ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน
http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05116011058&srcday=2015-10-01&search=no
| วันที่ 01 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 27 ฉบับที่ 608 |
เดินห่าง…จากความจน
สมยศ ศรีสุโร
“ปลูกพืชผักที่ชอบ กับรูปแบบสวนที่ใช่” สำหรับ…เกษตรกรสายพันธุ์ผู้สูงวัย (1)
โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป ดังนั้น หนึ่งชีวิตที่เหลืออยู่ลมหายใจของเรา ก็พร้อมที่จะไปจากเราได้ทุกวินาทีเช่นกัน เพราะนี่คือเป็นความจริงของชีวิต เราสามารถมีได้แค่เพียงชีวิตเดียวที่มีลมหายใจอยู่ พร้อมกับเวลาเหลืออยู่เท่านั้น
ชีวิตคนเรานั้นจะเดินคู่กันไปกับกาลเวลาเสมอ พร้อมกับมีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากมาย สังเกตไหมว่า ล้วนมีที่มาทั้งสิ้น เมื่อเกิดขึ้นตัวเราเท่านั้นที่ต้องพร้อมรับผิดชอบต่อชีวิตของตัวเอง และจะมีจุดเริ่มต้นเสมอ จงใช้คุณค่าของเวลาเก็บเกี่ยวคุณประโยชน์ให้ได้มากที่สุดของชีวิต เพราะเวลานั้นเป็นทรัพยากรที่มีค่าอย่างยิ่ง ไม่ต้องไปซื้อหาจากที่ไหน
ก่อนอื่น ขอเขียนด้วยคำว่า สวัสดี และขอบพระคุณจากนิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้านและผู้เขียนเป็นเบื้องแรก สำหรับแฟนๆ ที่มีพระคุณอย่างล้นเหลือที่ให้กำลังใจ ผมย้ำอยู่เสมอว่า หากมีท่านอ่านคอลัมน์นี้อยู่ก็คงมีผมอยู่เช่นกัน แม้ว่าทุกเรื่องราวจะมีแต่เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับ ชะอมไม้เค็ด 2009 ก็ตาม หากผมไปเขียนเรื่องอื่น แฟนๆ จะส่งเสียงไปหาทันที เขียนเรื่องอื่นบ้างไม่เป็นไร แต่อย่าลืมเรื่องชะอมไม้เค็ด 2009 เพราะรออยู่
ฉบับนี้เช่นกัน ผมคิดไม่ถึงว่ามีคำถามเช่นนี้ไปถึงผม แรกๆ ก็ยังเฉยอยู่ เพียงแค่รอว่าจะมีเพิ่มมาอีกหรือไม่กับคำถามเช่นนี้ ปรากฏว่าเป็นปลื้มจริงๆ ครับ มีมาเยอะจนผมต้องรีบตอบในฉบับนี้ทันที เพราะคำถามเช่นนี้ทำให้ผมมีแฟนๆ ที่ติดตามอ่านคอลัมน์นี้เพิ่มขึ้นอีกจำนวนหนึ่ง
จะไม่ให้ผมสุดปลื้มได้เช่นไร ในเมื่อคอลัมน์นี้ขอเรียนยืนยันได้เลยว่า มีแฟนๆ ที่เป็นคนหนุ่มสาวติดตามอ่านกันเยอะเป็นอันดับแรก เนื่องจากการตอบรับ ไม่ว่าจากการไปเยี่ยมหาถึงสวนในระยะหลายปีที่ผ่านมา หรือจากเฟซบุ๊ก ที่ใช้ชื่อ นายสมยศ ศรีสุโร คำถามจึงมีแต่เป็นคำถามจากหนุ่มสาวที่ต้องการนำชะอมไม้เค็ด 2009 เพื่อไป เดินห่าง…จากความจน กันทั้งสิ้น
แต่ฉบับนี้ เป็นคำถามเกิดจากผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 50 กว่าปี ขึ้นไป ที่ทำให้ผมสนใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากแต่ละคำถามนั้นจะแตกต่างจากคำถามที่เคยได้รับเป็นประจำ ผมขอสรุปได้อย่างนี้นะครับ ต้องการจะใช้เวลาหลังเกษียณให้มีความสุขจากการทำสวน ที่สามารถนำผลผลิตมากินได้ หรือเพื่อที่จะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ต่อไปให้มีเวลาที่ดีที่สุดด้วยการทำเกษตรแบบสวนผสม เป้าหมายหลักคือ ต้องการปลูกทุกอย่างที่กิน กินทุกอย่างที่ปลูก เหลือทุกอย่างเพื่อแจกเพื่อนฝูง แต่เน้นแบบชัดๆ ลงไปว่า ต้องเป็นรูปแบบสามารถลงมือปฏิบัติเองได้ชนิดง่ายๆ แถมต้องไม่เหงาอีกต่างหาก
ที่ชื่นใจอย่างมากๆ คือมีข้อแม้ต่อไปอีกว่า ต้องมีชะอมไม้เค็ด 2009 บรรจุลงที่สวนด้วย เนื่องจากติดตามอ่านทุกฉบับจนมีความสนใจในชะอมไม้เค็ด 2009 อย่างมาก สุดยอดจริงๆ ครับ จากได้พูดคุยกับบางท่านที่ได้ส่งเสียงไปหา จึงพอทราบว่าอยู่ในช่วงอายุใกล้เคียงกับผู้เขียน เลยสนุกกันไปตามที่คนสูงวัยคุยกัน บุคคลที่มีอายุในระดับนี้ ต่อไปนี้ผมขอเรียกว่า “เกษตรกรสายพันธุ์ผู้สูงวัย” นะครับ เนื่องจากผมมีแฟนๆ อีกระดับหนึ่งที่เขียนถึงอยู่เป็นประจำ คือเกษตรกรสายพันธุ์ใหม่ จะเรียกว่า “เกษตรกรสายพันธุ์เก่า” ฟังแล้วไม่สนิทหูจริงๆ นะครับ
แฟนๆ เกษตรกรสายพันธุ์ผู้สูงวัยที่อยู่ในวัยนี้ทุกท่านโปรดทราบ ผมรู้ดีว่า คนในวัยนี้ส่วนมากจะเป็นคนดื้อ ไม่เช่นนั้นเขาจะพูดกันได้อย่างไรว่า คนแก่ดื้อสุดๆ อย่าเถียงผมนะครับ เพราะผมก็อยู่ในวัยนี้เช่นกัน ดังนั้น คำตอบฉบับนี้ผมจึงขอเรียนเป็นเบื้องต้นเสียก่อนว่า เป็นแค่การนำเสนอที่เกิดขึ้นจากผมคนสูงวัยคนหนึ่งที่ได้ลงมือปฏิบัติแล้วเท่านั้น หากไม่เห็นด้วยกรุณาเว้นการยกมือให้กำลังใจ หากเห็นดีด้วยโปรดให้กำลังใจไปด้วย จักขอบพระคุณเป็นอย่างสูง
ฉบับนี้ ได้เวลาเหมาะกับการวางแผงในปักษ์ที่ 1 ตุลาคม พอดี เป็นวันแรกสำหรับผู้เกษียณอายุที่เริ่มทำใจ ว่าต่อไปนี้ในทุกๆ วัน จะดำเนินชีวิตที่เหลืออยู่อย่างไรให้มีความสุขมากที่สุดสำหรับตัวเอง ผู้เกษียณทุกคนย่อมมีความคิดที่แตกต่างกันไป สำหรับข้อเขียนนี้อาจจะเหมาะสำหรับผู้ที่เตรียมตัวจะเริ่มเกษียณอีกไม่นาน เตรียมตัวเอาไว้อีกด้วย หรือเหมาะเช่นกันกับใครก็ตามที่ต้องการทำสวนผสมเล็กๆ ภายในบริเวณบ้านพักอาศัยที่มีเนื้อที่เพียงเล็กน้อย เมื่ออ่านแล้วสนใจ โปรดทราบว่าสามารถนำไปปฏิบัติได้ ผมไม่สงวนสิทธิ์ใดๆ ทั้งสิ้น
เบื้องแรกที่สำคัญอย่างที่สุดของที่สุดคือ ขอให้สำรวจตัวเราเองเสียก่อนว่าชอบงานเช่นนี้อยู่หรือไม่ งานอย่างนี้จะเป็นการออกกำลังได้เช่นกัน ต่อมาหากชอบ สำรวจตัวเองต่อไปอีกว่า ชอบปลูกไม้ดอกที่สวยงามหรือชอบปลูกผักที่กินได้ แค่นี้เป็นคำถามแรกที่แฟนๆ ต้องถามตัวเราเองเสียก่อน เนื่องจากผมมีประสบการณ์มาแล้ว เพราะว่าคนใกล้ชิดผมนิยมปลูกเฉพาะไม้ดอกสวยงามลูกเดียวครับ
หากไม่สามารถตอบคำถามแรกได้ หรือความคิดปฏิเสธคำถามดังกล่าว แต่มีใจไปชอบอย่างอื่น เช่น ขี่จักรยาน เล่นกอล์ฟ หรืออย่างอื่นก็ไม่ว่ากัน บอกแล้วไงว่าความคิดใครก็ของคนนั้น จะไปเหมือนกันได้อย่างไร แต่หากได้อ่านคำตอบในฉบับนี้ อาจเปลี่ยนใจก็เป็นไปได้ครับ เนื่องจากคำถามที่ถามไปส่วนมากล้วนเป็นเสียงท่านสุภาพสตรีผู้สูงวัยมากกว่าสุภาพบุรุษสูงวัย ที่หัวใจอาจจะยังคงมีความกระชุ่มกระชวยอยู่ และมีกำลัง มีความคิดเป็นอย่างอื่นอยู่ก็เป็นได้ แต่หากได้อ่านแล้วจะสามารถสละเวลาก่อนที่จะไปทำอย่างอื่น มาลงมือกับงานที่ผมจะนำเสนอต่อไปนี้ จะมีความสุขมากยิ่งขึ้น เนื่องจากเมื่อมีผลผลิตออกมา เราไม่ต้องไปซื้อหา เพราะผลผลิตบางอย่างมีอยู่ในสวนของเรา ไม่ใช่แค่สามารถ เดินห่าง…จากความจน เหมือนชื่อคอลัมน์เท่านั้น แต่จะสามารถ เดินห่าง…จากความตาย ได้อีกด้วย ทำไมเขียนอย่างนี้ ลองติดตามอ่านกันครับ
ต่อไปนี้คือคำตอบที่เป็นการนำเสนอจากผม ขอขอบคุณอีกครั้งสำหรับคำถามดีๆ เช่นนี้ แต่ก่อนอื่นขอเน้นย้ำอีกครั้งให้ผู้อ่านทุกท่านโปรดทราบเสียก่อนว่า ข้อเขียนต่อไปนี้ เป็นเหมือนแค่ข้อเสนอแนะนำสำหรับเป็นทางให้เลือกเท่านั้น ไม่ใช่เป็นข้อทฤษฎีตายตัวที่แฟนๆ จำเป็นต้องนำไปปฏิบัติหากไม่เห็นด้วย แต่หากเห็นด้วยจากข้อเขียน ยินดีอย่างมาก พร้อมขอเรียนเชิญนำไปใช้ได้ตามต้องการ
คำถามประเด็นแรกที่ถามไปมาก ว่าสมควรจะมีเนื้อที่มากน้อยแค่ไหนถึงจะเพียงพอและเหมาะสมตามวัย ข้อนี้ขอเรียนว่าตอบค่อนข้างยากมากครับ แต่ผมจะขอสรุปลงไปให้ได้ชัดๆ เลยว่า เอาแค่เนื้อที่บริเวณภายในที่เหลือของบ้านพักอาศัย สำหรับที่ว่างที่เหลืออยู่แบบว่าเป็นพื้นดิน ชนิดหากลงมือปลูกพืชได้หลายชนิดแค่นี้เป็นพอ เพราะผมจะนำเสนอเน้นปลูกพืชผักที่ชอบ กับรูปแบบสวนที่ใช่ เหมือนหัวข้อ
ส่วนที่ถามไปว่าต้องใช้เนื้อที่แค่ไหนถึงพอ ที่หากต้องการปลูกแบบที่ว่า เหลือจากกินและแจกแล้วสามารถนำไปขายพอเป็นรายได้บ้างนั้น คำตอบที่ผมจะเขียนนำเสนออีกไม่นาน ขอเวลาสรุปประเด็นต่างๆ ให้ลงตัวเสียก่อน ติดตามกันนะครับ แต่ฉบับนี้ขอเน้นทำเกษตรแบบให้มีความสุข พร้อมกับการได้ออกกำลังไปด้วย ผมจะมีตัวอย่างซึ่งผมได้ใช้บริเวณบ้านพักอาศัยของผมเองลงมือปฏิบัติ และได้ผลเป็นที่น่าพอใจระดับเอบวก เชียวนะครับ
เริ่มแรก ขอให้แฟนๆ ผู้สูงวัยทั้งหลาย นำเอากระดาษและปากกามาได้เลยครับ พร้อมกับเขียนลงไปว่า เราต้องการพวกพืชหรือผักอะไรบ้าง เอาแบบที่เราชอบกินเป็นอันดับแรกเสียก่อน จดลงไปให้หมดทุกชนิดที่ต้องการ ยกตัวอย่าง อาจจะเป็น พริก ตะไคร้ ใบชะพลู มะละกอ ใบย่านาง กะเพรา เป็นต้น นี่คือคำแนะนำ แต่สุดท้าย กรุณาอย่าลืม ชะอมไม้เค็ด 2009 นะครับ ที่สำคัญมากคือ อย่าเพิ่งกำหนดจำนวนต้นนะครับ เพราะจะทำให้ได้พืชหรือผักน้อยชนิดที่มีในสวนเรา ให้คิดว่าเราปลูกเพื่อกินภายในครอบครัวเราเท่านั้น ทุกอย่างจะดูง่ายขึ้น
ขั้นตอนต่อมา เมื่อได้ชื่อพืชหรือผักที่ต้องการจะปลูกเรียบร้อยแล้ว หากเราจะต้องการพืชหรือผักชนิดอื่นเพิ่มขึ้นอีกค่อยว่ากันต่อไป ขั้นต่อมาลงมือปรับปรุงพื้นที่บริเวณที่เป็นดิน เป็นการเตรียมพร้อมเพื่อที่จะลงมือปลูกพืชหรือผักที่ต้องการไว้ให้เรียบร้อยเสียก่อน ค่อยๆ ลงมือทำไปนะครับ หากต้องการแสดงฝีมือด้วยตัวเองช้าหน่อยก็ช่างปะไร เมื่อเรามีความต้องการเป็นเกษตรกรสายพันธุ์ผู้สูงวัย ไม่จำเป็นต้องไปให้ความเดือดร้อนกับคนอื่นให้มาช่วยเหลือ จะรีบไปทำไม ในเมื่อมาถึงเวลานี้คือเวลาที่เหลือของชีวิตที่เราต้องการ มีเวลาว่างหรือมีอารมณ์ตอนไหนก็ทำตอนนั้น ตามสบาย เพราะเราคือคนไทย ที่นี่ประเทศไทย และนี่คือนิสัยของพี่ไทย
ข้อแนะนำ พยายามลงมือปฏิบัติงานในตอนเช้า จะได้บรรยากาศสุดยอดไปเลยครับ เพราะคนอื่นเขาออกไปทำงาน เราก็ออกไปทำงานเหมือนกัน แต่ทำในบ้านครับ ที่สุดยอดกว่านั้นคือ ได้ออกกำลังด้วย ไม่ต้องออกเดินหรือวิ่ง หรือไปทำกิจกรรมอย่างอื่น อย่างนี้ก็ออกกำลังเหมือนกันครับพี่น้องผู้สูงวัยทั้งหลาย อย่าลืมนะครับ การอยู่เฉยๆ ไม่ออกกำลัง จะมีโรคไม่ติดต่อเรื้อรังหลายชนิดจะมาเข้าสิงในร่างกาย จะทำให้ยิ่งเหนื่อยกับชีวิตมากขึ้น เพราะว่าบางท่านอาจจะมีโรคประจำตัวสถิตอยู่แล้ว จะทำให้อุดมโรคเพิ่มขึ้นไปอีก พยายามออกกำลังกายให้ได้วันละนิด จิตไม่หดหู่อีกด้วย
เมื่อเตรียมเรื่องดินเรียบร้อยโรงเรียนคนสูงวัยแล้ว ต่อมาก็เริ่มศึกษาเรื่องของพืชและผักที่เราต้องการนำมาปลูกในสวน เพียงแค่ทราบคุณสมบัติเฉพาะตัวพอสังเขปเท่านั้น ไม่ต้องไปลงรายละเอียดมากนัก เช่น เมื่อนำลงปลูกแล้วจะเป็นลักษณะเช่นใด หรือสมควรลงปลูกบริเวณไหนถึงเหมาะสม แต่หากว่าต้องการจะเจาะลงไปถึงเมื่อได้ผลผลิตแล้วนำมาทำเมนูอะไรได้บ้าง จะเยี่ยมมากขึ้นไปอีกครับ เพราะเมื่อได้ผลผลิตจะได้นำมาทำเมนูอาหารชนิดรู้คุณค่า พร้อมประโยชน์ที่พืชตัวนั้นๆ เกษตรกรสายพันธุ์ผู้สูงวัยว่าเยี่ยมดีไหม เพราะอย่างน้อยเราได้ใช้สมองได้อย่างต่อเนื่อง
อย่าลืมนะครับ สมองนี้จะทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของระบบอวัยวะทุกส่วนของร่างกาย รวมตลอดไปจนถึงการทำงานในระดับสูงของระบบประสาท ไม่ว่าจะเป็นความจำ การเรียนรู้ ความคิดสร้างสรรค์ อารมณ์ เหล่านี้เป็นต้น อย่างนี้ชีวิตก็ไม่เหงาแล้วครับ สำหรับการใช้ชีวิตเกษตรกรสายพันธุ์ผู้สูงวัย กับเวลาที่มีเหลืออยู่ หากไม่นำสมองมาใช้บ่อยๆ ระวังสมองจะฝ่อนะครับ ทุกเรื่องราวรายละเอียดของพืชทุกชนิดล้วนมีอยู่ทั่วไปตามสื่อต่างๆ หากสนใจจริง สมัครเป็นสมาชิกนิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน ฉบับเดียวเท่านั้น ทุกอย่างครบเครื่องเรื่องของความสุขสำหรับผู้สูงวัยครับ
หลังจากได้ชื่อพันธุ์พืชและผักตามที่เราต้องการแล้ว ต้องลองศึกษาก่อนลงมือปลูกทุกชนิด ยกตัวอย่าง ผมเขียนแบบว่าให้เกษตรกรสายพันธุ์ผู้สูงวัยรับทราบ เพราะเรานั้นไม่ใช่พวกเกษตรกรมืออาชีพ แค่มือใหม่หัดปลูกเท่านั้น เช่น จะปลูกมะละกอไว้กินสักต้นหรือสองต้น ต้องรู้เป็นเบื้องแรกเสียก่อนว่า มะละกอนั้นเป็นพืชล้มลุก เมื่อออกผลจะมีดอกตัวเมีย ดอกตัวผู้อยู่แยกคนละต้น และจะไม่สามารถทำให้ติดผลได้ แต่ในระยะเป็นต้นกล้า เราไม่สามารถมองออกได้ว่าเป็นต้นตัวผู้หรือต้นตัวเมีย
หรือต้องการจะปลูกใบย่านาง จำต้องทราบอีกด้วยว่า ต้นย่านางนั้นเป็นไม้เลื้อยคล้ายเถาวัลย์ เมื่อนำมาปลูกต้องมีที่ให้คุณย่านางได้มีที่เลื้อย หรือต้องการปลูกต้นชะพลู เราต้องรู้ก่อนว่า ชะพลู ต้นมีขนาดเล็ก ต้นตั้งตรง มีรากงอกออกตามข้อ ชอบที่ร่ม หรือต้องการปลูกเตยหอมก็เช่นกัน ต้องทราบก่อนว่า เตยหอมเป็นไม้ยืนต้นพุ่มเล็ก เจริญเติบโตได้หลายปี นิยมความชื้น ลำต้นจะเป็นข้อยาว แตกกอเป็นพุ่ม ออกใบบริเวณปลายยอด เหล่านี้เป็นต้น
ที่เขียนมาคือการนำเสนอตามที่แฟนๆ ผู้สูงวัยต้องการ เรื่องราวต่อไปจะนำมาเสนอในปักษ์ที่ 610 วันที่ 1 พฤศจิกายน นี้นะครับ ติดตามกันนะครับ ห้ามพลาด จะเป็นเรื่องราวต่อเนื่องแบบว่ามีการนำเสนอตัวอย่างจริงๆ เพราะผมได้ใช้เวลาในการทำสวนที่บริเวณบ้านพักอาศัยของผมเป็นระยะเวลานานพอสมควร จะนำเสนอให้ท่านที่ต้องการเป็นเกษตรกรสายพันธุ์ผู้สูงวัยได้เห็นว่า สามารถลงมือปฏิบัติเองได้ชนิดมีความสุขจริงๆ ครับ
หากเกษตรกรสายพันธุ์สูงวัยมีคำถาม หรือสนใจเรื่องราวของ ชะอมไม้เค็ด 2009 ติดต่อผู้เขียน โทร. (081) 846-0652 หรือเฟซบุ๊ก ใช้ชื่อ นายสมยศ ศรีสุโร หรือต้องการกิ่งพันธุ์ที่แท้ โทร. (084) 558-8639 คุณสุพล แสงทอง ด้วยความยินดีมากครับ
สุดท้าย หนึ่งชีวิตที่เรามีอยู่นี้เมื่อเป็นของเรา เราต้องนำมันติดตัวไปด้วย เพราะจะอยู่กับเราจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ผมย้ำเสมอ ลืมอะไรจงลืมไปเถิด ขอเพียงแต่อย่าพยายามลืมชีวิตตัวเองเท่านั้นเป็นพอ หาไม่แล้ว เราจะไร้ซึ่งสิทธิ์ในการใช้ชีวิตของเรา การอยู่ให้มีความสุขนั้น ถึงในบางครั้งจะใช้ชีวิตได้ไม่ง่ายก็ตามที แต่ก็ไม่ยากไม่ใช่หรือ ขอเพียงให้พอใจกับชีวิตของเรากับทุกๆ สิ่งที่มีอยู่ พอกันหรือยัง
สำหรับหนึ่งชีวิตที่มีอยู่นี้ พยายามทำให้มีเวลาในทุกวันให้ดีที่สุด คิดเสมอว่า วันนี้คือวันสุดท้ายของอดีตและอนาคตที่มีลมหายใจอยู่ อย่าพยายามไปมองสิ่งที่ขาดหายจนเกินไป เพราะจะทำให้เกิดทุกข์เพิ่มมากขึ้น มองแต่สิ่งที่มีเหลืออยู่กับเราในเวลานี้ เพราะสิ่งเหล่านั้นคือความจริงที่เป็นชีวิตของเรา ขอให้มีอยู่ จงทะนุถนอมดูแลรักษาไว้ให้ดี อย่าให้หายไปไหนอีก
ผู้สูงวัยที่รักเคารพอย่างสูง ทุกวันนี้มองหาอะไรกันอยู่อีก สิ่งที่มีอยู่ไม่พอกันอีกหรือ รู้ไหมว่า สิ่งที่ต้องการเพิ่มขึ้นสำหรับเวลาที่เหลืออยู่ของชีวิตนั้น ล้วนแต่นำความทุกข์มาให้ทั้งสิ้น ปลงเสียบ้างเถิด มาเป็นเกษตรกรสายพันธุ์ผู้สูงวัยให้มีความสุขกับเวลาที่เหลืออยู่ดีไหม? สวัสดี