต่อกุ้ง 100,000 ตัว ก่อนปล่อยลูกกุ้ง 1 วัน และให้ต่อเนื่องในช่วง 7 วันแรก ของการเลี้ยง เมื่อครบ 7 วัน จึงให้อาหารสำเร็จรูปทั้ง 5 มื้อ เพื่อรักษาสมดุลของจุลินทรีย์และควบคุมเชื้อแบคทีเรียในตัวกุ้ง โดยเติมจุลินทรีย์ที่ผ่านการหมักทั้งในอาร์ทีเมียและอาหารเม็ดก่อนให้กุ้งกิน ในอัตราส่วน 1 ลิตร ต่ออาร์ทีเมีย 1 กิโลกรัม

นอกจากนี้ อาจมีการเสริมวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ในอาหาร เพื่อเสริมสร้างภูมิต้านทานและช่วยให้กุ้งลอกคราบดีขึ้น

ในช่วงเดือนแรกของการเลี้ยง ไม่มีการเปลี่ยนถ่ายน้ำ หลังจากนั้น จึงเติมหรือเปลี่ยนถ่ายน้ำโดยหมุนเวียนน้ำ ระหว่างบ่อเลี้ยงกุ้งและบ่อเลี้ยงสาหร่ายทุกสัปดาห์ หรือตามความเหมาะสม และในระหว่างการเลี้ยงจะมีการเติมจุลินทรีย์ ปม.1 เพื่อรักษาสมดุลของจุลินทรีย์ในน้ำอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาการเลี้ยง

ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งเพชรบุรี ยังเน้นให้ความสำคัญกับลูกกุ้งที่มีคุณภาพ แข็งแรง ที่มาจากโรงเพาะฟักลูกกุ้งที่มีกระบวนการจัดการการเลี้ยงที่มีมาตรฐานสูง รวมทั้งการควบคุมคุณภาพและตรวจสอบคุณภาพอย่างเคร่งครัดจนมั่นใจได้ว่าลูกกุ้งปราศจากเชื้อที่ก่อให้เกิดโรค

“และจากการที่ศูนย์ทดลองใช้พันธุ์ลูกกุ้งของ ซีพีเอฟ มา 4 รอบ การเลี้ยงที่ผ่านมา ใช้ระยะการเลี้ยง 70 วัน ประสบความสำเร็จทุกรุ่น ผลผลิต 1,025 กิโลกรัม ต่อไร่ ขนาดกุ้งที่จับได้ ประมาณ 80 ตัว ต่อกิโลกรัม มีอัตราแลกเนื้อ ประมาณ 1.25 กุ้งมีอัตรารอด ร้อยละ 82 ทั้งนี้ กรมประมง ยังได้ถ่ายทอดแนวทางการจัดการบ่อกุ้ง แบบเพชรบุรีโมเดล และการใช้พันธุ์ลูกกุ้งที่มีมาตรฐานสู่เกษตรกร เพื่อสร้างผลผลิตกุ้งที่ดีต่อไป” นางมนทกานติ ท้ามติ้ม กล่าวทิ้งท้าย

Leave a comment