8 มี.ค. 59  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  มหาวิทยาลัยรังสิต ได้จัดงานเสวนา เรื่อง “การปฏิรูปตำรวจ” โดยเป็นความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยรังสิต กับโรงเรียนนายร้อยตำรวจ อ.สามพราน จ.นครปฐม ซึ่งเวทีดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ , นักเรียนนายร้อยตำรวจ ตัวแทนประชาชน ตัวแทนหน่วยงานราชการ รวมถึงนักศึกษาที่สนใจเข้าร่วมฟังการเสวนาจากวิทยากรที่เกี่ยวข้อง

                    โดยนายอุดม รัฐอมฤต กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวว่า องค์กรตำรวจถือมีส่วนสำคัญต่องานรักษากฎหมาย ความยุติธรรมและแก้ปัญหาในสังคม แต่ที่ผ่านมาพบปัญหาในองค์กรตำรวจ อาทิ การถูกวิจารณ์ว่าองค์กรตำรวจเป็นกองทัพที่ 4 มีลักษณะคล้ายทหาร หรือถูกมองว่าเป็น รปภ. , รับสินบน , คอร์รัปชั่น ซึ่งต้องยอมรับว่าตำรวจถูกสังคมวิจารณ์มากเพราะมีความใกล้ชิดกับประชาชน ดังนั้น การปฏิรูปองค์กรจึงต้องมีแนวคิดที่ทำให้การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจต้องทำให้บ้านเมืองอยู่ได้อย่างสงบ รวมถึงช่วยเหลือสังคม นอกจากการบังคับใช้กฎหมายเท่านั้น ปัญหาสำคัญที่เห็นชัดเจน คือ องค์กรที่ดูแลความสงบเรียบร้อยและการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่พัฒนาส่งผลให้องค์กร หรือหน่วยงานอื่นๆ ไม่สามารถพัฒนาได้ตามไปด้วย โดยตำรวจต้องเปลี่ยนแปลงองค์กรตัวเอง อย่าใช้รูปแบบของทหาร ที่จะเลื่อนตำแหน่งได้ ต้องใช้ความใกล้ชิดกับผู้บังคับบัญชาถึงจะเลื่อนตำแหน่งได้ ดังนั้นต้องให้คนดีมีโอกาสมากกว่าคนที่มีความสนิทกับคนในระบบ ในร่างรัฐธรรมนูญกำหนดให้มีการปฏิรูปเรื่องระบบงานบริหารบุคคลให้เสร็จภายใน 1 ปี แต่หากทำไม่เสร็จให้ใช้ระบบอาวุโสมาดำเนินการทันที ซึ่งเป็นคำขู่ที่ต้องให้หน่วยงานเร่งทำให้เสร็จ

                    “การปฏิรูปตำรวจในร่างรัฐธรรมนูญต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่มากกว่าการบังคับใช้กฎหมาย ทั้งนี้การปฏิรูปถูกมองในภาพรวมของภารกิจของตำรวจแทนมองที่ตัวบุคคล ทั้งนี้ กรธ.มองว่าการปฏิรูปตำรวจไม่ประสบความสำเร็จรัฐธรรมนูญฉบับที่ยกร่างจะหมดความหมายทันที และประเทศจะไปไม่รอด อย่างไรก็ตาม การเขียนให้มีปฏิรูปตำรวจและปฏิรูปการศึกษาถือเป็นความสำคัญอย่างมาก หากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ฟัง ต้องเร่งทำให้สำเร็จก่อนจะมีการเลือกตั้งใหม่ให้ได้ ที่ผ่านมาประเทศมีความขัดแย้ง ซึ่ง กรธ.คาดหวังว่า ตำรวจจะเป็นผู้มีส่วนร่วมไม่ให้ความขัดแย้งลุกลามบานปลายไปสู่การขัดแย้งจนฉีกรัฐธรรมนูญได้อีก”

                    ขณะที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง เเละอดีตเเกนนำ กปปส.กล่าวถึงปัญหาของตำรวจว่า ตนมองว่ามี 3 ประเด็น คือ 1. ตำรวจเป็นปัญหาของประเทศ เพราะตนมองว่าตำรวจเป็นส่วนหนึ่งของการรักษากฎหมายเพื่อให้ประเทศอยู่อย่างสงบสุข ทั้งนี้ การรักษากฎหมายนั้นต้องมีความเที่ยงตรง และรักษากฎหมายอย่างจริงจัง โดยโครงสร้างของตำรวจปัจจุบันไม่เอื้อให้ตำรวจทำงานได้อย่างสมบูรณ์ 2. ตำรวจเป็นปัญหาของประชาชน เพราะความถูกคาดหวังให้ปฏิบัติกับประชาชนอย่างเท่าเทียมและเสมอภาค รวมถึงไม่เลือกปฏิบัติ และให้ความยุติธรรมกับประชาชน ทั้งนี้ กระบวนการยุติธรรมมีจุดเริ่มจากตำรวจ หากการปฏิบัติหน้าที่ไม่เที่ยงตรง เมื่อคดีไปสู่อัยการ หรือศาลจะมีปัญหาได้ 3. ตำรวจเป็นปัญหาของตำรวจ ปัจจุบันมีตำรวจปฏิบัติหน้าที่กว่า 3 แสนคน แต่ส่วนใหญ่มีชีวิตต่ำกว่ามาตรฐานทั่วไป ทั้งค่าตอบแทนที่น้อย หรืออัตราต่ำ ซึ่งไม่เหมาะสมกับการทำงานที่ต้องตอบสนองความต้องการของประชาชน ซึ่งการปฏิรูปตำรวจตต้องพิจารณาถึงค่าตอบแทนที่เพียงพอและเกิดความภาคภูมิใจ ไม่ใช่ปล่อยให้ตำรวจไปหากินเอาเองเหมือนปัจจุบัน

                    “คนที่เป็นผู้ใหญ่ที่มีหน้าที่รับผิดชอบตำรวจไม่คิดแก้ปัญหานี้ คิดแต่จะใช้ตำรวจเท่านั้น รวมถึงผมที่เคยปฏิบัติหน้าที่เป็นรองนายกฯ ดูแล สตช.ด้วย แต่ตอนนี้ถึงเวลาและมีความจำเป็นแล้วที่จะปฏิรูป ในช่วงรัฐบาลของ คสช.อยู่ในฐานะที่จะปฏิรูปให้สำเร็จได้ แต่ไม่ทราบว่ารัฐบาลจะเอาจริงหรือไม่ เพราะรัฐบาลอาจเกรงใจตำรวจ และกลัวการประท้วงของตำรวจก็ได้ ผมขอเรียกร้องให้ข้าราชการตำรวจร่วมปฏิรูปตนเอง เพราะไม่มีใครรู้เรื่องดีกว่าตำรวจแล้ว”

                    นายสุเทพ กล่าวเรียกร้องด้วยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องไม่ยอมรับระบบการรวมศูนย์อำนาจไว้ที่ส่วนกลาง เพราะที่ผ่านมาโดยเฉพาะการแต่งตั้ง – โยกย้ายต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้บัญชาการจากส่วนกลาง ซึ่งบางครั้งเกิดการวิ่งเต้น ซื้อขายตำแหน่ง ทำให้ตำรวจไม่เป็นตำรวจของประชาชน ดังนั้นการปฏิรูปตำรวจต้องรื้อทั้งโครงสร้าง เพื่อให้ตำรวจเป็นของประชาชน โดยให้ประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วมประเมินผลงานและตรวจสอบการทำงานของตำรวจในพื้นที่ และให้นำผลประเมินของประชาชนนั้นเป็นส่วนหนึ่งของการพิจารณาเลื่อนตำแหน่ง

                    นางฟองสนาน จามรจันทร์ นักจัดรายการวิทยุอิสระและนักโหราศาสตร์สมัครเล่น กล่าวว่า จากปรากฏการณ์ทางโหราศาสตร์ในปัจจุบัน เกี่ยวกับดาวมฤตยูนั้น เห็นชัดว่าเป็นโอกาสสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงหรือปฏิวัติงานด้านต่างๆ หากไม่ดำเนินการอย่างรุนแรง เช่น ให้กระจายอำนาจตำรวจ เช่น ปรับโครงสร้างให้มีผู้บัญชาการตำรวจระดับจังหวัดเพื่อดูแลงานในพื้นที่ ขณะที่ผบ.ตร.ส่วนกลางให้ทำหน้าที่เฉพาะกำกับดูแลหรือบริหารเท่านั้น เพื่อให้การพัฒนาเกิดขึ้นได้จริง ขณะที่แนวทางการปฏิรูปตำรวจนั้นตนเสนอให้เพิ่มนักจิตวิทยาเพื่อให้คำปรึกษาหรือพูดคุยกับเจ้าหน้าที่เพื่อลดความเครียดระหว่างหรือหลังการทำงาน

                    ส่วน พ.ต.ท.กฤษณพงศ์ พูตระกูล อาจารย์คณะตำรวจศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ กล่าวถึงการปฏิรูปตำรวจในมุมมองสากล ว่า การปฏิรูปตำรวจที่ถูกเรียกร้อง ตนมองว่าสังคมและเศรษฐกิจมีความเปลี่ยนแปลงไปมาก แม้ตำรวจไทยจะมีต้นแบบมาจากประเทศอังกฤษ เมื่อ 100 ปีที่ผ่านมา แต่ประเทศอังกฤษ มีการปฏิรูปและได้รับการยอมรับอย่างมาก แต่ของประเทศไทยจะต้องทำอย่างไร เพื่อทำให้การปฏิรูปได้รับยอมรับ โดยสาระสำคัญ คือ การปลอดการแทรกแซงทางการเมือง กล่าวคือ ตามกฎหมายตำรวจ ยังมีนายกฯ ร่วมเป็นประธานในส่วนของกรรมการที่เกี่ยวข้องกับตำรวจ ทั้งการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และการบริหารข้าราชการตำรวจ ซึ่งผู้มีอำนาจทราบแต่ไม่แก้ไขทั้งๆ ที่ในหลายประเทศมีการแก้ไข ต่อมาคือการปฏิรูปตำรวจให้ออกจากความขัดแย้งทางสังคม ที่ผ่านมาความขัดแย้งในสังคมแก้ไขไม่ได้จึงเป็นที่มาของการปฏิรูปตำรวจที่ไม่สามารถทำได้ โดยเหตุผลสำคัญของประเด็นทางการเมืองที่แทรกแซง คือการใช้งานตำรวจเพื่อเล่นงานฝ่ายตรงข้าม ทำให้การปฏิบัติหน้าที่ขาดจริยธรรม การปฏิรูปของตำรวจของต่างประเทศ อาทิ ไอร์แลนด์เหนือ ได้ตั้งคณะกรรมการอิสระเข้ามาดำเนินงาน และเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญเหมือนกับร่างรัฐธรรมนูญของ กรธ.

                    พ.ต.ท.กฤษณพงศ์ กล่าวด้วยว่าสำหรับการปฏิรูปให้ตำรวจมีความเป็นมืออาชีพนั้นในต่างประเทศใช้ระบบการอบรม ซึ่งมีการตั้งคำถามว่ามีงบประมาณเพียงพอหรือไม่ และมีกำลังทดแทนช่วงที่ตำรวจบางส่วนเข้ารับการอบรมหรือไม่ เพราะตำรวจต้องลงพื้นที่เพื่อตรวจความเรียบร้อย ขณะที่จากเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ใจกลาง กทม.ที่ผ่านมา ไม่มีการตรวจสอบ จนเกิดความเสียหาย และการจับกุมนั้นต้องใช้เวลา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะภาพจากกล้องวงจรปิดไม่ชัดเจน ขณะที่ต่างประเทศจะมีระบบจับภาพตั้งแต่ออกจากบ้านๆ โดยมีข้อมูว่าในหนึ่งวันคนๆ หนึ่งจะมีภาพปรากฏในกล้องวงจรปิดมากกว่า 300 ภาพ ทั้งนี้ยอมรับว่าเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทยยังมีไม่เพียงพอ เมื่อเทียบกับตำรวจประเทศ อื่นๆ ที่ได้ร้บการยอมรับในการปฏิบัติหน้าที่

                    “จะปฏิรูปตำรวจจะสำเร็จนอกจากองค์ความรู้ แต่ต้องการคนที่จริงใจ ไม่ยึดติดกับตำแหน่ง เช่น มาพูดเรื่องปฏิรูปตำรวจหลังพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว ทั้งนี้ข้อเสนอให้มีการกระจายอำนาจไปยังจังหวัด หรือมีกรรมการภูมิภาคจะทำได้จริงหรือไม่ ซึ่งในต่างประเทศมีการใช้ระบบดังกล่าว และมีระบบป้องกันฮั้ว และการคานอำนาจระหว่างกัน โดยผมมีข้อเสนอให้มีคณะกรรมการอิสระเพื่อพัฒนาระบบงานตำรวจ เพื่อตรวจสอบและประเมิน รวมถึงพัฒนาระบบให้ดีขึ้น ไม่ว่ามีรัฐบาลชุดใดเข้ามาคณะกรรมการดังกล่าวยังอยู่เพื่อศึกษาและพัฒนางานตำรวจ ทั้งนี้ในหลายประเทศใช้วิธีการปฏิรูปตำรวจโดยให้ภาคส่วนอื่นๆ เช่น ประชาชน เอกชน เข้ามามีส่วนร่วม”