ส.ว.เฉพาะกิจ ‘คาน’ หรือ ‘ค้ำ’ รัฐบาล ?

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/detail/20160306/223629.html

การเมือง : ข่าวทั่วไป
วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม 2559
ส.ว.เฉพาะกิจ 'คาน' หรือ 'ค้ำ' รัฐบาล ?

คม วิเคราะห์ การเมืองรอบสัปดาห์ : ส.ว.เฉพาะกิจ ‘คาน’ หรือ ‘ค้ำ’ รัฐบาล ? : โดย…โอภาส บุญล้อม สำนักข่าวเนชั่น

                     ภายหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) เสนอข้อเสนอเพื่อแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ 16 ข้อ และข้อที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุด คือ ข้อเสนอข้อที่ 16 ซึ่งใจความสำคัญคือเสนอให้มีการกำหนดบทบัญญัติใน “บทเฉพาะกาล” ที่ต่างไปจาก “บทถาวร” เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความโกลาหลวุ่นวายทั้งในช่วงหลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญ หลังเลือกตั้ง และหลังมีรัฐบาลใหม่  ก็มีการจับตามองไปถึง “อำนาจพิเศษ” ใน “ช่วงเปลี่ยนผ่าน” ว่าจะมีอะไรบ้าง
                     ต่อมา “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า ช่วงเปลี่ยนผ่านจะมีระยะเวลา 5 ปี  และได้มีการพูดถึงสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โดยยกตัวอย่างให้คิดว่า  จะให้ ส.ว.ทำหน้าที่ให้เกิดการคานอำนาจในช่วงเปลี่ยนผ่านและเมื่อถึงเวลาสถานการณ์ปกติ ส.ว. ก็จะเลือกตั้งใหม่ทั้งหมด
                     ชัดเจนมากขึ้นเมื่อ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ออกมาเสนอแนวคิดถึงการให้มี “ส.ว.สรรหาทั้งหมด” ในช่วงเปลี่ยนผ่าน 5 ปีว่า เพื่อจะได้ทำงานร่วมกันกับ ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้ง ในการปฏิรูปและปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ชาติให้เป็นตามกรอบที่วางไว้
                     ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์  ก็ออกมา “รับลูก” ทันควัน ถึงข้อเสนอของ พล.อ.ประวิตร ที่ให้มี ส.ว.สรรหา ในช่วงเปลี่ยนผ่านว่า ในหลายประเทศก็ทำแบบนี้ “ผมคิดว่า พล.อ.ประวิตร ก็เข้าใจเช่นเดียวกับผม เพราะคิดเหมือนกันอยู่แล้ว” และหาก ส.ว.อยู่ครบ 5 ปีได้จริงก็ทำหน้าที่พิจารณาร่วมกับ ส.ส.ในการเปิดประชุมรัฐสภา และอภิปรายในเรื่องที่เป็นประเด็นซึ่งไม่ใช่เพียงเรื่องทุจริต และทำหน้าที่แทนประชาชนในการดูแลเรื่องธรรมาภิบาลและความโปร่งใสในการทำงาน รวมถึงการเดินตามยุทธศาสตร์ประเทศ
                     เมื่อถึงเวลานี้ จึงน่าสรุปได้ว่าแนวทางหนึ่งในกลไกอำนาจพิเศษในช่วงเปลี่ยนผ่าน ก็คือ “ส.ว.” ที่จะมีบทบาทอย่างสูงในช่วงเปลี่ยนผ่าน โดยมีเป้าหมายให้ ส.ว.เป็นกลไกเข้ามาคานอำนาจฝ่ายบริหาร ซึ่งก็คือรัฐบาลชุดต่อไป โดยไม่ต้องสร้างองค์กรขึ้นมาใหม่ อย่างคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการปฏิรูปและปรองดองแห่งชาติ (คปป.) ในร่างรัฐธรรมนูญของนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ซึ่งทำให้ร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าวถูกกระแสต่อต้านและถูกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) คว่ำไปในที่สุด จึงต้องมีการออกแบบกลไกทางการเมืองส่วนต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่า แม้ไม่มี คปป.แต่ยังสามารถควบคุมตรวจสอบ หรือคานอำนาจฝ่ายรัฐบาลได้ ซึ่งมีรายงานข่าวว่า คสช.เองก็เห็นด้วยกับแนวทางนี้
                     ทั้งนี้ “ส.ว.เฉพาะกิจ” ตามสูตรนี้  ส.ว.จะมาจากการสรรหาทั้งหมดจำนวน 200 คน ส่วนอำนาจและวาระของ ส.ว.จะมีแค่ไหนนั้นยังไม่มีข้อสรุป
                     แต่ข้อเสนอที่ปรากฏออกมา คือให้ ส.ว.ร่วมเลือกนายกรัฐมนตรีด้วย ซึ่งเมื่อให้เลือกนายกฯ ก็ต้องมีอำนาจอีกอย่าง คือร่วมอภิปรายและลงมติในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลได้ และ ส.ว.ยังมีบทบาทในการดูแลให้รัฐบาลทำตามแผนปฏิรูปและยุทธศาสตร์ชาติ สำหรับวาระในการดำรงตำแหน่งของ ส.ว.ตอนนี้มีสูตรให้อยู่ 5 ปีเท่ากับวาระในบทถาวร แต่ก็มีเสียงท้วงติงว่าควรจะน้อยกว่านั้น เพราะหากให้มีวาระ 5 ปี และให้มีอำนาจเลือกนายกฯ ได้ ก็จะเท่ากับให้ ส.ว.เลือกนายกฯ ได้ถึง 2 รอบ เพราะ ส.ส.มีวาระ 4 ปี
                     อีกเหตุผลหนึ่ง ที่จำเป็นต้องวางกลไกในส่วน ส.ว.เพิ่มเติมเข้าไปเพื่อควบคุมดูแลหลังจากมีรัฐบาลใหม่ ก็เพราะว่าตามร่างรัฐธรรมนูญของ “มีชัย ฤชุพันธุ์” ในบทเฉพาะกาลกำหนดให้ คสช.ยังอยู่และมีอำนาจเหมือนเดิมทุกประการจนกว่ารัฐบาลชุดใหม่จะเข้าทำหน้าที่ ซึ่งกลไกดังกล่าวจะสามารถดูแลความสงบเรียบร้อยได้จนถึงมีรัฐบาลใหม่เท่านั้น
                     มีการมองว่าตามสูตรใหม่นี้ ส.ว.สรรหา ที่มีทั้งหมดถึง 200 คน ก็จะมีสภาพเหมือนเป็นฝ่ายที่สามในรัฐสภา เหมือนเป็นพรรคการเมืองขนาดใหญ่อีกพรรค ที่คอยคานอำนาจพรรคการเมืองใหญ่ในระบบเดิม เช่น พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ และหากมองไปที่ข้อเสนอข้อ 16 ของ ครม.ที่เสนอต่อคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญที่ว่า “ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในระดับหนึ่งอย่างมีดุลยภาพในช่วงเปลี่ยนผ่าน” เอาเข้าจริง ส.ส.ที่เลือกตั้งเข้ามา ก็จะเป็นแค่ตัวประกอบเท่านั้น
                     กลไกที่จะมีอำนาจและมีบทบาทในการกำหนดทิศทางทางการเมืองอย่างสูง ก็คือ “ส.ว.สรรหา” ที่พร้อมที่จะเป็นตัว “คาน” อำนาจรัฐบาลใหม่หลังการเลือกตั้ง แต่ถ้ามองจากอีกมุมที่มองว่านี่คือสูตรของการ “สืบทอดอำนาจ” กลไกของ ส.ว.ที่วางไว้ก็จะทำหน้าที่ในการ “ค้ำ” รัฐบาลทันที
                     อย่างไรก็ตาม มีการพูดคุยกันอยู่ในกลุ่มคนที่สนับสนุนแนวคิดนี้ ซึ่งก็คือฝั่ง คสช. ว่า หากคิดสูตรนี้ก็ต้องหมายถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องรับเป็นนายกฯ อีกครั้งหลังการเลือกตั้ง ด้วยเหตุผลที่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายทหารที่ประชาชนจำนวนมากให้การสนับสนุน แต่หาก พล.อ.ประยุทธ์ ไม่รับตำแหน่ง แล้วให้นายทหารคนอื่นที่ไม่มีฐานประชาชนสนับสนุนมาเป็น สูตรนี้ก็เสี่ยงที่จะล้มไม่เป็นท่าและอาจเกิดวิกฤติอีกครั้ง อาจจะเหมือนเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 ที่ต่อต้าน พล.อ.สุจินดา คราประยูร
                     แน่นอน พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่แสดงท่าทีที่ชัดเจนว่าจะเอาอย่างไร แต่หากจับท่าทีของพล.อ.ประยุทธ์  ก็จะพบว่าเริ่มเปลี่ยนไปจากเดิม คือ จากที่เคยยืนยันว่าจะไม่เป็นนายกฯ หลังเลือกตั้ง ก็มีน้ำเสียงที่ไม่ปฏิเสธอย่างแข็งขันเหมือนเมื่อก่อน  เห็นได้จากการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ที่ถูกถามว่าหลังเลือกตั้งรัฐบาลนี้จะยังอยู่หรือไม่ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า “ผมจะอยู่ได้อย่างไร ก็ไม่รู้ เป็นเรื่องที่ต้องไปพิจารณามา…ท่านอยากได้อย่างไร อยู่ที่ท่านกำหนดของท่านเองทั้งนั้น”
                     สำหรับ ส.ว. ตาม “ร่างรัฐธรรมนูญฉบับมีชัย”  ใน “บทถาวร” กำหนดให้มีจำนวน 200 คน มาจากการเลือกกันเองของบุคคลซึ่งมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ อาชีพ หรือทำงานด้านต่างๆ ที่หลากหลายของสังคม หรือที่เรียกกันว่า “เลือกทางอ้อม” ในแต่ละกลุ่มมีวาระ 5 ปี ส่วนอำนาจ เนื่องจากไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง จึงมีอำนาจไม่มาก โดยอำนาจหน้าที่หลัก คือการกลั่นกรองกฎหมายที่มาจากสภาผู้แทนราษฎร  ขณะที่ในบทเฉพาะกาลของร่างแรก ในขณะนี้ยังไม่มีการเขียนในเรื่อง ส.ว.ไว้ ซึ่งต้องรอดูกันต่อไปในร่างสุดท้ายว่าจะมีสูตร ส.ว.ตามที่กล่าวมาข้างต้น เพิ่มเข้าไปหรือไม่
                     ส่วนในอดีต  เช่น รัฐธรรมนูญ ปี 2550 ส.ว. มีทั้งสิ้น 150 คน  เป็น ส.ว.สรรหาจำนวน 73 คน และเลือกตั้งจำนวน 77 คน  เป็นระบบ “ปลาสองน้ำ” มีวาระ 6 ปี แต่ก็มีอำนาจค่อนข้างมาก คือนอกจากมีอำนาจหน้าที่ในการกลั่นกรองกฎหมายแล้ว  ยังมีอำนาจถอดถอนบุคคลสำคัญออกจากตำแหน่ง รวมทั้งเห็นชอบให้บุคคลดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระและองค์กรตามรัฐธรรมนูญ
                     อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมายังไม่เคยมีรัฐธรรมนูญฉบับไหนที่ให้ ส.ว.มีอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรี หรือเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล
                     ท้ายที่สุด ต้องรอดูว่า สูตร ส.ว.เฉพาะกิจที่ปรากฏออกมาเป็นการวาง “หมากเกมทางการเมือง” เพื่อ “ค้ำบัลลังก์” การสืบทอดอำนาจ หรือ “คานอำนาจ” รัฐบาลใหม่ เพื่อให้เดินตามแนวทาง “ปฏิรูป” ที่ คสช.กำหนดไว้
——————-
(คม วิเคราะห์ การเมืองรอบสัปดาห์ : ส.ว.เฉพาะกิจ ‘คาน’ หรือ ‘ค้ำ’ รัฐบาล ? : โดย…โอภาส บุญล้อม สำนักข่าวเนชั่น)

Leave a comment