ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/detail/20160304/223518.html
ทำไมต้องเป็น‘วัฒนา เมืองสุข’ : อรรถยุทธ บุตรศรีภูมิ
วาทกรรม “ปรับทัศนคติ” ถือเป็นสิ่งที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นำมาใช้เรื่อยๆ ตั้งแต่เข้าควบคุมอำนาจการปกครอง ในเบื้องต้นคล้ายกับเป็นการเรียกกลุ่มหรือฝั่งต่างๆ มาปรับความเข้าใจว่าสถานการณ์ของประเทศเปลี่ยนไปไม่ได้อยู่ในระบอบเดิมอีกแล้ว พร้อมทั้งเป็นการปรามกลายๆ เรื่องการห้ามเคลื่อนไหวทางการเมืองใดๆ
แต่ในระยะหลังๆ การพาตัวไป “ปรับทัศนคติ” ถูกนำมาใช้ยามที่รัฐบาลต้องการกระชับอำนาจหรือแสดงให้เห็นว่าเป็นประเทศเรายังอยู่ในสถานการณ์ไม่ปกติการเคลื่อนไหวเรื่องใดๆ ยังถูกห้าม และรวมถึงการนำมาใช้กับเหล่าผู้ต่อต้านวิพากษ์วิจารณ์คณะผู้ถืออำนาจรวมถึงตัวผู้ถืออำนาจบางคน
เช่นที่เกิดขึ้นล่าสุดกับ “วัฒนา เมืองสุข” แต่คำถามคือ ทำไมต้องเป็นเขา
ชัดเจนว่า “วัฒนา” เป็นทนายความและก้าวเข้าสู่ความเป็นนักการเมือง โดยการได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ปราจีนบุรี ในนามพรรคชาติพัฒนา และต่อมาก็ได้ก้าวเข้าสู่กลุ่มขั้วการเมืองของ “ทักษิณ ชินวัตร” โดยเข้ามาเป็น ส.ส.ของพรรคไทยรักไทย
จากนั้นความเป็นนักการเมืองได้เจริญขึ้นเป็นลำดับ โดยในปี 2544-2545 ได้เป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง และปี 2545 ได้เป็นรัฐมนตรีครั้งแรกในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ต่อมาปี 2546 ขึ้นชั้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จนกระทั่งปี 2548 เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และในปีเดียวกันก็ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์อีกด้วย
แต่ก็ต้องมาสะดุดหยุดลงเมื่อรัฐประหารปี 2549
“วัฒนา” กลับสู่การเมืองอีกครั้ง โดยได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส.ในปี 2554 ในนามพรรคเพื่อไทย
นอกจากที่รู้จักในนามนักการเมืองแล้ว ยังรู้กันว่ายังมีเบื้องหลังแน่นปึ้กเพราะเป็นที่รู้กันว่าวัฒนาเป็น “หลานเขยซีพี”
อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดการรัฐประหารอีกครั้งในปี 2557 วัฒนาก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกเรียกปรับทัศนคติ
บทบาทของ “วัฒนา” เงียบหายไปพักใหญ่ จนกระทั่งช่วงเดือนเมษายน 2558 ก็เริ่มออกมาแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญฉบับกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญที่มี นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธาน
จากนั้นก็เคลื่อนไหววิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลมาเรื่อยๆ จนเมื่อเดือนมิถุนายน 2558 ที่นักศึกษากลุ่มประชาธิปไตยใหม่มีการเคลื่อนไหวเนื่องในโอกาสครบรอบการเปลี่ยนแปลงการปกครอง “วัฒนา” ก็ออกมาระบุว่านักศึกษาสามารถเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยได้
การออกมาครั้งนั้น ทำให้เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน วัฒนาถูกทหารเรียกให้ไปพบที่กองทัพภาคที่ 1 เพื่อปรับทัศนคติอีกครั้ง และถูกสั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ทำให้ต่อมาได้ออกมาเรียกร้องว่าทำไมจึงถูกคำสั่งดังกล่าว และได้ไปฟ้องต่อศาลปกครอง เพื่อขอให้เพิกถอนประกาศ คสช.ฉบับที่ 21/2557 ที่ห้ามบุคคลจำนวน 155 คนออกนอกราชอาณาจักร โดยระบุว่าประกาศดังกล่าวเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ที่สุดศาลปกครองก็มีคำสั่งไม่รับคำฟ้อง โดยให้เหตุผลว่าประกาศดังกล่าวเป็นการปฏิบัติตามประกาศที่มาตรา 47 วรรคหนึ่ง ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ที่บัญญัติให้ประกาศและคำสั่ง คสช.ทุกฉบับเป็นประกาศและการปฏิบัติที่ชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญให้เป็นที่สุด
จากนั้น ในวันที่ 13 กันยายน วัฒนาก็ออกมาเรียกร้องว่าถูกทำร้ายร่างกาย โดยอ้างว่าถูกต่อยเข้าที่ท้ายทอย ระหว่างกำลังจะขึ้นรถกลับออกจากสนามฟุตบอลที่เมืองทองธานี
แน่นอนว่า “วัฒนา” พุ่งเป้าไปที่ทหาร
ต่อจากนั้นมา วัฒนายังคงวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอย่างเผ็ดร้อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อคดีจำนำข้าว เรื่องรัฐธรรมนูญที่ตำหนิอย่างรุนแรงว่าไม่เป็นประชาธิปไตย ถึงขั้นใช้คำว่า “รัฐธรรมนูญขี้เรื้อน” “รัฐธรรมนูญฉบับคุ้มครองโจร”
รวมไปถึงการโจมตีรัฐบาล อย่างเรื่องเศรษฐกิจและการใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรม หรือคนที่ออกมาสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลทหารว่า “เศษขยะประชาธิปไตย”
ทุกครั้งที่โพสต์เฟซบุ๊ก ก็จะส่งสิ่งที่โพสต์มาให้สื่อมวลชนเพื่อต้องการให้เป็นข่าว จนกระทั่งล่าสุดซึ่งน่าจะเหมือนเป็นฟางเส้นสุดท้าย โดยเมื่อวันที่ 1 มีนาคม ที่ผ่านมา วัฒนาได้โพสต์ข้อความในหัวข้อ “อีคิวต่ำไปหน่อย”
บทความดังกล่าวเป็นการโจมตี “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ให้สัมภาษณ์ถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งถูกทหารคอยตามถ่ายรูปว่า “ที่บุกถ่ายรูปคงเห็นว่าสวย” โดยมองว่าเป็นการเหยียดหยามทางเพศและวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง
ทำให้เช้าวันที่ 2 มีนาคม ทหารได้เข้าไปที่บ้านและเชิญตัวไปที่ มทบ.11 ภายใต้วาทกรรม “ปรับทัศนคติ” ซึ่งตอนแรกหลายคนคาดการณ์ว่าอาจต้องใช้ชีวิตอยู่ในค่ายทหาร 3-7 วัน แต่ในคืนวันเดียวกันนั้นเองก็ถูกปล่อยออกมา แต่ก็ถูกนำตัวไปฟ้องต่อศาลข้อหาผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ในเช้าวันที่ 3 มีนาคม ซึ่งศาลก็ให้ประกันตัวโดยใช้หลักทรัพย์ 1 แสนบาท และห้ามออกนอกประเทศ
อย่างไรก็ตาม เมื่อวัฒนาถูกปล่อยออกมา หลายคนจับตาว่าจะเพลาการวิจารณ์รัฐบาลลงหรือไม่ แต่คำตอบก็เกิดขึ้นในไม่กี่ชั่วโมงหลังจากได้รับการปล่อยตัวออกมา โดยได้โพสต์ข้อความใช้ชื่อว่า “ทำไมผมถึงวิจารณ์คุณไม่ได้”
หลายคนมองว่าที่วัฒนาทำเพราะต้องการปกป้อง “ยิ่งลักษณ์” หลายคนมองว่าต้องการสร้างชื่อให้อยู่ในกระแสเพื่อให้นายใหญ่สนใจและเข้าไปอยู่วงใน และหลายคนมองมองว่าต้องการดิสเครดิตรัฐบาล และในอีกหลายกลุ่มก็มองว่ามีจุดยืนที่ต่อต้านรัฐประหารและรัฐบาลทหาร
แต่ไม่ว่าอย่างไร ข้อเท็จจริงคือนาทีนี้ “วัฒนา” กำลังยืนแลกหมัดกับผู้ถืออำนาจอย่างไม่เกรงกลัว
