ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/detail/20160301/223361.html
การเมือง : ข่าวทั่วไป
วันอังคารที่ 1 มีนาคม 2559
‘สุวพันธุ์’ ปัดตอบปมพระสงฆ์ขึ้นป้ายค้านรัฐบาลดึงตั้ง ‘สังฆราช’ ประชุมร่วม ครม.-คสช. ยังไม่คุยร่างพ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติ
1 มี.ค.59 เมื่อเวลา 08.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนการประชุมคณะรัฐบาล (ครม.) ร่วมกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถึงกรณีที่มีข่าวว่าพระสงฆ์ขึ้นป้ายคัดค้านรัฐบาล จากกรณียังไม่ดำเนินการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20 ว่า “ไม่รู้”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะนำร่างพ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติ เข้าที่ประชุม ครม. และคสช.หรือไม่ นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า ยังไม่เข้าครม. เพราะต้องรอหารือกับวิปรัฐบาลก่อน
‘องอาจ’ เสนอทำกฎหมายประชามติ ออกเป็น พ.ร.บ.เพื่อขจัดปัญหา
1 มี.ค. นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ส่งเนื้อหาอย่างไม่เป็นทางการเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยความเรียบร้อยในการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ โดยเสนอให้รัฐบาลออกคำสั่ง มาตรา 44 ในรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ. ศ. 2557 แต่รัฐบาลไม่เห็นด้วยที่จะใช้มาตรา 44 และส่งกลับให้คณะกรรมการการเลือกตั้งยกร่างเป็นกฎหมายทำเป็นพระราชบัญญัติ หรือ พระราชกำหนด ต่อไปนั้น ปรากฏว่ามีการเพิ่มเติมเนื้อหาเกี่ยวกับกำหนดโทษที่อาจมองได้ว่าเป็นการปิดปากฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญนั้น
“ผมขอเรียกร้องให้ กกต.และ ผู้เกี่ยวข้องกับกระบวนการในการออกกฎหมายประชามติเขียนเนื้อหาสาระในร่างกฎหมายให้มีความชัดเจน ไม่คลุมเครือจนอาจถูกตีความไปตามความต้องการของแต่ละฝ่ายได้ เพราะถ้าเขียนกฎหมายประชามติไม่ชัดเจน เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งดำเนินคดีกับผู้รณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ก็อาจถูกใช้เป็นเงื่อนไขโจมตีคณะกรรมการเลือกตั้ง ว่ารับลูกผู้มีอำนาจเล่นงานคนที่ไม่อยากรับร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญโดยรวมอาจถูกขยายผล สร้างเงื่อนไข ทำให้การออกเสียงประชามติไม่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และการเขียนกฎหมายประชามติให้ชัดเจน จะช่วยป้องกันไม่ให้ผู้มีอำนาจใช้อำนาจในทางมิชอบ จึงขอให้ กกต.และผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะรัฐบาลพิจารณาเรื่องนี้อย่างจริงจัง” นายองอาจ กล่าว
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนเห็นว่ากฎหมายประชามติควรออกเป็นพระราชบัญญัติจะเหมาะสมกว่า เพื่อให้เกิดความรอบคอบ ป้องกันปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น และทำให้การออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญเป็นไปด้วยความสุจริตเที่ยงธรรมอย่างแท้จริง
‘พีระศักดิ์’ ไม่ค้านตั้งส.ว.สรรหาช่วงเปลี่ยนผ่าน
นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 2 กล่าวถึงกรณีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ระบุให้มีส.ว.จากการสรรหาทั้งหมดในช่วงการเปลี่ยนผ่าน 5 ปีว่า ไม่ขัดข้อง หากจะมีส.ว.สรรหาทั้งหมดในช่วงการเปลี่ยนผ่าน เมื่อไม่อยากให้ตั้งองค์กรใหม่มาควบคุม ก็ควรใช้องค์กรที่มีอยู่ เช่น ส.ว.มาดูแลในช่วงเฉพาะกิจ เพื่อให้มาทำหน้าที่ถ่วงดุลกับส.ส.จากการเลือกตั้ง เพื่อกำกับดูแลการทำงานของส.ส.ให้อยู่ในกรอบกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม อยากให้กระบวนการสรรหาส.ว.ชุดเฉพาะกิจเหล่านี้ กระจายไปให้ทั่วถึงทุกกลุ่ม โดยเฉพาะควรให้มีสัดส่วนส.ว.จากภาคต่างจังหวัดมากขึ้น และบทบาทของส.ว.ชุดนี้ควรทำหน้าที่ถ่วงดุลฝ่ายบริหารเพียงอย่างเดียว ไม่ควรมีอำนาจเข้าไปก้าวก่ายการทำงานฝ่ายบริหาร
