พุทธคยา ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ 1 ใน 4 สังเวชนียสถาน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05076011058&srcday=2015-10-01&search=no

วันที่ 01 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 27 ฉบับที่ 608

หมอเกษตร ทองกวาว

พุทธคยา ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ 1 ใน 4 สังเวชนียสถาน

เรียน ท่านผู้อ่านที่เคารพ

ผมขอเล่าเรื่องอินเดียอีกหนึ่งปักษ์ สลับกันไปกับคอลัมน์ตอบ ถาม ปัญหาตามปกติ สำหรับปักษ์นี้ขอเล่าถึงสังเวชนียสถาน ลำดับที่ 2 สถานที่ตรัสรู้ของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือที่ พุทธคยา ตั้งอยู่ที่เมือง กายา หรือ Gaya ห่างจาก โกลกัตตา อดีตเมืองหลวงของอินเดีย 500 กิโลเมตร ขึ้นกับรัฐพิหาร ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ในสมัยพุทธกาล เรียกที่แห่งนี้ว่า อุรุเวลาเสนานิคม แคว้นมคธ

สิ่งสำคัญในสังเวชนียสถานแห่งนี้มีอยู่หลายสิ่ง คือ ต้นพระศรีมหาโพธิ ที่เป็นสหชาติกับพระพุทธเจ้า หมายถึง ต้นโพธิต้นนี้ เกิดพร้อมกับพระประสูติกาลของเจ้าชายสิทธัตถะราชกุมาร ปัจจุบันนี้ ต้นพระศรีมหาโพธิเป็นต้นชั่วที่ 4 ต้นแรกที่พระองค์ประทับนั่งใต้ร่มเงา จนตรัสรู้ (หมายถึง รู้แจ้ง รู้จริง ด้วยพระองค์เอง) ถูกทำลายด้วยน้ำมือพระชายาของพระเจ้าอโศกมหาราช ที่เอาใจใส่หมั่นเสด็จมากราบไหว้บูชาเป็นประจำ แม้นว่าพระพุทธเจ้าจะเสด็จสู่ปรินิพพานไปแล้วเกือบ 300 ปี ก็ตาม ทำให้พระนางเกิดความไม่พอใจ จึงให้ข้าทาส นำน้ำร้อนมารดที่โคนต้นพระศรีมหาโพธิ พร้อมโค่นจนล้มลง แต่ด้วยความเคารพศรัทธาของพระเจ้าอโศกมหาราช พระองค์เพียรพยายามนำน้ำนมจากแม่วัวนับร้อยตัว มาราดลงที่รากใหญ่ของต้นพระศรีมหาโพธิ ที่ยังคงมีชีวิตอยู่ เฝ้าฟูมฟักอยู่พักใหญ่ ในที่สุด ต้นอ่อนได้งอกออกมาจากรากที่ทอดยาวไปตามพื้นธรณี แล้วพัฒนาเป็นต้นพระศรีมหาโพธิต้นใหม่ เป็นต้นที่ 2 สมดังพระประสงค์ (ลักษณะการเกิดของต้นโพธิดังกล่าว เป็นไปตามธรรมชาติของพืชในวงศ์นี้) ต้นที่ 2 มีอายุยืนยาวต่ออีก 871-891 ต่อมาก็ถูกโค่นทำลายลงด้วยน้ำมือของพระเจ้าศศางกา ราชาฮินดู แห่งแคว้นเบงกอล ด้วยไม่ประสงค์จะให้พุทธศาสนิกชนได้มากราบไหว้บูชา เป็นการสกัดกั้นการเจริญเติบโตของศาสนาพุทธอย่างเข้มงวด แต่ยังมีกษัตริย์อีกพระองค์หนึ่ง ที่ศรัทธาในพุทธศาสนา ได้ปลูกต้นโพธิ ต้นที่ 3 ขึ้นด้วยวิธีเดียวกับการปลูกต้นที่ 2 มีพระนามว่า ปูรณวรมา กษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์เมารยะ ต้นพระศรีมหาโพธิต้นที่ 3 อายุยืนยาวมานานถึง 1,250 ปี แล้วตายลงตามอายุไขของต้นไม้เอง สำหรับต้นที่ 4 ใช้เชื้อพันธุ์เดิมปลูก โดย นายพล เซอร์ อเล็กเซนเดอร์ คันนิงแฮม ข้าหลวงใหญ่ชาวอังกฤษ ที่ปกครองอินเดีย เมื่อปี พ.ศ. 2423 นับถึงปัจจุบันได้ 135 ปี พอดี

พระมหาโพธิเจดีย์ หรือ เจดีย์พุทธคยา สร้างขึ้นโดย พระเจ้าหุวัชกะ เพื่อเป็นพุทธบูชา เมื่อปี พ.ศ. 692 ตั้งตระหง่าน ประชิดอยู่กับต้นพระศรีมหาโพธิ เพื่อให้เป็นสถานที่สำหรับสักการะบูชาของพุทธศาสนิกชน เดิมทีน่าจะมีขนาดเล็กกว่าปัจจุบัน ต่อมามีการบูรณะซ่อมแซม และปรับปรุงใหม่ ตามที่เห็นในปัจจุบัน มีรูปทรงสี่เหลี่ยม สูง 40 เมตร วัดรอบฐานได้ 121 เมตร ภายในเจดีย์เป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธเมตตา เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย แกะสลักด้วยหินแกรนิตสีดำ ลงรักปิดทองสีเหลืองอร่าม มีพระพักตร์อิ่มเอิบ สวยงาม เป็นสง่า อมยิ้มเล็กน้อย มีวงรัศมีสีทองเป็นวงกลม คล้ายดอกไม้ ยิ่งเน้นให้เห็นความงดงามยิ่งขององค์พระ หากผู้ใดมาประสบพบเห็น จะมีความสุขใจกันทุกคน แม้แต่ชาวฮินดูเองก็อดมิได้ที่จะเดินทางเข้ามากราบไหว้บูชา นับอายุแล้ว พระพุทธเมตตา สิริรวมอายุของท่านไม่น้อยกว่า 1,400 ปี พระพุทธเมตตาองค์นี้ เกือบถูกทุบทำลายจากน้ำมือของคนนอกศาสนา แต่ก็รอดพ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ โดยผู้มีอำนาจ สั่งให้ขุนทหารมาทุบทำลาย ครั้นขุนทหารผู้นั้นได้เห็นพระพุทธรูปที่สวยงาม เป็นสง่าน่าเลื่อมใส เปี่ยมไปด้วยความเมตตา ก็กลับทำร้ายไม่ลง แต่ครั้นจะไม่ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้เปลี่ยนแปลงไป ย่อมถูกผู้มีอำนาจลงโทษสถานหนักอย่างแน่นอน จึงออกอุบายให้ไพร่พลที่ไว้ใจได้ ก่อกำแพงกั้นไว้ พร้อมกับนำเทพที่ตนเคารพบูชามาประดับไว้ด้านหน้ากำแพง เพื่ออำพราง เพื่อภารกิจเสร็จสิ้นจึงกลับไปรายงานให้ผู้มีอำนาจได้ทราบ แต่ด้วยสำนึกผิดของท่านผู้มีอำนาจ เกรงกลัวต่อบาปที่กระทำลงไป ต่อมาไม่นานก็ได้สิ้นชีพลง จากนั้นชาวพุทธผู้เคารพศรัทธาพระพุทธเมตตา ต่างร่วมมือกันทุบกำแพงกั้นออก และนำเทพองค์นั้นไปสถิตไว้ในที่อันเหมาะสม พระพุทธเมตตาจึงกลับมาเป็นที่เคารพบูชาของพุทธศาสนิกชนเหมือนดั่งเดิม

พระแท่นวัชระอาสน์ รัฐบาลศรีลังกา ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลอินเดีย ให้สร้างคร่อมอาสนะเดิมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเคยประทับนั่งอยู่ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ ทางทิศตะวันออก สร้างด้วยหินทราย เป็นรูปสี่เหลี่ยม มีลักษณะเป็นเก้าอี้ม้ายาวหินอ่อน สำหรับนั่งได้สัก 2 คน เห็นจะได้ ตลอดเวลาจะมีพุทธศาสนิกชนเดินทางมาจุดธูป เทียน และดอกไม้บูชาไม่ขาดสาย บริเวณโดยรอบพุทธคยา จะมีวัดนานาชาติสร้างไว้ เช่น วัดจีน ญี่ปุ่น ไทย เกาหลี ภูฏาน เนปาล พม่า และเวียดนาม พุทธคยาจึงมีทัศนียภาพที่ร่มรื่น งดงาม และปีติสุข

นางสุชาดา เป็นสตรีที่ถูกกล่าวขานเป็นอย่างมากในพระพุทธประวัติ นางเป็นธิดาของคหบดีผู้มั่งคั่งคนหนึ่ง อาศัยอยู่ไม่ไกลจากพุทธคยานัก ในวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 6 นางได้นำข้าวมธุปายาส ที่นางตั้งใจปรุงอย่างดี นำไปถวายแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขณะพระองค์ประทับอยู่ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ โดยเข้าใจว่า เป็นเทพยดาลงมาโปรด ด้วยรูปร่างของพระองค์งามสง่า พระพักตร์เปล่งปลั่ง ประดุจดังเทวาอารักษ์ หลังถวายข้าวมธุปายาส พร้อมถาดทองคำและฝาครอบแล้ว ได้กราบลาพระองค์กลับไป ในวันรุ่งขึ้นพระพุทธองค์ก็ได้ ตรัสรู้ หรือ รู้แจ้งเห็นจริงด้วยพระองค์เอง ณ ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ นั่นเอง

ก่อนจบ มาทำความเข้าใจความหมายของคำว่า สังเวชนียสถาน กัน โดยพระมหาอุเทน ปัญญาปริทัตต์ เปรียบธรรม 9 ประโยค วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร คณะ 9 บางลำพู กรุงเทพฯ อธิบายว่า สังเวชนียสถาน หมายความว่า “สถานที่ให้ความรู้ ความเข้าใจ ตามความเป็นจริง” มิได้หมายถึง สถานที่สำหรับปลงสังเวชอย่างที่เข้าใจกันแต่อย่างใด สำหรับรายละเอียดของสังเวชนียสถานอีก 3 แห่ง โปรดติดตามต่อไป

ท่านที่สนใจ ต้องการไปแสวงบุญ และได้สัมผัสอินเดียแท้ๆ แบบสบายๆ แต่ได้ความรู้ ติดต่อที่ คุณพรพิมล โทร. (086) 832-2972 ได้ตลอดเวลา

สวัสดีครับ

หมอเกษตร ทองกวาว

Leave a comment