ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/detail/20160307/223689.html
ภัยคุกคามใหม่ของศรีลังกา (1) : มองมุมยุทธศาสตร์ เรือรบ เมืองมั่น
ได้มีโอกาสไปเยือนศรีลังกาและพูดคุยปัญหาความท้าทายด้านความมั่นคงที่นั่นอีกครั้ง หลังจากเมื่อสองปีก่อนก็ไปมาที่เกาะเล็กแห่งนี้หลังสิ้นสงครามกลางเมืองไปแล้ว 7 ปี กำลังอยู่ในขั้นตอนทะยานตัวขึ้น โผบินเข้าสู่อ้อมกอดอันอบอุ่นของเอเชีย-แปซิฟิก ที่กำลังรุ่งเรืองจนกลายเป็นภูมิภาคที่กระฉับกระเฉงร้อนแรงที่สุดในโลก มิใช่อ้อมอกเดิมที่เย็นชืดของเอเชียใต้ แน่นอนว่าอนาคตนั้นอาจมิได้งามหรูดังฝัน ภัยคุกคามแบบใหม่กำลังถูกประเมิน แล้วเราก็ต้องประเมินความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับศรีลังกาอีกทีหนึ่ง เพราะสองชาตินี้ห่างกันเพียงหนึ่งชั่วโมงบินเท่านั้น และศรีลังกาอยู่บนเส้นทางสายส่งกำลังบำรุงของหลายชาติ เป็นจุดศูนย์ดุลมหาสมุทรอินเดียที่จะยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะในยุคที่เอเชีย-แปซิฟิกกำลังขยายตัวผนวกเป็นภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก
สมัยก่อนเมื่อนึกถึงความมั่นคงของศรีลังกานั้นไม่ต้องคิดนาน ความแข็งแกร่งของขบวนการพยัคฆ์ทมิฬอีแลม กลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่ประสบความสำเร็จที่สุดในประวัติศาสตร์โลกยุคใหม่นั้น เป็นเรื่องที่ดังไปทั่วโลก กลุ่มก่อการร้ายนี้มีกองกำลังหลายหมื่นคน มีอาวุธครบสามเหล่าทัพ ปรับเป็นกองกำลังตามแบบ มีกำลังทางเรือไล่จมเรือรบรัฐบาลได้ มีกำลังทางอากาศทิ้งระเบิดไกลถึงเมืองหลวง กำลังทางบกบุกยึดป้อมค่ายฆ่าทหารตายทีละหลักพัน มีกำลังรบพิเศษ ทั้งฆ่าตัวตายและจรยุทธ์ ระเบิดทำลายสนามบิน ตลาดหุ้น ฆ่าผู้นำรัฐบาล เรียกว่าสารพัดจะน่าสะพรึงกลัว สามารถยึดครองพื้นที่ทางภาคเหนือและตะวันออกของประเทศ สถาปนาเป็นรัฐอย่างไม่เป็นทางการได้ พร้อมทั้งมีผู้สนับสนุนโพ้นทะเลหลายล้านคน ตั้งแต่ พ.ศ. 2526-2552 มีคนตายเหลือคณานับ หนักว่าสงครามปราบคอมฯ บ้านเราหลายเท่า
แต่ทุกวันนี้ขบวนการนี้สิ้นซากไปแล้ว ศรีลังกาเป็นประเทศเดียวในโลกยุคใหม่ที่อวดอ้างตนเองอย่างภูมิใจว่า อาศัยกำปั้นเป็นหลักในการเอาสยบศัตรูภายในประเทศ ที่อื่นๆ ในโลกล้วนต้องอาศัยการเจรจา ไม่ว่าจะเป็น มินดาเนา หรืออาเจะห์ อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬอีแลมแม้จะน้อยนิด ก็ยังเป็นภัยคุกคามหมายเลขหนึ่งที่ศรีลังกาจับจ้องมอง
ถึงจะไม่มีอีกแล้วพวกชาวทมิฬที่รวมตัวกันมาทำสงคราม จัดหาอาวุธ หรือก่อเหตุร้ายสักเหตุเดียวในรอบ 7 ปีมานี้ แต่ในยามที่ศรีลังกาลดการ์ดลง (เนื่องจากเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ที่สมกับเป็นรัฐบาลยามสันติ ไม่ใช่รัฐบาลเดิมที่ถึงแม้จะเป็นวีรบุรุษสงคราม แต่ก็ชักจะออกลูกเผด็จการมากไปตามการอยู่ยาวของการครองอำนาจ) ก็มีความห่วงใยกันว่า แนวร่วมที่ต้องการเรียกร้องเอกราชให้ชาวทมิฬจะฟื้นคืนชีพ สร้างความวุ่นวายในประเทศได้อีก
แนวร่วมเหล่านี้มีอยู่ไม่ขาดสายในประเทศเพื่อนบ้านและในยุโรป ประเทศแถบนั้นก็ไม่ค่อยญาติดีกับฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐของศรีลังกา มีทหารหลายคนยังติดแบล็กลิสต์เรื่องสิทธิมนุษยชนอันเป็นผลมาจากการทำสงครามกลางเมืองอยู่เลย การปลุกระดมอาจนำไปสู่เรื่องร้ายได้ นี่คือภัยคุกคามลำดับแรก ในสัปดาห์หน้าจะมากล่าวถึงอีกสามภัยคุกคามกันต่อครับ
