‘ประยุทธ์’งดจ้อสื่อหลังถกครม.-คสช.

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/detail/20160301/223392.html

การเมือง : ข่าวทั่วไป
วันอังคารที่ 1 มีนาคม 2559
‘ประยุทธ์’งดจ้อสื่อหลังถกครม.-คสช.

‘ประยุทธ์’งดจ้อสื่อหลังถกครม.-คสช. เร่งคลอดกฎระเบียบคุมการลงประชามติ เคาะใช้เสียงข้างมากผู้มาใช้สิทธิตัดสินรธน. ยังไม่คุยทางออกหากไม่ผ่าน

           เมื่อเวลา 15:40 น. 1 มี.ค.2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังการประชุมร่วมระหว่างคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยเดินออกจากห้องประชุมภายในตึกสันติไมตรีกลับขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาลทันที เพียงโบกมือทักทายผู้สื่อข่าวเท่านั้น

จากนั้นในเวลา 15.45 น. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีได้ชี้แจง ประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ(ชั่วคราว) 2557 บริเวณหน้าตึกไทยคู่ฟ้าแทน
เร่งคลอดกฎระเบียบคุมการลงประชามติ 

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เช้าวันเดียวกันนี้ในการประชุมร่วม ครม.และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ได้ มีคำสั่งให้คสช. และครม. เดินไปพร้อมๆกัน ในการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาประเทศ ซึ่ง คสช.จะต้องช่วยกันทำความเข้าใจร่วมกับรัฐบาล อาทิ การแก้ไขปัญหาภัยแล้ง การดูแลความมั่นคงปลอดภัยให้เกิดความสงบเรียบร้อย ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลได้เคยสื่อสารถึงประชาชนไปบ้างแล้ว

โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้ ครม.ขอความร่วมมือ คสช. เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราว เรื่องการลงประชามติ ว่าทำอย่างไรถึงจะให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ ลงประชามติให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เช่น เรื่องการออกหลักเกณฑ์ วิธีการและกฎระเบียบต่างๆ เพื่อให้เกิดความมั่นใจแก่ทุกฝ่ายว่า การลงประชามติมีความโปร่งใส ชัดเจนจะได้ไม่ต้องถกเถียงกันต่อไป ซึ่งเรื่องนี้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีได้เป็นผู้ให้รายละเอียดต่อไป
เคาะใช้เสียงข้างมากผู้มาใช้สิทธิตัดสินรธน. 

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมร่วมระหว่างคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมว่าขณะนี้มีความจำเป็นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 57 อีกครั้งหนึ่ง โดยขอแก้ 5 ประเด็นคือ 1.การนับคะแนนเสียงที่จะถือว่าผ่านประชามติจากเดิมที่ไม่มีความชัดเจน คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จึงเสนอให้ใช้คำว่าคะแนนเสียงข้างมากของผู้มาใช้สิทธิออกเสียงที่เห็นชอบ ส่วนบัตรเสียและบัตรโหวตโนไม่นับเป็นคะแนน ซึ่งคำนี้ถือว่าปิดช่องโหว่ข้อโต้แย้งแล้ว 2.อายุของผู้มีสิทธิลงประชามติ ให้ยึดผู้มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ในวันลงประชามติ 3.การแจกจ่ายรัฐธรรมนูญให้ได้ร้อยละ 80 ของครัวเรือนที่มีปัญหานั้น ไม่อยากให้มองว่าเป็นเรื่องสิ้นเปลือง แต่เนื่องจากขณะนี้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กำลังทำร่างรัฐธรรมนูญอยู่เพื่อแจกจ่ายประชาชน จึงจะใช้ตัวนี้ไปแจกจ่าย เผยแพร่ทางเว็บไซต์ และเผยแพร่ทางสื่อมวลชนแทน ดังนั้น จึงไม่ต้องแจกจ่ายให้ได้ร้อยละ 80 ของครัวเรือน

รองนายกฯ กล่าวด้วยว่า 4.คำถามพ่วงประชามติ ให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เป็นผู้ตั้งคำถามหากประสงค์ให้จะมีคำถามเพิ่ม แล้วส่งไปยังกกต.ภายใน 15 วันหลังจากมีการแจกจ่ายร่างรัฐธรรมนูญ และ5.หลักเกณฑ์ในการรณรงค์ให้เป็นไปตามที่กกต.อยู่ระหว่างยกร่างพ.ร.บ. ขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุง โดยจะเป็นมาตรฐานเดียวกับการเลือกตั้งทั่วไป ประกอบกับหลักเกณฑ์การออกเสียงประชามติปี 50 ซึ่งอะไรทำไม่ได้ตอนนั้นก็ทำไม่ได้ในตอนนี้ ขณะที่เรื่องการชักชวนให้ต่อต้านการลงประชามติถือเป็นความผิด แต่การต่อต้านร่างรัฐธรรมนูญถ้าพูดในเวทีที่กกต.จัดไม่มีปัญหา เพราะกกต.จะเป็นผู้ดูแลกติกา แต่ถ้าไปจัดกันเองต้องรับความเสี่ยงและความรับผิดชอบเอาเอง เพราะมีกฎหมายหลายฉบับ ทั้งเรื่องการหมิ่นประมาท พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ถือว่าสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้คำตอบในสิ่งที่ติดค้างอยู่ เข้าใจว่าภายในสัปดาห์จะยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวเสร็จ จากนั้นส่งมายังตนเพื่อจะส่งต่อให้นายกรัฐมนตรีเพื่อเสนอไปยังสนช.พิจารณาภายใน 15 วัน

ส่วนประเด็นทางออกถ้าร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามตินั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ยังไม่มีการพูดคุยกัน ต้องกล่าวกันในระยะต่อไป แต่ถ้าสุดท้ายผ่านประชามติจะได้ไม่ต้องคิดอะไร หรือถ้าไม่ผ่านจะได้เร่งแก้ไข ซึ่งตอนนั้นคงรู้คำตอบแล้วว่าจะใช้วิธีการอย่างไร หากบอกไปตอนนี้จะเกิดอคติ อีกทั้งยังไม่รู้ว่าวิธีการใดเป็นวิธีการที่ดีที่สุด และเรายังไม่รู้ว่าถ้าร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านเป็นเพราะคนไม่ชอบประเด็นอะไร จะได้แก้ไขได้ถูกจุด แต่ยืนยันถึงอย่างไรจะมีการเลือกตั้งส.ส.ในปี 60 อย่างแน่นอน เพราะเป็นมติของที่ประชุม
เปรียบประเทศไทยเหมือนพระลักษมณ์

นายวิษณุ กล่าวเปรียบสถานการณ์ในประเทศไทยกับวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ ตอนพระลักษมณ์ต้องหอกโมกขศักดิ์ว่า ประเทศไทยวันนี้เหมือนกับพระลักษมณ์ที่โดนหอกโมกขศักดิ์ จึงจำเป็นต้องมียาคือ “สังขรณี และ ตรีชวา” แล้วนำมาผสมกับแม่น้ำ 5 สาย โดยยาสังขรณี ตนเข้าใจว่าคือ ประชา ส่วนตรีชวาคือรัฐ นั่นคือ “ประชารัฐ” ต้องร่วมกัน แล้วไปเอาน้ำปัญจมหานทีมาผสม ซึ่งตนเองไม่ทราบว่าแม่น้ำ 5 สายคืออะไร

ผู้สื่อข่าวถามว่า แล้วในประเทศไทยใครคือหนุมาน นายวิษณุ กล่าวว่า “ไม่บอก แต่ต้องไปบอกก่อนว่าอย่าเพิ่งออกมามามากนัก” จากนั้นนายวิษณุ กล่าวย้อนถามผู้สื่อข่าวว่า “พระอาทิตย์สีอะไร พระจันทร์สีเหลือง ทีนี้ใครคือหนุมาน ผมไม่ทราบ”

 

“อุเทน”ยุคสช.ตัดทิ้ง”ประชามติ”ชี้เสียงบฯ

นายอุเทน ชาติภิญโญ หัวหน้าพรรคคนไทย กล่าวว่า หากเป็นไปได้อยากเสนอให้ คสช.ตัดขั้นตอนการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญออกไปจากรัฐธรรมนูญชั่วคราว เนื่องจากเห็นว่าขณะนี้ประเทศยังไม่มีความพร้อมที่จะทำประชามติทั้งในส่วนของงบประมาณภาครัฐ ที่ไม่ใช่เวลาต้องมาสูญเสียเงินหลายพันล้าน ในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ อีกทั้งไม่ควรเพิ่มงานให้เกิดความสับสน และทำให้เสียเวลา ซึ่งหากไม่มีการประชามติก็จะสามารถร่นเวลาในการนำประเทศเข้าสู่ภาวะปกติได้อีกมาก ส่วนจะบังคับใช้รัฐธรรมนูญฉบับใดต่อไปนั้นก็ให้ คสช.พิจารณาประกาศใช้ได้เลย เพราะไม่ว่าอย่างไรก็จะมีเสียงต่อต้านอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องไปเสียงบประมาณทำประชามติ

“เราไม่ควรสูญเสียงบประมาณ และไม่ควรเสียเวลา หรือซื้อเวลาด้วยการทำประชามติ ที่สุดก็เป็นแค่การใช้ประชาชนเป็นตัวประกันในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้”

นายอุเทน กล่าวต่อไปว่า จากเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญของกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ทำให้หลายฝ่ายคาดว่า ร่างนี้จะไม่ผ่านเสียงประชามติ เมื่อเป็นเช่นนั้นจริง คสช.เองก็ควรที่จะหมดความชอบธรรมเกี่ยวกับการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ เนื่องจากล้มเหลวมาถึง 2 ครั้ง ส่วนกรณีที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯระบุก่อนหน้านี้ว่า หากร่างรัฐธรรมนูญแพ้เสียงเลือกตั้ง ก็จะนำร่างดังกล่าวมาปรับแก้ก็ดูจะไม่สมเหตุสมผลเป็นอย่างมาก ควรเปิดโอกาสให้มีการเลือกตั้งและให้ตัวแทนประชาชนมาจัดทำรัฐธรรมนูญถาวรดีกว่า ส่วนวิธีการเป็นอย่างไร เชื่อว่าไม่เกินความสามารถของ นายวิษณุ หรือ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ.อย่างแน่นอน

“รัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 57 ที่ใช้แค่ระยะสั้นๆยังมีปัญหา แค่ปีกว่าต้องแก้ไขถึง 2 ครั้ง เพราะผูกปมผูกเงื่อนปัญหาไว้มาก โดยฝีมือของนักกฏหมายหน้าเดิมๆ แล้วยังให้คนกลุ่มนี้มาทำรัฐธรรมนูญถาวรที่แก้ไขยาก หรือร่วมทำยุทธศาสตร์ชาติไปอีก 20 ปีได้อย่างไร” นายอุเทน ระบุ.

Leave a comment