‘นายกฯ’เมิน‘วัฒนา’ร้อง‘ยูเอ็น’

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/detail/20160303/223499.html

การเมือง : ข่าวทั่วไป
วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม 2559
‘นายกฯ’เมิน‘วัฒนา’ร้อง‘ยูเอ็น’

‘นายกฯ’ เมิน ‘วัฒนา’ ขยายความฟ้อง ‘ยูเอ็น’ บอกเตือนหลายครั้งแล้ว สั่งทูตชี้แจงพฤติกรรมพวกป่วนให้นานาประเทศ ยันไม่ห้ามขรก.ออกรายการ ‘สรยุทธ’ ให้ดูความเหมาะสม

      3 มี.ค.59 เวลา 11.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้สัมภาษณ์กรณีทหารเชิญตัวนายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย มาปรับทัศนคติ และแจ้งขอหาผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ว่า ก่อนหน้านี้ได้เตือนไปหลายครั้งแล้ว สื่ออย่าไปพาดหัวข่าวจับ แค่ทหารไปเชิญ และจริงๆนั้นอยากให้ดูคำสั่งคสช.ว่าอย่างไร มาตรา 44 เขียนว่าอย่างไร การกระทำอะไรที่สร้างความเดือดร้อน สร้างความขัดแย้ง ซึ่งวันนี้ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ ดังนั้นเขาไม่ควรจะพูดอะไรที่เสียหาย ถ้าเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ที่เป็นประโยชน์ ตนเคยไปยุ่งอะไรหรือไม่ บางคนไม่เป็นประโยชน์ตนก็ยังทน
      ผู้สื่อข่าวถามว่า ห่วงหรือไม่ว่าจะมีการนำไปขยายความร้ององค์การสหประชาชาติ(UN) เหมือนที่เคยทำ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ไปร้อง ตนก็ชี้แจงยูเอ็นตลอดอยู่แล้ว วันนี้ตนก็ให้ทูตชี้แจงในต่างประเทศ ส่งข้อมูลพื้นฐานไปแล้ว ใครทำความผิดอะไรบ้าง พฤติกรรมที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ส่งไปหมดทุกประเทศ ดังนั้นทุกประเทศจะมีชื่อและข้อมูลหมด เวลาใครพูดมาก็ไปชี้แจงเขา เป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ คงไม่ปล่อยให้เขาไปฟ้องข้างเดียว
      “ผมไม่ได้ไปตอบโต้ แต่เป็นการนำข้อเท็จจริงไปชี้แจง และหลายประเทศเขาก็เข้าใจมากขึ้นเรื่อยๆ เราอย่ามาทำลายกันเองเลย” นายกฯ กล่าว
‘นายกฯ’ ยันไม่ห้ามขรก.ออกรายการ ‘สรยุทธ’ ให้ดูความเหมาะสม
      3 มี.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายกฯให้ข้อคิดกับข้าราชการถึงความเหมาะสมในการออกรายการของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกร และผู้ดำเนินรายการที่ถูกศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุก 13 ปี 4 เดือน จากคดียักยอกเงิน ว่า
      “ผมไม่เคยห้าม แต่ให้ข้าราชการไปพิจารณาเอาเองว่าควรหรือไม่ แต่สิ่งที่อยากให้ทบทวนและช่วยดูให้ผมด้วย ว่าทำไมถึงต้องออกมาพูดว่าให้ไปพิจารณาเอาเองว่าเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมอย่างไร เพราะวันนั้นหลังจากมีปัญหาปรากฏก็มีเทปสัมภาษณ์อธิบดีกรมสรรพกรออกมา ซึ่งเอามาออกทำไม เมื่อมีเหตุการณ์หรือสถานการณ์เกิดขึ้นแล้วมีคำสั่งศาลออกมา ทำไมไม่เอาเทปอื่นมาออก แต่เทปนี้ซึ่งออกอากาศไปแล้วเมื่อสองอาทิตย์ก่อน เอามาออกซ้ำ ทำให้สื่ออื่นออกมาโจมตี เอารูปอธิบดีไปออก ซึ่งอธิบดีรายงานผมว่าได้ให้สัมภาษณ์มา 2-3 อาทิตย์แล้ว ผมจึงสงสัยว่าจะเอามาออกช่วงนี้เพื่ออะไร ให้ไปถามช่อง 3 สิ เพื่อประโยชน์อะไรให้คนมาว่ารัฐบาลไม่สนใจ ทำให้มีการโจมตีรัฐบาลว่าที่เคยบอกให้ความสำคัญกับเพื่อการปราบปรามการทุจริต แล้วทำไมถึงให้อธิบดีไปออกรายการที่มีปัญหา ซึ่งเรื่องทุจริตผิดกฎหมายก็ไปว่ากันมา”
‘นายกฯ’ ฝากสื่อวิจารณ์ได้ แต่อย่าให้ร้ายโดยไม่มีข้อมูล
      3 มี.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงวันที่ 5 มี.ค. ซึ่งเป็นวันนักข่าว ว่า รู้อยู่แล้ว โดยที่ผ่านมาได้บอกหลายครั้งว่าให้ทบทวนสถานการณ์โลก และในบ้านของเรา มีปัญหาอะไรบ้าง สำหรับสื่อตนไม่ไปห้ามเพราะคงห้ามหมดไม่ได้อยู่แล้ว เราเป็นประเทศที่จะต้องเป็นประชาธิปไตย ตนก็ประชาธิปไตย แต่ก็มีคนบอกว่า ก้ำๆกึ่งๆ ใช้อำนาจก็ใช้ บางคนบอกใช้น้อยเกินไปด้วยซ้ำมันถึงวุ่นวายแบบนี้
      “ผมไม่อยากให้ทุกคนเหมือนดื้อยา ใช้ยาแรงทุกเรื่องมันไม่ใช่ เรากำลังเตรียมการสู่ประชาธิปไตย นี่คือสิ่งที่ผมยืนยัน เจตนารมณ์ของผม มันคือจะต้องเป็นประชาธิปไตยอยู่แล้ว แต่ประชาธิปไตยอย่างไร ที่จะแก้ปัญหาของเดิม ไม่ให้เกิดปัญหาใหม่ ประเทศชาติเดินหน้าไปได้ ไม่ติดล็อคเหมือนเดิมทั้งหมด นั่นแหล่ะเป็นสิ่งที่แตกต่าง ฉะนั้นต้องช่วยกัน แม่น้ำ 5 สายก็พยายามคิดและทำอยู่ อย่าไปบอกว่าทำไม่สำเร็จ ทำไม่ได้ มันจะทำได้อย่างไรของเก่าเต็มไปหมด วันนี้รื้อประเทศทั้งประเทศ รื้อระบบเส้นส่งกำลังทั้งหมด ทั้งเส้นเลือดใหญ่ กลาง เล็ก มาต่อเชื่อมโยงกัน ตรงไหนก่อนหลัง ทำอย่างไรให้ทั่วถึง และเป็นธรรม” นายกฯ กล่าว
      พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ว่ารัฐบาลไหนที่จะเข้ามา จะต้องพิจารณาในรูปแบบของภูมิภาคงบประมาณก็ต้องลงตามภูมภาคไม่ใช่ตามคะแนนเสียง ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นจึงต้องมียุทธศาสตร์ชาติ ให้เขาเดิน เราก็จะเห็นอนาคต แต่บางคนบอกจะให้ทำวันนี้เลย ยังไงก็คงทำไม่ได้หรอก สองปีที่ผ่านมาตนทำเยอะ แต่ที่เป็นผลสัมฤทธิ์จับต้องได้จริงๆ มันยังอีกเยอะที่ยังไปไม่ถึง เพราะยังอยู่ในขั้นตอนแก้ปัญหาเก่า ที่เละเทะ ต้องรื้อทั้งหมด อันไหนที่ทำได้ก็เดินหน้าไป เข้มงวดข้าราชการเจ้าหน้าที่ในเรื่องโครงการ ไม่ทุจริตทำแผนงานแบบบูรณาการจัดลำดับความเร่งด่วน น้ำ ถนน ต้องเชื่อมต่อกัน ไม่ใช่ต่างคนต่างใช้งบประมาณและเดี๋ยวจะต้องมีการจัดทำพ.ร.บ.งบประมาณใหม่ ให้ตรงกรอบที่วางไว้
      “ผมอยากให้สื่อเข้าใจการเมืองคือเรื่องของการเมือง ความขัดแย้งคือเรื่องของความขัดแย้ง ถ้าเอาการเมือง ความขัดแย้ง การพัฒนาประเทศ การปฏิรูป มาปนกันมันจะไม่เกิดอะไรสักอย่าง มันจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิงทั้งหมด เดินหน้าไม่ได้ทั้งหมด ฝากสื่อช่วยทำความเข้าใจตรงนี้ ใครจะวิพากษ์วิจารณ์ได้ แต่อย่าให้ร้ายโดยไม่มีข้อมูล พูดกล่าวเฉยๆไม่ได้ ผมปล่อยและให้เกียรติกัน อยากว่าอะไรก็ว่าไป ผมก็ทนทั้งที่จริงทางกฎหมายทำได้แต่ผมก็ยังไม่อยากทำ เพราะมันพวกเรากันเองคนไทยด้วยกัน อย่าให้คนเขามาปลุกปั่นเราเลย คนอยู่ในประเทศ ถูกคนนอกประเทศปลุกปั่นแล้วเราจะไปตามเขาทำไม ถ้าเขาจะมาปลุกปั่นได้ ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเท่านั้นเอง พวกที่อยู่เมืองนอกทั้งหมด อย่าไปพูดข้างนอกมันประจานตัวเอง ผมว่าหลายประเทศเขาเข้าใจเรามากขึ้นเรื่อยๆ”กล่าวพร้อมกับพูดว่า โอเคนะ วันนี้อารมณ์ดี” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
      ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการให้สัมภาษณ์นายกรัฐมนตรีวันนี้ เป็นไปตามข้อตกลงคือผู้สื่อข่าวจะต้องแจ้งชื่อสังกัดและคำถามที่จะถามนายกรัฐมนตรีกับเจ้าหน้าที่กองงานโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีล่วงหน้า ซึ่งโดยครั้งนี้กำหนดให้ถามได้ 5 คำถาม ทั้งนี้ตลอดการให้สัมภาษณ์นายรัฐมนตรีตอบคำถามด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ โดยให้มากกว่า 5 คำถาม
‘นายกฯ’ แจงการประปาปล่อยน้ำไม่สม่ำเสมอลดการใช้น้ำ-ป้องกันท่อนแตก
      3 มี.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีสถานการณ์น้ำโดยเฉพาะเรื่องน้ำประปาที่มีการปล่อยน้ำไม่สม่ำเสมอทำให้ประชาชนกักตุนน้ำ ว่า มีการรายงานสถานการณ์เข้ามาตลอดเวลา ทั้งเรื่องของน้ำอุปโภค บริโภคและน้ำเพื่อการเกษตร ซึ่งปัญหานี้ตนอยากให้ประชาชนเข้าใจไม่ว่าจะคิดอะไรก็ตาม เราต้องคำนึงถึงน้ำต้นทุนที่มีอยู่ในเขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำ เพราะหากไม่มีน้ำจะต้องมาคำนวณว่าจะลดการใช้ในส่วนใดได้บ้าง เพื่อรักษาการใช้น้ำอุปโภคบริโภค ทั้งนี้การประปายืนยันว่าจะมีการใช้น้ำส่วนนี้เพียงพอถึงเดือนกรกฎาคม 2559 จึงทำให้มีการปล่อยน้ำไม่สม่ำเสมอเพื่อลดการปล่อยน้ำ รวมถึงลดแรงดันน้ำเพื่อไม่ให้ท่อแตกหรือรั่วด้วย
      นายกฯ กล่าวว่า เรื่องการเกษตรจะเพียงพอที่จะสามารถปลูกข้าวได้ ส่วนใดควรที่จะลดการปลูกข้าวเพื่อหันไปปลูกพืชชนิดอื่นแทน ซึ่งรัฐบาลจะอนุมัติงบประมาณส่วนหนึ่งให้เกษตรกรเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการปลูกพืช แต่หากใครต้องการปลูกข้าวก็ต้องยอมรับความเสียหายที่จะเกิดขึ้น เพราะมีน้ำไม่เพียงพอที่จะปลูกข้าวอยู่แล้ว วันนี้เรามีพื้นที่ทำการเกษตรประมาณ 147 ล้านไร่ ซึ่งขณะนี้สามารถใช้ได้ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ในเขตพื้นที่ชลประทาน ซึ่งวันนี้รัฐบาลได้ขุดแหล่งน้ำทั้งขนาดใหญ่ ขนาดกลางรวมถึงบ่อบาดาลจำนวนมาก จึงขอให้แยกออกจากกันในเรื่องทุจริตก็ส่วนทุจริต ก็ขอให้สอบสวนกันเอง ซึ่งคิดว่าในช่วงฤดูฝนปีนี้จะสามารถกักเก็บน้ำได้จำนวนมาก และบางแหล่งกักเก็บน้ำก็สามารถใช้ในการเกษตรได้บ้างแต่ไม่สามารถใช้ได้ทั้งหมด
‘นายกฯ’ เห็นด้วยข้อเสนอ ‘ประวิตร’ ให้ส.ว.สรรหาดูช่วงเปลี่ยนผ่าน 5 ปี
      เมื่อเวลา 11.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชนา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงแนวคิดของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่เสนอให้มีสมาชิกวุฒิสภาให้มาจากการสรรหาทั้งหมดทำงานในช่วง 5 ปี ซึ่งถือเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านว่า ต้องไปดูต่างประเทศ ซึ่งเขาก็ทำแบบนี้ มีหลายประเทศก็ทำ วันนี้เราต้องถามย้อนกลับว่าประเทศชาติของเรามีปัญหาหรือไม่ หรือสื่อคิดว่ามันไม่มีอะไรเลย ดีทุกอย่าง ดีเลิศประเสริฐศรี
      “ผมเคยพูดมาตั้งนานแล้วว่ามันมีปัญหาจึงต้องมาคิดว่าทำอย่างไรให้เกิดความสมดุลในช่วงเวลาที่เกิดการเปลี่ยนผ่าน ถึงได้พูดตลอดว่ารัฐธรรมนูญก็ว่ากันไป บทเฉพาะกาลก็แยกออกมาว่าจะทำอย่างไร คำว่า 5 ปี นั้น ถ้าเขาอยู่ได้ 5 ปีจริง เขาก็ทำหน้าที่ของเขาในฐานะ สว. ซึ่งมีหน้าที่พิจารณาร่วมกับ ส.ส. ทั้ง 2 สภา เพราะฉะนั้นถ้ามีอะไรที่เป็นประเด็นปัญหา เขาก็แค่ขอเปิดประชุมสภาเพื่อพิจารณาโดยอภิปราย ซึ่งไม่ใช่อภิปรายเรื่องการทุจริตเพียงอย่างเดียวก็ต้องมาพูดคุยด้วยว่าแผนปฏิรูปที่ทำมาทำไปแค่ไหนแล้วอย่างไร มีการชี้แจงมา ถ้ายังไม่ทำก็ต้องไปทำมา ซึ่งผมคิดว่าท่านรองประวิตรก็เข้าใจเช่นเดียวกับผม เพราะคิดเหมือนกันอยู่แล้ว เพียงแต่พล.อ.ประวิตรมีความคาดหวังว่า ไม่ต้องการให้ปัญหาลุกลามบานปลาย ถ้าปล่อยให้เป็นแบบเดิม ส.ว.และ สส.ต่างก็เลือกเข้ามามีญาติพี่น้อง มีลูกเมีย มันก็ไปด้วยกันหมด ประเทศชาติมันก็แกว่ง มันไปไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไปจับผิดรัฐบาล แต่เป็นการช่วยรัฐบาลในการประเมินผลงานของรัฐบาล หน้าที่ของ ส.ว.เป็นเช่นนี้ หน้าที่อีกอย่างคือการเปิดประชุม 2 สภา เรื่องนี้คิดว่ามันเป็นหน้าที่อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น ส.ว.หรือ ส.ส. หน้าที่แรกคือการดูเรื่องธรรมาภิบาล ความโปร่งใสในการทำงาน รวมทั้งการเดินยุทธศาสตร์ของประเทศ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
      นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเดินยุทธศาสตร์ประเทศนั้น มีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว ในการทำนั้นก็เป็นเพียงการเขียนข้อหลักๆ ไว้ เหมือนการนำแผนของสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งเป็นกรอบใหญ่ๆ มาบรรจุไว้ ซึ่งจะต้องสอดคล้องกับนโยบายความมั่นคงของประเทศ ยุทธศาสตร์ประเทศ 20 ปี ซึ่งในทุก 5 ปี สภาพัฒนฯก็จะมาทำเพื่อเขียนแผนให้สอดคล้อง ซึ่งในเรื่องปฏิรูปตนเน้นย้ำว่าให้มีความสอดคล้องในระยะเวลา 5 ปี ทั้งนี้ไม่ว่ารัฐบาลไหน เราต้องเดินหน้าอย่างมีขั้นตอน ตนไม่ได้ไปล็อคอะไรตรงไหนเลย ถ้าทำตามนี้ไม่ว่าจะมากหรือน้อยแล้วก็ต้องไปพิจารณาในสภาอยู่ดี ไม่ใช่เปิดอภิปรายก็เอาแต่เรื่องทุจริตไม่เห็นทำอะไรได้สักอย่าง ก็ได้แต่เปิดอภิปรายแค่นั้น วันนี้เราต้องมาพูดคุยเพื่อให้เกิดความเข้าใจ ไม่ใช่จะเอา ส.ว.มาเพื่อจับผิด ส.ว.ไปทำหน้าที่แทนประชาชน สานต่องานที่เราทำไว้ ตนในฐานะผู้นำรัฐบาลและหัวหน้า คสช.ต้องทำให้เกิดความเข้าใจ และตนต้องรับผิดชอบทั้งหมด และต้องทำความเข้าใจบ้างเป็นครั้งคราว
      “วันนี้ถ้าเรามองยุทธศาสตร์ประเทศ 20 ปี มันจะเกิดอะไรขึ้นบ้างทั้งน้ำ อากาศเปลี่ยนแปลง ภาวะเศรษฐกิจโลก เราก็ต้องกลับมาดูประเทศของเราว่าแผนยุทธศาสตร์มีความสอดคล้องกับโลกแค่ไหนอย่างไร เราต้องเอาหลักการของยูเอ็นมาปฏิบัติ โดยเฉพาะการพัฒนาในสหศวรรษหน้าตั้งแต่ปี 2559 อีก 15 ปีมีถึง 169 เป้าหมาย ตามกรอบของกลุ่มประเทศจี 77 โดยหยิบยกแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาเพื่อให้เกิดความเข้าใจเพื่อเป็นทางเลือกทางหนึ่งให้กับโลก ในฐานะที่เราเป็นประเทศเกษตรกรรม ทุกฝ่ายจะต้องมีความเข้าใจและร่วมมือกันในการเดินหน้าและพัฒนาประเทศ ซึ่งผมเข้าใจเรื่องการเมืองและการดำเนินการทางการเมือง แม้ผมจะไม่ใช่นักการเมืองก็ตาม ก็ได้ศึกษามารู้ว่าเขาก็ต้องเดินของเขา ซึ่งก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง แล้วเดิน 2 ขาไม่ได้หรือ ขาหนึ่งเพื่อประเทศชาติ อีกขาหนึ่งก็เพื่อพรรคของท่าน จะอยู่ในอำนาจเท่าไหร่ก็ว่ามา ผมไม่ได้ไปห้าม ทั้งนโยบายพรรคและนโยบายต่างๆ แต่ต้องตอบคำถามให้ได้ว่านโยบายพรรคที่ทำนั้น ทำแล้วจะเอาเงินที่ไหนและเกิดประโยชน์กับใครบ้าง ต้องแยกแยะ จริงๆ ไม่อยากจะกล่าวอ้าง สมมติว่าจะมีการเดินนโยบายเกี่ยวกับเรื่องจำนำแล้วคนที่ทำอาชีพอื่นจะได้อะไรจากนโยบายพรรคตรงนี้ นโยบายพรรคควรเดินไปตามยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อการปฏิรูปประเทศ ถ้าใครหาเสียงแบบนี้ผมจะเลือกเข้ามา” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
‘นายกฯ’ แจงทุจริตขุดบ่อบาดาลกำลังสอบอยู่ ห่วงน้ำไม่พอใช้ฤดูแล้ง
      พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ทำหนังสือถึงกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรณีพบการทุจริตขุดบ่อบาดาลในหลายโครงการที่มูลค่าหลายล้านบาท ว่า กำลังตรวจสอบอยู่ ก็ต้องไปย้อนดูว่าตั้งแต่ปีอะไร ก็หลายปีผ่านมาแล้วจนถึงปี 58 ก็ไปหามาไม่ได้ปิดบังอะไร ใครผิดใครถูกก็ไปว่ากันมา ตนบอกว่าไม่ได้ใช้อำนาจ ไม่ได้ปิดบังซ้อนเร้นใคร สิ่งที่รัฐบาลทำลงไปมีเจตนาบริสุทธิ์ทั้งสิ้นและก็กำชับมาเสมอเรื่องการปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎระเบียบการใช้จ่ายงบประมาณ เมื่อมีความผิดมาก็ต้องชี้แจงกันให้ได้ และเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม อย่าเพิ่งไปกล่าวอ้าง ว่าผิดหรือถูก ตนไม่ได้พูดแบบนั้น
      ผู้สื่อข่าวถามว่า เบื้องต้นมีการชี้แจงหรือไม่ว่าเป็นการทุจริตในขั้นตอนไหน จากหน่วยงานใด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนอ่านจากหนังสือพิมพ์ สตง.ชี้มาตนก็ทราบอยู่แล้ว ว่าเขามีข้อสังเกตว่าอาจจะมีการใช้ไม่ถูกต้องตามระเบียบของทางราชการ ตนเห็นว่าเขาเขียนมาแบบนั้น ตนได้สั่งลงไปให้หน่วยที่เกี่ยวข้องชี้แจง ตามข้อสังเกตเหล่านั้นว่าผิดหรือถูกอย่างไร ถ้าสตง.รับได้มันก็จบ วิธีการทำงานจะเป็นแบบนี้
      ส่วนปัญหาเรื่องน้ำตอนนี้มีความวิตกกังวลว่าจะพอใช้ในช่วงฤดูแล้งหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลก็วิตก พูดมา 2-3 ปี เตือนก็แล้ว เราก็รู้อยู่แล้ว ว่าจะต้องใช้หลักการทางยุทธศาสตร์ด้วย ในเรื่องของการใช้ดาวเทียมและนำเอาข้อมูลที่ผ่านมาทุกปีมาดูว่าลดลงเท่าไหร่ จากนั้นก็มาสู่แผนที่ตนจะมียุทธศาสตร์การพัฒนาตามแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ให้เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนาให้มีคามชัดเจนขึ้น โดยใช้ข้อมูลพื้นที่จากข้างล่างที่มีความแตกต่างกัน ตั้งแต่ต้นทุนการผลิต การบริหาร ความสมบูรณ์ของดิน จะต้องนำมาพิจาณาทั้งหมด จะทำให้ภูมิภาคเข้มแข็งอย่างไร เพราะฉะนั้นในแต่ละภูมิภาคจะทำเกษตรอย่างไร เกษตรน้ำมาก เกษตรน้ำน้อย ไร่นาส่วนผสม นาแปลงใหญ่ หรือเกษตรแปลงใหญ่ แต่ตนก็ไม่ได้ห้ามคนที่ปลูกข้าวไว้กินเอง เพราะที่ผ่านมาเขามุ่งแต่จะขายอย่างเดียวก็เลยเกิดปัญหา รายได้เขาก็ไม่มี น้ำน้อยก็เสียหาย แล้วก็รอเยียวยา รอรัฐบาลช่วยก็ไม่ไหวนะ รัฐบาลก็แย่ไปด้วย เงินทองก็ต้องใช้ในหลายอย่าง ทั้งแก้ไขปัญหาเดิม มาตรการเร่งด่วน
      วันนี้งบประมาณจะแยกเป็น 5 กลุ่ม 1.งบฟังก์ชั่น และงบพัฒนาพื้นฐานของแต่ละกระทรวง 2.งบประมาณตามอาเจนด้า ก็ต้องแก้ไขในเรื่องของความเข้มแข็ง ขีดความสามารถของประเทศ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 3. เรื่องงบประมาณการบริหารจัดการหนี้สาธารณะ 4. งบภัยพิบัติและสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้น  และ5.งบกลางที่เหลือไว้แก้ปัญหา ฉะนั้นการทำงบประมาณในปี 60 จะเป็นแบบนั้น แล้วพ.ร.บ.งบประมาณใหม่จะจัดทำให้เป็นแบบนี้
      พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า งบประมาณในส่วนที่ 2 จะเป็นเรื่องสำคัญ และสอดคล้องกันทั้งหมด ทั้งงบประมาณปี 59 ที่เราตีเส้นไว้ในเดือนมี.ค. ถ้าอันไหนทำไม่ได้ก็จะปรับตรงนี้เอามาทำอันที่ทำได้ ไม่อย่างนั้นก็จะติดอยู่อย่างนี้ ที่มันติดเพราะเราทำตามกติกา ทั้งหมดต้องทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรืออีไอเอ การทำประชาพิจารณ์ ตนก็จะใช้อำนาจเต็มที่ตรงนั้นอยู่แล้ว ตนอยากให้ประชาชนได้เข้าใจและมีความร่วมมือ ถ้าทำไม่ได้โครงการใหญ่ ๆ  ก็ต้องส่งเสริมการลงทุน ส่งเสริมให้มีเงินหมุนเวียนในระบบ โดยเฉพาะเงินจากรัฐ ตนก็มาดูว่าทำไมมันช้า นอกจากการจัดทำงบประมาณที่มีเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ เพราะมีโครงการจำนวนมาก โครงการขนาดใหญ่อาจจะมีความใหญ่มากเกินไป แล้วก็ติดการทำอีไอเอ ตรงไหนเราทำได้เราก็ทำ อย่างน้อยก็บรรเทาความเดือดร้อน วันหน้าทำได้ก็จะเป็นภาพใหญ่ออกมา วันนี้ตนอยากให้มองประเทศในภาพใหญ่ จากภูมิภาค  ก็เป็นกลุ่มจังหวัด ซึ่งตนก็คุยกับกลุ่มจังหวัดแล้ว ทำอย่างไรให้ภูมิภาคเข้มแข็ง การทำงบประมาณจะต้องส่งเสริมแนวทางให้สอดคล้องกับประชารัฐ จะต้องฟังจากข้างล่างขึ้นไปข้างบน จากข้างบนลงไปข้างล่าง อาจจะเข้าใจยาก ที่พยายามทำกันอยู่ทุกวัน เราก็พยายามแก้สิ่งเหล่านี้ เพื่อมองระยะยาว
‘นายกฯ’ ประชุม กนจ.วางอนาคตประเทศเดินหน้าทุก 5 ปี
      ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.น.จ.) ครั้งที่ 1/2559  โดยมีผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
      โดยนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมว่า การประชุมกนจ.วันนี้เราจะทำอย่างให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้าอย่างมีอนาคตทุก 5 ปี ตนต้องการให้วางแนวทางไว้ ให้มีนโยบายในการปฏิบัติ ทั้งในเรื่องงบประมาณ เรื่องของแผนงานโครงการที่จะต้องมีการประสานสอดคล้องกัน และต้องการให้ทุกภูมิภาค ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ ภาคตะวันตก ภาคตะวันออกมีความเข้มแข็งในตัวเอง ตามศักยภาพของแต่ละพื้นที่ที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยในการผลิต ทรัพยากรในแต่ละพื้นที่ที่แตกต่าง เราคิดกันดูแล้วว่า ที่มีมาตรการไม่ว่าจะเป็นการโซนนิ่ง จะต้องทำให้ทั้งระบบมีการสอดคล้องกันทั้งต้นทาง กลางทาง และปลายทาง ในแต่ละภูมิภาคเขาจะได้เข้มแข็งในตัวเขาเอง ไม่ต้องไปแย่งการผลิตสินค้า ไม่ต้องไปเอามาจากที่นู่นที่นี้ จะได้เกิดความแตกต่างหลากหลาย มีการพัฒนาในเรื่องของนวัตกรรม โดยเฉพาะสินค้า จีไอ ที่มีต้นกำเนิดมาจากแต่ละพื้นที่ เรื่องนี้สำคัญ ซึ่งวันหน้าจะต้องปรับรูปแบบของเราในเรื่องของรายได้ประเทศ ที่ไม่ใช่เรื่องการเกษตรอย่างเดียว แต่จะต้องเป็นเกษตรอุตสาหกรรม การแปรรูป หรือรับจากประเทศเพื่อนบ้านมาแปรรูป
      พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สิ่งที่กังวลคือ เรื่องการบริหารจัดการน้ำที่เรามีต้นทุนไม่มาก น้ำที่ได้จากน้ำฝนทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าลดลงในแต่ละปี และนับวันก็น้อยลงไปเรื่อย ๆ อันนี้ก็ต้องขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ได้หมายความว่าเราจะเปลี่ยนแปลงท่าน โดยที่ท่านปรับตัวไม่ได้ เราค่อย ๆ ทำไป ตรงนี้เป็นการวางยุทธศาสตร์ที่เริ่มทำได้ตั้งแต่วันนี้ ทั้งส่วนกลาง ภูมิภาคและท้องถิ่น เป็นการบริหารจัดการอยู่แล้ว ซึ่งคณะกรรมการ กนจ.ก็รับไปอยู่แล้วทุกภาคส่วนมีการหารือร่วมกัน มีการเสนอแผนมา

Leave a comment