ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/detail/20160304/223517.html
ปรับทัศนคติ10ชม.‘คสช.-วัฒนา’คุยอะไรกัน! : ทีมข่าวสืบสวนสอบสวน
ปฏิบัติการของหน่วยเฉพาะกิจ ติดตามและการควบคุมตัว “วัฒนา เมืองสุข” อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เริ่มขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่วันที่ 2 มีนาคม 2559 หลังโพสต์เฟซบุ๊กพาดพิง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นทหารติดตามไปถ่ายรูปของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมถึงการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
ปฏิบัติการหิ้วตัว “วัฒนา” ออกมาจากบ้านพักเลขที่ 318 หมู่บ้านปิ่นเกล้า ถ.ศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กทม. ของทหารจำนวนหนึ่งเพื่อมาปรับทัศนคติ ที่กองพันทหารราบมณฑลทหารบกที่ 11 เป็นไปด้วยความไม่เรียบร้อย เพราะ วัฒนา เล่นแง่ ด้วยการนัดนักข่าวให้มาพบที่บ้านพัก จุดมุ่งหมายหวังประโคมข่าว และให้เห็นภาพถูกทหารควบคุมตัว แต่กองทัพนักข่าวก็ถูกทหารสกัดไว้ตั้งแต่ปากทางเข้าหมู่บ้านปิ่นเกล้า
ต่อมาเวลา 10.00 น. วัฒนา ได้ออกจากห้องพักลงมาพบปะทหารชุดเฉพาะกิจดังกล่าว และหัวหน้าชุดเฉพาะกิจได้แสดงตัวพร้อมเชิญไปปรับความเข้าใจถึงท่าทีการแสดงความคิดเห็นที่มีการบิดเบือนข้อมูล โดยมีรถจี๊ปทหารนำตัวไปถึงกองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11 ในเวลา 11.30 น. โดยมีเจ้าหน้าที่มายืนรอรับตัวนำเข้าไปภายในกองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11 เพื่อพูดคุยทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ในส่วนของกองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11 มีการรับรอง “วัฒนา” เป็นอย่างดี มีการเสิร์ฟอาหารเที่ยง ของว่าง ชา กาแฟ ก่อนการพูดคุยแบบตัวต่อตัวจะเริ่มขึ้น ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ ได้แก่ ผู้บังคับกองพัน นายทหารพระธรรมนูญ ฝ่ายกฎหมาย คสช. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการพูดคุยดังกล่าวไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ แม้แต่การข่มขู่คุกคาม
ในขณะที่ “วัฒนา” มีสีหน้าเรียบเฉย เป็นมิตรกับเจ้าหน้าที่ และให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และเจ้าหน้าที่เองก็เห็นว่าเป็นผู้ใหญ่ ต่างฝ่ายต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน โดยฝ่ายทหารขอความร่วมมือในเรื่องการแสดงความคิดเห็น ที่นำไปสู่การยั่วยุ ปลุกปั่น ปลุกระดม หรือการให้ข้อมูลในลักษณะที่บิดเบือนต่อสังคม จนทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนต่อการทำงานของรัฐบาล และ คสช.ที่ตั้งใจเข้ามาบริหารประเทศ
“เจ้าหน้าที่พยายามขอร้องให้เพลาๆ กับการแสดงความคิดเห็นที่ค่อนข้างไปคนละทิศคนละทางกับรัฐบาลและ คสช. ซึ่งนายวัฒนาให้ข้อคิดเห็นกับเจ้าหน้าที่เช่นกัน บางส่วนก็ตรงและไม่ตรง และยอมรับว่าบางช่วงมีการแสดงความคิดเห็นไม่ตรงกัน โดยเจ้าหน้าที่พยายามให้เข้าใจบทบาท ภารกิจ ซึ่งนายวัฒนาเองได้มีการเสนอว่าการทำงานที่ผ่านมาของรัฐบาลและคสช.ไม่เห็นด้วยบางสิ่ง ทั้งเรื่องการการคุกคาม การจำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ซึ่งการพูดคุยเน้นหนักในเรื่องการทำความเข้าใจ เพื่อให้เกิดความคิดไปในแนวทางเดียวกัน”
ทั้งนี้ กว่าหลายชั่วโมงเมื่อเจ้าหน้าที่ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นโดยตกลงกันแล้วเสร็จสิ้น 3 ทุ่มครึ่ง โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายกฎหมาย คสช.นำตัววัฒนาไป สน.นางเลิ้ง เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการแจ้งข้อหาผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปส่งตัวที่บ้านพัก โดยก่อนจากลา “วัฒนา” ได้พูดกับเจ้าหน้าที่ทหาร “ขอบคุณ ไม่ได้โกรธน้องและเข้าใจถึงบทบาทที่ต้องทำงานตามหน้าที่ ก็ไม่ได้ว่าอะไร”
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้ติดตามความเคลื่อนไหวทางเฟซบุ๊กของวัฒนา หลังออกมาโพสต์ซ้ำในเช้าตรู่วันที่ 3 มีนาคม โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายติดตามโซเชียลมีเดีย คสช.มองว่า การโพสต์ครั้งนี้ค่อนข้างเบาลงเมื่อเทียบกับการแสดงความคิดเห็นครั้งก่อน ถือว่าการทำความเข้าใจครั้งนี้ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง ซึ่งการทำงานครั้งนี้เป็นการแลกเปลี่ยนพูดคุย 50-50 คือการทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน แม้ข้อคิดเห็นบางส่วนจะมีตรงและไม่ตรงกันก็ตาม
เจ้าหน้าที่ คสช.ยอมรับว่า มีการจับตากับกลุ่มต่างๆ โดยเฉพาะการจัดทีมสแกนข้อมูลข่าวสารจากกลุ่มต่างๆ มีเจ้าหน้าที่ติดตาม ทั้ง สื่อมวลชน นักการเมือง นักวิชาการ กลุ่มแสดงออกทางการเมือง ที่ให้ข้อมูลบิดเบือน จะเรียกมาตักเตือน โดยเฉพาะเรื่องการยั่วยุ ปลุกปั่น ทำให้เกิดขัดแย้ง หากอยู่ในกรอบก็ไม่มีปัญหา เพราะรัฐบาลและ คสช.ไม่อยากให้เกิดความสับสน หรือเข้าใจผิดต่อการเดินหน้าปฏิรูปประเทศของรัฐบาลและ คสช.
“คสช.แค่เพียงการเชิญกลุ่มบุคคลที่กระทำการบิดเบือนมาปรับความเข้าใจเท่านั้น ไม่ได้มีกระบวนการอื่นเข้ามาดำเนินการ แม้ว่ารัฐบาลและ คสช.มีอำนาจในการดำเนินการได้ก็ตาม ซึ่งเรามีกองกำลังรักษาความสงบดูแลความเรียบร้อยของประเทศอยู่แล้ว หากกลุ่มใดทำให้เกิดความวุ่นวายหรือขัดแย้งขึ้นมาอีก คสช.ต้องเชิญตัวมา” เจ้าหน้าที่ คสช.ระบุ
